+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+...+..+..+..+.
①
水曜日
Wednesday
of Silence
[Let’s survive]
11.09 PM.
ดวงจันทร์เต็มดวงในรอบเดือนทอแสงจ้าสง่ากลางฟากฟ้า
แสงสีเงินยวงฉาบลงบนพื้นโลกอย่างอ่อนโยน ในอาคารร้างแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้สถานีมินามิทางตอนล่างของเขตชินจูกุ
อีกหนึ่งฐานทัพลับที่ถูกใช้เป็นตัวล่อเวลานี้กำลังถูกทำให้ปั่นป่วน
เพียงการปรากฏตัวผ่านประตูทางเข้าแบบซึ่งๆ หน้า ของคนที่มีศักดิ์เป็นถึงผู้บังคับบัญชาการของ
JP's เพียงคนเดียว
"กะ
แกมาที่นี้ได้ยังไง!!"
ทำไมคนที่เป็นถึงหัวใจหลักของ
JP’s ถึงมาอยู่ที่นี่!!
"ฉันไม่จำเป็นต้องตอบ"
โฮซึอิน ยามาโตะสะบัดมือ เปิดสัญญาณให้แก่นักล่าสี่ขาพุ่งจู่โจม
"จัดการพวกขยะซะ
เซอเบอร์รัส"
"กรรรรร"
พยัคฆาสีเงินพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
ความรวดเร็วในการล่าเหยื่อรวดเร็วเสียจนจับตาแทบไม่ทัน
เขี้ยวสีมุขฝังลึกลงไปในเนื้อและกระดูกชโลมด้วยโลหิตสีเข้มของเหยื่อที่หมายตา
กรงเล็บที่มาพร้อมกับอำนาจแห่งเพลิงนรก ทุกการเคลื่อนไหวดับลมหายใจของผู้ที่ได้ประสบพบพาน
ช่างเป็นอะไรที่ไม่ต่างไปจากฝันร้ายเลยสักนิด
ร่างปราดเปรื่องของสัตว์ร้ายยืนท้าทายแสงจันทร์ ตาสีแดงทอแสงจ้า เซอเบอร์รัสส่งเสียงคำรามประกาศศักดาและอำนาจก้อง
พาให้ปีศาจอันเชิญตัวอื่นที่กรูเข้ามาผงะถอยด้วยความเกรงกลัวในระดับความต่างชั้นของพลัง
ชายคนหนึ่งตะโกน พร้อมอัญเชิญนกปีศาจออกมา "ถึงที่นี่จะถูกทำลาย
ยังไงซะ พวกแกก็ไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว!"
"เวลาน่ะหรือ" ยามาโตะยิ้มเยาะที่มุมปาก
เปลวเพลิงร้อนของเซอเบอร์รัสเผาผลาญนกปีศาจก่อนจะถึงตัวผู้เป็นเจ้านายที่กำลังก้าวไปหากลุ่มคนในชุดสีดำอย่างไม่รีบร้อน
"เหลือเฟือ"
ตู้มมม! ผลจากเพลิงร้อนดุจไฟนรกของเซอเบอร์รัส
เพียงพริบตาก็ทำให้ใจกลางของฐานทัพลับถูกทำลายไปอีกแห่ง
แรงระเบิดมหาศาลสั่นสะเทือนทั้งอาคารที่ตกอยู่ในเปลวเพลิง
"อั๊ก" ชายคนเดียวกับที่ตะโกนบอกในตอนแรกโดนแรงระเบิดปลิวออกนอกอาคาร
ร่างของชายฉกรรจ์คู้งออย่างเจ็บปวด ผิวหนังมีสะเก็ดแผลไฟไหม้อยู่เป็นหย่อมๆ เขาสูดหายหอบถี่อย่างคนขาดออกซิเจน
กัดฟันพยายามสะกดกลั้นความเจ็บปวด
ครั้นจะตั้งหลักลุกยืนก็ถูกรองเท้าบูทเหยียบที่หัวไหล่ และกดบี้จนกระดูกลั่นกร็อบ
เขาร้องโหยหวน "แก!
เวลาของพวกแกกำลังจะหมดลงแล้ว! พวกแกแพ้แล้ว!"
"หมายความว่าไง" ตาสีอเมทิสหรี่เล็ก
เสมือนมีสังหรณ์ประหลาดกับคำว่า 'เวลา' ที่อีกฝ่ายย้ำบอกกับตนเป็นรอบที่สอง
"หึๆ"
รอยยิ้มฉีกกว้างบนใบหน้าของผู้ปราชัย แขนข้างที่สวมนาฬิกาบอกเวลาเป็น
11.10 ชูขึ้นด้านบนราวกับท้าทาย
"เวลาของแก----
หมดแล้วยังไงล่ะ-!"
และทันทีที่ตัวเลขบนหน้าปัดบอกเป็น
11.11
บังเกิดเป็นแสงสว่างเจิดจ้าที่นาฬิกาข้างนั้น
ตามด้วยเสียงหวีดร้องของมวลอากาศที่ถูกใช้ทำปฏิกิริยาจุดระเบิด ยามาโตะรีบผละถอย
แต่ทำไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายกุมข้อเท้าเขาไว้แน่น
“ตายซะเถอะ
ทายาทโฮซึอิน”
!!
ตู้มมม!!
เสียงระเบิดกึกก้องกัมปนาท พลังในการทำลายก่อให้เกิดหลุมดินกว้างขนาดสิบเมตร
กวาดทุกสิ่งให้ราบเป็นหน้ากลอง ทันทีที่ทุกอย่างตกอยู่ในความสงบ
ฝุ่นควันฟุ้งกระจายถูกสายลมชะล้าง
ยินเสียงสะบัดของเสื้อสีดำคลุมที่กำลังโต้ลมและร่างของโฮซึอิน
ยามาโตะในสภาพไร้รอยขีดข่วน มือสวมถุงมือลดม่านพลังแห่งอำนาจหยินหยางจากอำนาจของชีพจรมังกร
ปรายสายตามองร่างไร้ชีวิตของชายผู้พลีชีพเหลือเพียงซากไหม้เกรียมเป็นตอนตะโกอย่างเย็นชา
ก่อนเบือนหน้ากลับไปที่อาคาร
"เซอเบอร์รัส"
เสียงเรียกไม่ต่างจากเสียงพูดโดยปกติ
แต่พยัคฆาสีเงินกลับได้ยินชัดเจน เพียงไม่กี่อึดใจ ร่างอันน่าหวั่นเกรงของสัตว์ร้ายที่ได้ชื่อว่าเป็นยามเฝ้าประตูนรกก็ขยับเข้ามายืนเคียงข้างผู้เป็นนายที่ผินหน้าไปทางทิศเหนือ
ลม-----
เปลี่ยนทิศแล้ว---------------
เมื่อรู้ว่าการติดต่อของชินจูกุมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอัมพาต
JP’s สาขาใหญ่จะไม่สามารถสนับสนุนได้อย่างเต็มที่
ยามาโตะเลยตัดสินใจลงมาควบคุมสถานการณ์ด้วยตนเอง
แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อค้นพบว่ามีฝั่งศัตรูมีฐานกองกำลังอยู่ในเขตชินจูกุมากกว่าในเขตอื่นๆ
ดังนั้นเด็กหนุ่มเลยส่งการแบ่งกำลังคนกระจายไปในพื้นที่ต่างๆ และในเขตที่ห่างไกลสายตา
เขาก็จะเป็นฝ่ายจัดการเอง
นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมโฮซึอิน
ยามาโตะถึงมาปรากฏตัวอยู่ทางตอนล่างของชินจูกุ---
ตาสีอเมทิสทอวาว ขณะพินิจพิเคราะห์กับข้อมูลในหัว
เหมือนกับอีกฝั่ง--------
จงใจถ่วงเวลา-----------------------
มีความเป็นไปได้ไหมที่ว่าคำพูดว่า
‘เวลา’
อีกฝ่ายจะมีความหมายมากกว่านั้น?
มีเรื่องอะไรไหมที่เขายังไม่รู้อีก?
ความสงสัยที่ไม่ได้รับคำตอบกระจ่างชัดเสียทีกระตุ้นให้
โฮซึอิน ยามาโตะ ก้าวต่อไปเพื่อค้นหาคำตอบด้วยตนเอง
แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง
“ก็ต้องจัดการให้ได้”
มือสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม
และกำหมาก ‘คิง’ สีขาวแน่น
‘คิง’ สีขาว---
ตัวแทนของหมากหนึ่งเดียวบนกระดานที่เด็กหนุ่มไม่อาจคาดเดาทิศทางของมันได้ด้วยความคิด
แต่ในยามคับขัน ‘คิง’
สีขาวตัวนี้กลับมีอำนาจในการพลิกหมากทั้งกระดาน
และนำชัยชนะกลับมาให้เขารู้สึกประหลาดใจทุกครั้ง
คิง------ ที่ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง
“อย่าเพิ่งตายซะล่ะ ‘คุเสะ
ฮิบิกิ’”
และในตอนนั้นเอง เวลา 11.12 PM. ต่อมา โทรศัทพ์ของยามาโตะก็ได้ส่งเสียงแจ้งเตือนแบบที่ทำให้ยามาโตะหยุดฝีเท้า
[คุณได้รับหนึ่งข้อความใหม่]
.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
-ทุกคนกำลังทำการดาวน์โหลดเพลย์อิ้งเกมอยู่
เท่านี้ ทุกคนจะได้มีความสุขกะนสักที-------
“อือ”
-แต่น่าเสียดายน้า
เพราะตอนนี้สัญญาณเครือข่ายทั้งหมดของชินจูกุใช้งานไม่ได้
อุซุงิก็เลยทำให้ทุกคนสนุกพร้อมกันไม่ได้---- คลาดเคลื่อนไปตั้งหนึ่งนาทีแน่ะ-
“อือๆ”
-อย่าเอาแต่ตอบ
‘อือ’ อย่างเดียวสิ นิชิตัน-
“อือ”
-นิชิตัน!
รีบทำงานได้แล้วนะ!- เซเลอร์มูนตัวจิ๋วกระโดดโหยงเหยงไปตามแต่ละหน้าจอ
ตาใสๆ เพ่งมองร่างที่กำลังแนบแบ๊บ พร้อมผ้าห่มอุ่นๆ หนาๆ บนโซฟา
"หือ?"
นิชิวาระดึงผ้าเย็นออกจากหน้าผาก "ขอเวลาพักก่อนนะ
ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว-----" พูดจบก็ดึงผ้าห่มคลุมจนถึงคอ
ขดตัวแล้วงึมงำ "อย่ารบกวนฉันนะ"
เซเลอร์มูนตัวจิ๋วกระทืบเท้าปึงปัง
-อย่ามาขี้เกียจเอาตอนนี้นะ!-
"ฉันไม่ได้ขี้เกียจสักหน่อย" ตาฉายอารมณ์หงุดหงิด "เพราะต้องเปิดตัวเพลย์อิ้งเกมพร้อมกันทั่วทั้งประเทศ
สัญญาณคลื่นเลยดีดตัวสูงเกินไปหน่อย คลื่นสมองเลยรวนไปหมด
ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว" ตบหัวยุ่งๆ
ของตนเองด้วยใบหน้าบึ้งตึง "เพิ่งอาเจียนไปด้วย--
แย่ชะมัด"
-แล้วเมื่อไหร่นิชิตันจะหายปวดหัวล่ะ!-
"คงต้องงีบไปสักพักหนึ่งก่อน" หัวสีแดงไหม้ยุ่งๆ ขยับซุกลงไปในหมอนอีกครั้ง ปิดกั้นไม่ให้สมองกลประดิษฐ์อัจฉริยะที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นตั้งแต่อายุได้เพียงสิบสี่ปีจับภาพเขาที่กำลังอยู่ในสภาวะจิตใจที่อ่อนแอที่สุด
เพื่อไม่ให้เจ้าปัญญาประดิษฐ์ที่ชอบทำตัวไม่ต่างจากแม่เขา
จับเอาผลอารมณ์ร่างกายไปเช็ค จากนั้นก็จะกล่าวหาว่าเขามีปัญหาเรื่องสุขภาพอีก
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ถึงจะเป็น AI อัจฉริยะ---- ท้ายที่สุดแล้ว
ก็ไม่อาจคาดเดาว่าเรากำลังรู้สึกอะไรอยู่ดี------------
เปลือกตาปิดลง
จมเข้าสู่ห้วงนิทรา พร้อมกับคำพูดสุดท้ายที่เอ่ยออกมา
"แต่ถ้าเป็น
'เขา'----- เขาจะต้องเจ็บมากกว่านี้แน่ๆ"
ตาทอแสงวาวเรือง ทั้งสั่นไหว เจ็บปวด สับสนยามนึกถึง ‘เขา’ หากมือกลับกำแน่นจนแทบจิกลงไปในเนื้อ
ความเจ็บปวดเล็กๆ ที่ได้รับกลับมาทำให้เด็กหนุ่มต้องย้ำกับตัวเองอีกครั้ง
ว่า------ จะหันหลังกลับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว------------------------------
.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
เปลือกตาบางขยับเปิดช้าๆ
แต่ก็สิ่งแรกที่มองเห็นในความมืดแสนนุ่มนวลของผ้าเย็นผืนบางที่วางพาดปิดตาไว้
แรงสั่นสะเทือนและเสียงเครื่องยนต์ทำให้ฮิบิกิมั่นใจว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในรถ
และมั่นใจมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่าเขาไม่ได้โดนฝั่งศัตรูจับมาเพราะไม่งั้นป่านนี้ที่มือคงมีเชือกหรือโซ่มาล่ามเขาไว้แล้ว
นอนอย่างนี้ไปอีกสักพักหนึ่งดีกว่า
ความรู้สึกเหนื่อยล้าแสดงอาการขึ้นมา ทำให้หัวสมองกลายเป็นภาพสีขาว
ฮิบิกิปล่อยให้ตัวเองนอนนิ่งไปสักพัก
ก่อนความว่างเปล่าแผ่ขยายในใจทีแรกจะหายไปเมื่อตระหนักว่าตนยังมีหน้าที่สำคัญอีกมากมายต้องไปทำ
เด็กหนุ่มดึงเอาผ้าปิดตาออก
ใช้แขนยันตัวขึ้นจากฟูกปูสำหรับคนป่วยเร็วๆ พลันอาการปวดจี้ดๆ กลับมาเล่นงานจนต้องยกมือกุมขมับ
ร้องครางอือในคอเบาๆ ตามมาด้วยอาการวิงเวียนที่พาให้สายตามึนเบลอ
ความรู้สึกคลื่นเหียนภายในร่าง แต่เมื่อหลับตานิ่งอีกครั้ง
รอร่างกายปรับตัวประมาณนาทีกว่าๆ
ความรู้สึกทรมานในทีแรกก็บรรเทาลงจนกลับมาอยู่ในสภาพปกติ
ฮิบิกิก้มมองผ้าห่มบนตัก เสื้อคลุมสีดำของตนที่วางคลุมทับไว้อีกชั้น
ผ้าเย็นปิดตาในมือ ดวงตาสีฟ้าใสเงยขึ้น เลื่อนสำรวจสภาพรอบข้างอย่างสงบนิ่ง
รับรู้ได้ว่าตนกำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยขนาด 2*1 ตารางเมตร
ข้างเตียงมีเก้าอี้พับสองตัวสำหรับผู้มาเยี่ยมเยือน
ม่านสีขาวกั้นล้อมเพื่อสร้างความส่วนตัวอย่างพร้อมสรรพ
บ่งชี้ให้รู้ว่าตนน่าจะนอนอยู่ในรถพยาบาลของทางรัฐ
อาจเป็นทรัพย์สมบัติของพวกโรนัลโด้ หรืออาจจะเป็นของ JP’s เขตสาขาชินจูกุที่กระจายคนไปรอบเขตแดน
ความกังวลก่อตัวเบาบางคลี่คลายลง
คราวนี้ ฮิบิกิย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะหมดสติ
ฮิบิกิรำลึกขึ้นได้ว่าขณะที่กำลังแยกตัวกับยุซุรุและโรนัลโด้
เขาเห็นภาพของนาฬิกา------ ที่ไม่รู้ว่าเป็นภาพหลอนหรืออะไร
ก่อนจะรู้สึกปวดหัวขั้นรุนแรง
และล้มพับหมดสติไปทันที-----------------------------
ทำไมกันนะ? ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรเสียหน่อย
ทันใดนั้นเอง
ม่านสีขาวที่โอบรอบเตียงถูกคลี่ออกด้วยฝีมือของตำรวจลูกครึ่ง
"ตื่นแล้วเหรอ?"
ฮิบิกิพยักหน้าตอบรับ
ก่อนเอ่ยถามออกไป "โรนัลโด้
พวกเราอยู่ที่ไหนหรือครับ”
“เราอยู่บนรถพยาบาลของพวก
JP’s”
เห็นไหม
ต่างจากที่เขาคิดเสียเมื่อไหร่
“กี่โมงแล้วครับ----?”
“ตอนนี้ตีหนึ่ง--------
เธอหมดสติไปสองชั่วโมงเต็มๆ”
โรนัลโด้มองฮิบิกิอย่างเป็นห่วงนิดๆ “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ยอมรับเลยว่าตกใจมากที่เห็นเด็กท่าทางแข็งแรงดูกระฉับกระเฉงอย่างฮิบิกิล้มโครมด้วยสีหน้าทุกข์ทรมาน
แล้วหมดสติไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
หลังจากที่ตนกับยุซุรุพยายามแบกฮิบิกิพาไปยังที่ปลอดภัย
โดยระหว่างนั้นยังต้องเจอกับสถานการณ์อื่นๆ ---- ที่เลวร้ายสุดๆ
พวกเขาและเพื่อนๆ
ที่กระจายตัวกันอยู่ในที่อื่นๆ คงจะไม่รอดถ้าไม่ใช่เพราะกลุ่ม JP’s ส่งคนมาช่วยทันการ
“ครับ” ฮิบิกิพยักหน้า
โล่งอกไปเปลาะเมื่อเห็นโรนัลโด้ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก
นอกจากมีแผลถลอกหรือแผลบาดตามแขนขาบางๆ ซึ่ง---- ฮิบิกิจำได้ว่าก่อนที่เขาจะหมดสติโรนัลโด้ไม่ได้บาดเจ็บขนาดนี้
"ระหว่างที่ผมหมดสติไป เกิดอะไรบ้างหรือครับ"
"พวกเราโดนจู่โจม" โรนัลโด้กัดฟันกรอด
กำหมัดแน่นระคนขัดแค้นใจ "พวกมันชิงกล่องใส่ดิสก์ไปได้
แต่โชคดีที่พวกมันไม่ได้เปิดดูข้างใน เลยยังไม่รู้ว่าในนั้นไม่มีแผ่นดิสก์"
ถึงจะหลอกฝั่งตรงข้ามให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นแผ่นดิสก์ของจริงได้-------
แต่ถ้าฮิบิกิไม่ไหวตัวทันและเอาแผ่นดิสก์ไปซ่อนในกระติกน้ำตั้งแต่ทีแรก สถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ฝ่ายที่เสียเปรียบย่อมเป็นพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ความรู้สึกผิดกับความไร้ฝีมือสบทบกับการถูกชิงกล่องใส่ดิสก์ไปต่อหน้าต่อตาทำให้โรนัลโด้รู้สึกเหมือนโดนหยามอย่างรุนแรง
ตาทอแสงมาดมั่นสำหรับการเอาคืนครั้งหน้า
"แล้วตอนนี้แผ่นดิสก์----"
"อยู่กับฉัน" โรนัลโด้ตบกระเป๋าเสื้อที่ด้านในกระติกไว้
"ไม่ต้องห่วง มันยังปลอดภัยดี"
ฮิบิกิถอนใจโล่งอก "ดีแล้วครับที่แผ่นดิสก์ปลอดภัย"
"ต้องขอบคุณความรอบคอบของเธอ"
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ" ฮิบิกิมองซ้ายขวา "แล้วคุณโจล่ะครับ”
เอ่ยถามด้วยความไม่คุ้นชินที่จะไม่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วแฝงแววขี้เล่นปนเย้าแหย่ของยุซุรุ
“หมอนั่นโดนสะเก็ดระเบิดเข้าที่แขน” คนฟังมองคนพูดด้วยสีหน้าตื่นตะลึง “แต่แค่นิดเดียว
ตอนนี้กำลังนอนพักฟื้นอยู่”
โรนัลโด้ไม่ต้องการขยายความมาก เพราะแท้จริงแล้ว ในตอนที่ฮิบิกิหมดสติ
คนที่อาสาแบกฮิบิกิระหว่างนั้นก็คือยุซุรุ
ดังนั้นหลังจากพาร่างหมดสติของฮิบิกิหนีฝ่าการปะทะต่อเนื่องและมาติดกับระเบิดในช่วงสุดท้าย
เพื่อป้องกันฮิบิกิ ยุซุรุเลยเอาตัวเข้ากันบัง
โดนสะเก็ดระเบิดเข้าไปบางส่วน
โรนัลโด้เลือกจะปิดบังเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะเขากลัวว่าถ้าฮิบิกิรู้ เด็กหนุ่มจะรู้สึกผิด
“งั้นเหรอครับ” ดวงหน้าขาวซีดหม่นหมอง ในใจของฮิบิกิพร่ำโทษตนเอง
ถ้าเขาไม่หมดสติ--
ป่านนี้คงไม่มีใครต้องบาดเจ็บ----- แม้จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้----
ไม่สิ ในเมื่อเขาเองก็พยายามเต็มที่แล้ว และทุกคนเองก็พยายามเหมือนกัน
---------
“แล้วสถานการณ์โดยรวมตอนนี้เป็นไงบ้างครับ อุ๊บ!” ฮิบิกิตะครุบปากตนเองทันทีที่รู้สึกเหมือนของเหลวในกระเพาะตีจุกขึ้นมาที่คอ
เช่นเดียวกับอาการปวดหัวที่ซัดโถมเข้ามาเป็นระลอกคลื่นสูง และหายวับไปในวินาทีต่อมา
"ไหวรึเปล่า"
"พอ-- ไหวครับ" ตอบแบบฝืนๆ ทั้งที่ดวงหน้าซีดเผือก
เสียงเปิดม่านดังขึ้นอีกครั้งพร้อมการปรากฏตัวของร่างบางที่มาพร้อมกับสายน้ำเกลือ
“------นี่เธอ
เป็นอะไรรึเปล่า”
เสียงหวานถามพลางก้มสังเกตสีหน้าซีดขาวของฮิบิกิ
เม็ดเหงื่อไหลอาบเป็นสายถึงปลายคาง บ่งบอกถึงสภาวะไม่ปกติ “มีอาการเหมือนจะปวดหัว
หรืออาเจียนอะไรใช่ไหม”
“ครับ------
แล้วคุณคือ---” ฮิบิกิมองหญิงสาวที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอที่นี่
โดยเฉพาะในเวลานี้อย่างแปลกใจ ส่วนโรนัลโด้ลี้ตัวออกไปด้านนอกแล้ว
“เราเป็นพวกเดียวกัน----”
หญิงสาวผมบลอนด์ระต้นคอ รอยยิ้มมั่นใจสดใสบนวงหน้าขาวตลอดเวลา
หญิงสาวกล่าวแนะนำตัว พร้อมหยิบอุปกรณ์แพทย์มาตรวจสอบร่างกายของฮิบิกิ “ฉันเป็นแพทย์ JP ประจำสาขาโอซาก้า ‘ยานางิยะ โอโตเมะ เอาล่ะ นอนอยู่นิ่งๆ อย่าเพิ่งขยับไปไหนนะ”
ฮิบิกิทำตามคำพูด
ปล่อยให้โอโตะเมะตรวจเช็คร่างกายอย่างว่าง่าย
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่” ฮิบิกิถามขณะหลับตา เด็กหนุ่มจำได้ว่าเธอคนนี้เป็นแพทย์ประจำ JP อยู่ที่สาขาโอซาก้า ถ้างั้นทำไมถึงมาอยู่ที่ชินจูกุ-------?
“เมื่อสองวันก่อนฉันพาลูกสาวมาเที่ยวน่ะ---------
พอเกิดเรื่องเมื่อวาน ฉันก็เลยถูก JP
ฝั่งสาขาชินจูกุเรียกตัวให้มาประจำการชั่วคราวก่อน”
บอกด้วยรอยยิ้มราวกับจะสื่อว่าโชคดีจัง แต่ในแววตากลับฉายประกายความกังวล “ถ้าเรื่องเลวร้ายนี่หยุดลงเร็วๆ ก็คงดีสินะ”
“เลวร้าย---?
เกิดอะไรขึ้นกับสถานการณ์ข้างนอกหรือครับ”
โอโตเมะมองฮิบิกิอย่างงุนงงในทีแรก
ก่อนตระหนักได้ว่าฮิบิกิได้หมดสติไปก่อนจะรับรู้เรื่อง ‘ด้านนอก’
เลยไม่ได้ตระหนักถึงสถานการณ์เลวร้าย ‘ด้านนอก’ นั่นเลย
“ถ้าอยากรู้อะไรไปถามคนด้านนอกเอาละกัน” ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากบอกฮิบิกิ เพียงแต่ยังมีคนบาดเจ็บอีกหลายๆ
คนที่ยังรอการรักษาอยู่ จะให้เธอมาเสียเวลาอธิบายกับเขาคนเดียวได้ยังไง
อีกอย่าง----- เธอเองก็ไม่อยากให้เขารู้ด้วย------------------
โอโตเมะมองไปยังคลื่นตรวจเช็คสัญญาณ
หัวคิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อย “เธอไปโดนคลื่นช็อตไฟฟ้าช็อตมาก่อนหน้าหรือเปล่าจ้ะ?”
“เปล่----
อาจจะใช่” ถ้าสิ่งที่โอโตเมะพูดหมายถึงตอนที่ฮิบิกิใช้สายฟ้าของเบี๊ยกโกะผ่านร่างกายตนเองออกไปเมื่อช่วงบ่ายล่ะก็คำตอบมีแต่คำว่าใช่สถานเดียว
“งั้นเหรอ
งั้นก็คงไม่มีอะไร”
เจ้าตัวยืนยันกับเธอเสียงแข็งเสียขนาดนี้
หญิงสาวก็ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลกับคลื่นสมองที่พุ่งระดับสูงถี่และต่ำลงในบางครั้งบางคราว
เพราะนี่ถือเป็นอาการพื้นฐานสำหรับคนบางคนที่โดนไฟฟ้าช็อต ช่วงแรกอาจดูเหมือนปกติ
แต่เมื่อปล่อยทิ้งเอาไว้ ร่างกายก็จะเริ่มแสดงอาการออกมา
“อาการไม่เป็นอะไรมาก
แต่ช่วงนี้ต้องใช้แอปอัญเชิญปีศาจ หรือถ้าจำเป็นจริงๆ
ก็ห้ามโหมใช้งานติดต่อกันมากนัก พักผ่อนให้เพียงพอ ห้ามฝืนร่างกายเด็ดขาด
เข้าใจไหมจ้ะ” ปิดท้ายด้วยการถามย้ำซ้ำให้ฉุกคิด
โอโตเมะทำงานเป็นแพทย์ก่อนจะทำงานที่
JP’s ด้วยซ้ำ หญิงสาวรู้ดีว่าพวกผู้ชายไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างล้วนดื้อดึงเหมือนกันหมด
และมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่มักจะไม่ฟังคำเตือนของเธอ
และ---
ดูเหมือนคนตรงหน้าก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งในแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ว่านั่นซะด้วย-------
ฮิบิกิกะพริบตาปริบ “ทำไมถึงไม่ให้ใช้แอปอัญเชิญเหรอครับ”
“เวลาใช้แอปอัญเชิญจะเกิดการเชื่อมต่อของสมองส่วนหนึ่งกับสัตว์อัญเชิญกับผู้ใช้แต่ละคน
คล้ายๆ กับการเชื่อมต่อของเครื่องไฟฟ้า ยิ่งค่าเชื่อมต่อสูงมากเท่าไหร่
การประสานงานระหว่างสัตว์อัญเชิญกับผู้ใช้ก็จะดีมากขึ้น
ค่าเชื่อมต่อเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากสภาพจิตของผู้ใช้ กับปัจจัยอื่นๆ
อย่างความแข็งแรงของร่างกาย และความยืดหยุ่นของจิตใจ ถ้าไม่มีคุณสมบัติครบถ้วน
การเชื่อมต่อก็จะอ่อนแอลง ผู้อัญเชิญจะไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพออกมาได้เต็มที่”
โอโตเมะอธิบายโดยละเอียด “จริงอยู่ว่าโดยปกติการใช้แอปอัญเชิญจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคลื่นสมองมากนัก
เพียงแต่ตอนนี้คลื่นในร่างกายของเธอมันยังแปรปรวนอยู่ในระดับอันตราย
ต่อให้การใช้แอปอัญเชิญจะไม่ได้ส่งผลต่อคลื่นสมองมาก แต่ก็จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด”
ฮิบิกิพยักหน้า “อย่างนี้นี่เอง”
“เอาล่ะ
ไม่มีอะไรแล้วเนอะ” โอโตเมะปรับสายน้ำเกลือให้ฮิบิกิเป็นอย่างสุดท้าย
ไม่ลืมสั่งเน้นย้ำเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทำท่าทางเหมือนจะลุกขึ้นจากเตียง “นอนอยู่นิ่งๆ จนกว่าถุงน้ำเกลือจะหมดไปนะจ๊ะ ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน” สายตาเอาจริงของโอโตเมะทำให้ฮิบิกิต้องยอมจำนน
หากแต่ก่อนที่โอโตเมะจะเดินออกไป ฮิบิกิก็เอ่ยรั้งไว้ก่อน
“เอ่อ
แล้ว---- การแปรปรวนของคลื่นสมองนี่สามารถทำให้เกิดภาพหลอนได้ไหมครับ?”
“หือ” โอโตเมะที่กำลังเลิกม่านเตรียมเดินไปอีกห้องชะงักฝีเท้า
ผินหน้ากลับมามองฮิบิกิอย่างงุนงง “ภาพหลอนงั้นเหรอ?”
“คือ—นิดหน่อยนะครับ
มันวูบขึ้นมาก่อนที่ผมจะรู้สึกปวดหัวและล้มหมดสติไป”
ในตอนแรกฮิบิกิลังเลว่าควรพูดเรื่องนี้ดีไหม
เพราะเขาไม่ค่อยเห็นความสอดคล้องว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาหมดสติ แต่การที่ไม่ถามอะไร
ปล่อยให้มันเป็นเรื่องคารังคาซังแบบนี้ก็เห็นท่าจะไม่ดีต่อตัวเขาเอง
“พอจำได้ไหมจ้ะว่าเห็นอะไร”
ฮิบิกิกุมข้อมือตนเองหลวมๆ “นาฬิกาครับ---
เป็นนาฬิกาข้อมือ ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยใส่นาฬิกาแท้ๆ”
เมื่อเห็นว่าภาพที่ฮิบิกิเห็นดูไม่มีพิษสงอะไร แพทย์สาวก็ถอนหายใจโล่งอก
“บางทีอาจเป็นผลจากการดีดตัวของคลื่นสมองก็ได้---
ตอนนั้นเธอกำลังใช้แอปอัญเชิญอยู่หรือเปล่า”
“เปล่าครับ---
ผมเริ่มมามีอาการหลังใช้แอปอัญเชิญแล้ว”
“อาจเป็นเพราะสาเหตุนั้นก็ได้” โอโตเมะคาดการณ์ บอกกับฮิบิกิด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวลหรอกจ๊ะ
นอนให้พอ นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้นะ ฮิบิกิคุง”
“ครับ”
โอโตเมะมองฮิบิกิล้มตัวด้วยสีหน้าสบายใจได้สามในสี่ส่วนแล้วปิดม่านลงเพื่อเตรียมเดินไปดูเตียงผู้ป่วยคนอื่นๆ
แม้ในใจจะรู้สึกร้อนรนเล็กๆ กับอาการภาพหลอนที่ฮิบิกิบอกมา -----
-------หญิงสาวทำงานเป็นหมอมานาน
เจอเคสแปลกๆ มาก็หลายครั้ง
แต่คลื่นสมองแปรรวนจนสามารถบิดเบือนประสาทการมองเห็น----
เธอเองก็เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก
จบงานนี้ เธอคงต้องไปรื้อแฟ้มเอกสารการแพทย์เก่าๆ
ขึ้นมาอ่านใหม่เสียแล้วล่ะ
ลับหลังร่างบางของหมอสาว ฮิบิกิมองสายน้ำเกลือที่เชื่อมกับแขนของตนเอง
แล้วค่อยเอนหลังลงแนบกับฟูกนุ่ม
ปล่อยความรู้สึกไม่สบายใจทุกอย่างหายลงไปในความมืดของเปลือกตาที่ปิดสนิท
รวมถึงความคิดสุดท้ายที่ผุดแทรกขึ้นมาก่อนจมหายลงไปในระลอกคลื่นของความนิ่งสงบภายในจิตใจ
ป่านนี้ยามาโตะจะเป็นไงบ้างนะ--------------
.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
แปะ แปะ
หยดของเหลวอุ่นร่วงกระทบพื้น
ธารชีวิตสีแดงเข้มจำนวนมากไหลผ่านจากขมับปิดบังการมองทางด้านซ้าย
หากทัศนียภาพในการมองเห็นที่ไม่สะดวกนี้ก็ไม่อาจดับประกายเรืองรองของดวงตาสีอเมทิสที่ส่องสว่างอย่างเย่อหยิ่งอีกข้างได้
ถุงมือเปื้อนเลือดกำโทรศัพท์ของทาง JP’s แน่น
ด้วยใจที่รู้ได้ว่าปีศาจอัญเชิญที่โผล่ออกมาจากการบังคับให้ดาวน์โหลดนี้มีระดับเหนือกว่าเซอเบอร์รัสที่ถูกจัดการในพริบตา
แม้จะเรียกบาลว์ เทพารักษ์แห่งสายฝนออกมาแล้วก็พอทำได้แค่ถ่วงเวลาเท่านั้น
เบื้องหน้าของโฮซึอิน
ยามาโตะ ห่างออกไปราวยี่สิบเมตร
ไอหมอกสีดำแผ่ขยายจากร่างผู้ห่อกายด้วยผ้าสีดำขาดเป็นริ้วๆ
ยืนอยู่บนเรือพายที่กำลังแหวกว่ายอยู่กลางเวหาเสมือนล่องอยู่บนเวิ้งน้ำ
ดวงตาลึกกลวงโบ๋ของหัวกะโหลกคือสิ่งที่ยามาโตะสามารถใช้ยืนยันนามของสัตว์ที่เขาเป็นคนอัญเชิญออกมาผ่าน
GAME PLAYING
‘ฮาเดส’ เทพผู้นำพาทุกชีวิตหวนคืนสู่แห่งความตายอันเป็นนิรันดร์
สมชื่อจริงๆ
----------------------
“บาลว์
สะกดไว้ให้ได้สักพัก”
สั่งเสียงเรียบพร้อมเปิดโทรศัพท์เครื่องที่สองออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ
เห็นที คงต้องใช้มันแล้ว--------
บาลว์
เทพผู้ถือแก้วไวน์จับจ้องไปยังฮาเดส
ตาส่องเรืองรองด้วยกระแสอำนาจที่สามารถสยบทุกการเคลื่อนไหว
ก่อนคลื่นพลังสีทองจะโอบรอบร่างของเทพแห่งความตาย
ล็อคตรึงการเคลื่อนไหวของร่างสีดำนั้นอย่างเด็ดขาด
เมื่อรู้ว่าตนถูกจำกัดการเคลื่อนไหว
ปีศาจหัวกะโหลก ฮาเดส จ้องเด็กหนุ่มผมเงินอย่างนิ่งงัน
ชั่วอึดใจที่ราวกับเวลาถูกบังคับให้หยุดชะงัก เบ้าตากลวงโบ๋
ปรากฏเป็นดวงไฟสีแดงฉานราวเลือดสั่นระริกอยู่ภายใน
“กรี๊ซซซซซ”
เพียงหนึ่งเสียงกรีดร้องก็พาให้หูอื้อดับ
เพียงเงาสีดำที่ทอดยาวของร่างจำแลงฮาเดสที่แปรเปลี่ยนเป็นร่างเน่าเปื่อยไล่สังหารผู้เป็นเป้าหมาย
ยามาโตะเคลื่อนไหวรวดเร็วในการหลบหลีก
พร้อมกันนั้นก็จัดการเก็บดับสลายร่างไร้ชีวิตไปมากกว่าครึ่งเพียงการวาดมือที่แฝงเร้นด้วยอำนาจแห่งชีพจรมังกร
ร่างไร้ชีวิตหลายสิบตัวที่เหลือต่างพากันกระโจนเข้ามาอย่างบ้าคลั่งไม่ต่างไปจากที่เห็นในหนังซอมบี้
เพียงแต่พวกมันว่องไวกว่า และอันตรายกว่าหลายเท่า
ทว่าในเสี้ยววินาทีที่อาจตัดสินความเป็นความตาย
มือซ้ายที่วางเปล่าในตอนแรก กำโทรศัพท์ดัดแปลงแบบใหม่ไว้แน่น
ใบหน้าสีซีดเชิดขึ้นอย่างหยิ่งทะนง
ไร้ความรู้สึกจนน่าขนลุก ไม่หวั่นเกรงแม้จะตกอยู่ในวินาทีวิกฤต
“เซอเบอร์รัส”
ไม่มีปีศาจอัญเชิญปรากฏกายออกมาเหมือนดังทุกที
หากเปลวเพลิงร้อนดุจเพลิงนรกโลกันตร์ที่สะบัดกอดร่างผู้เป็นเจ้าของไว้ก่อนจะถูกจู่โจม
ศพเน่าเปื่อยแหลกสลายเป็นผุยผงทันทีที่ต้องเพลิงบริสุทธิ์
ยามาโตะรับได้ยินชัด-------
ถึงเสียงคำรามข้างหูของสหายคู่กาย ถึงอำนาจที่ไหลหล่อเลี้ยงไปตามร่างกายทุกสัดส่วนและแปรเปลี่ยนเป็นพลังโจมตี-----------
พลังของเซอเบอร์รัสในตัวของเขา--------------
ชั่ววินาทีนั้นเองที่ดวงตาสีอเมทิสทอประกายวาวโรจน์เป็นสีแดงฉานสีโลหิต-------
เหมือนดวงตาของเซอเบอร์รัส
พรึ่บ!
วินาทีต่อมา ร่างผมเงินได้ยืนอยู่บนพื้นได้หายไปตัวไปจากคลองจักษุ
ก่อนปรากฏขึ้นอีกครั้งด้วยเสื้อคลุมประจำการที่โหมสะบัดอยู่เบื้องหน้าฮาเดสในระยะเผาขน
“กรี๊ซซซซซซซซซซซซซซซ” แม้ร่างกายของฮาเดสจะถูกบาวล์พันธนาการไว้ทำให้ไม่อาจขยับได้ มันก็ยังสามารถแหงนหน้าเปล่งเสียงที่มีความรุนแรงไม่ต่างจากคลื่นแม่เหล็กแรงสูง
เพียงหนึ่งเสียงกรีดคำราม
เสื้อคลุมสีดำที่ลอยอ้อยอิ่งก็แหลกวิ่นไม่เหลือแม้แต่เศษซาก-----
แต่นอกจากกลิ่นของสาบผ้าที่เละเป็นเศษผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว
ฮาเดสกลับไม่ได้กลิ่นเลือดเลยสักหยด----------------------------------
วินาทีนั้น ฮาเดสรู้ตัว
มันถูกหลอก!
“มองไปทางไหน” เสียงกระซิบดังจากร่างที่ยังคงมีลมหายใจอยู่ทางเบื้องหลัง
ฟังดูเย็นเยียบจับขั้ววิญญาณ
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้นำพาความตายก็ยังอดหวั่นเกรงไม่ได้ “ถ้าไม่จัดการเสียที---
เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นกองขยะเหมือนซากพวกนั้นหรอก”
กึก! ศีรษะชะงักกึกรุนแรง ครั้นจะโต้ตอบกลับไป
มือของโฮซึอิน ยามาโตะก็คว้าหมับเข้าที่หัวกะโหลก
หมับ
!!!
ยามาโตะพูดเสียงเย็น “ช้าไป”
พรึ่บบบ!!
ฮาเดสจะส่งเงาเข้าโจมตี
แต่ก็สายไป เมื่อไฟร้อนทะลักผ่านมือที่พุ่งบีบกะโหลกแน่นด้วยแรงที่เกินขีดจำกัดที่มนุษย์จะพึง
เปลวเพลิงที่สามารถหลอมละลายได้แม้กระทั่งเหล็กกล้าทำให้ถุงมือสีขาวไหม้เกรียมหลุดวิ่นเป็นเศษเถ้า
กะโหลกใต้อุ้งมือเปลือยขาวส่งเสียงลั่นกร็อบราวกับจะแตกสลาย รอยกะเทาะเป็นเส้นหยากไย่สีดำเล็กๆ
แตกร้าวแผ่ไปทั่ว และก่อนที่ฮาเดสเปล่งเสียงกรีดหวีดแหลมใส่อีกครั้ง จิตสังหารกรุ่นจากเจ้าของเพลิงนรกก็พุ่งสูงขึ้นแบบที่ทำให้คนที่มองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ
ล้มทั้งยืน
ผู้บังคับบัญชาการแห่ง JP’s เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาด้วยความไม่สบอารมณ์สุดๆ
“ถ้าไม่อยากโดน ‘ลบ’ ให้หายไปตลอดกาล ก็มาเป็น ‘ขา’ ให้กับฉันซะ”
.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
05.38 AM
ฮิบิกิก้าวฝีเท้าลงมาจากเตียงแผ่วเบา
พยายามใช้เสียงให้ได้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้บาดเจ็บที่กำลังนอนพักฟื้นอยู่บนเตียง
มือลากสายน้ำเกลือที่เหลือเพียงหนึ่งในห้าส่วนติดตามตัวไปด้วย เท้าเล็กๆ ก้าวไปตามทางคอนเทนเนอร์ที่ถูกจัดส่วนให้เป็นห้องพยาบาลชั่วคราว
ประกายตาฉายแววฉงนคราวเห็นประตูเชื่อมระหว่างคอนเทนเนอร์อีกบาง
------
ห้องพยาบาลอีกห้องงั้นหรือ-------?
มือขาวเอื้อมจับประตูแง้มเปิดเพียงเล็กน้อย
ก่อนหยุดนิ่งเมื่อหูได้ยินเสียงรายงานของเจ้าหน้าที่ JP's สองคนกำลังยืนคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม บรรยากาศปกคลุมระหว่างสองคนนั้นดูย่ำแย่
หดหู่นัก
"นี่มันบ้าชัดๆ
แบบนี้พวกเราได้ตายกันหมดแน่--"
หัวใจฮิบิกิกระตุกวูบกับคำพูดนั้นกับคำพูดที่ชวนหมดหวัง
เกิดอะไรขึ้น--------?
"ท่านผบ.ก็ขาดการติดต่อไปกะทันหัน ไหนจะมีปีศาจเพ่นพ่านไปทั่วญี่ปุ่นอีก---
ขืนเป็นแบนี้ ทางเราคงจะต้านไม่ไหวแน่"
"นั่นสิ
ต้องรับมือกับปีศาจอัญเชิญของตนเอง ไหนจะปีศาจจากด้านนอกอีก----" ยิ่งกล่าวยิ่งรู้สึกเหมือนตนกำลังขยับเข้าใกล้หลุมดำอันแสนหดหู่
คนพูดพูดต่อ พร้อมกันนั้นก็ยกมือขึ้นจับขมับที่มีผ้าพันทบแผลไว้ "เกือบโดนปีศาจของตนเองฆ่าเสียแล้ว ใครจะรู้ว่าแค่เปิดโทรศัพท์พวกปีศาจจาก PLAYING
GAME ก็จะอัญเชิญออกมาเอง"
"มีคนบาดเจ็บเต็มไปหมด----
ด้านนอกตอนนี้มันนรกชัดๆ"
คำพูดที่ได้ยิน
ข้อความที่สมองจับประเด็นได้ ความกลัวสุดขั้วหัวใจกลายมาเป็นความจริง
ฝันร้ายอย่างแท้จริงเริ่มต้นแล้ว "ปีศาจ---
ทั่งญี่ปุ่น-------" กล่าวรำพึงเสียงพร่า
ใจเต้นถี่รุนแรง
และ----
โดนปีศาจของตนเองฆ่า---
ความจริงที่ว่าราวกับมีสายฟ้าฟาดแสกหน้าพาให้มือขาวสั่นเทาด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด
หัวใจในอกเต้นรัวจนแทบระเบิดออกมา
หมายความว่า--- ในโทรศัพท์ของทุกคนถูกบังคับให้ดาวน์โหลด PLAYING
GAME งั้นหรือ?!
แสดงว่า--- แม้แต่ในโทรศัพท์ของเราก็ยัง---
ฮิบิกิตัวแข็งทื่อ
เวลานั้นหูได้ยินเสียงหัวใจเต้นตุบเสมือนกับเอาหูไปวางแนบ
ความกังวลพุ่งสู่จุดสูงสุด ไม่ใช่ความกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น---- แต่เป็น เพื่อนๆ
ของเขา----------------------------
หมายความว่าไดจิ---- และอิโอะกำลังตกอยู่ในอันตราย----------!!
แกร๊ก! ด้วยความตื่นตระหนก
ฮิบิกิเลยเผลอก้าวไปชนกับเก้าอี้เหล็กที่อยู่ด้านหลัง เกิดเสียงกระทบเบาๆ
เพียงหนึ่งเสียงกระซิบ แต่กับคนที่ฝึกมาดีอย่างเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการของ JP’s
พวกเขาสามารถได้ยินมันชัดเจน
"ใครอยู่ตรงนั้น!"
เสียงตะโกนนี้เรียกให้คนที่หลบซ่อนตัวขยับออกมาอย่างไม่มีทางเลือก
ทุกคนมองอย่างตื่นตะลึงที่คนที่ออกมาคือใคร
"คุณฮิบิกิ---"
ใครจะไปคิดว่าคนที่น่าจะนอนอยู่บนเตียงจะลุกขึ้นมาแบบนี้----- บางที
ที่พวกตนพูดออกไปเมื่อกี้ทั้งหมด เด็กหนุ่มตรงหน้าอาจได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้วก็ได้------------
ฮิบิกิเงยหน้า "โทรศัพท์ของผมอยู่ไหน"
ถามเสียงเย็นแบบที่ทำให้คนฟังคาดเดาได้เด็กหนุ่มกำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์แบบไหน
มือวางแนบข้างลำตัวบีบแน่นด้วยใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกังวล
"ไม่ได้นะครับคุณจะออกไปตอนนี้ไม่ได้!"
คนพูดผงะเมื่อเห็นดวงตาสีฟ้าของคนตรงหน้าต้องมองมาอย่างเอาจริง เด็ดขาด
อย่างไม่น่าเชื่อว่าสายตาแบบนี้จะมาจากเด็กอายุเพียงสิบเก้าปีเท่านั้น
"ผมต้องไป---" ตาสีฟ้าสบอย่างแน่วแน่มั่นคง
"เพราะเพื่อนคนสำคัญของผมอยู่ที่นั่น"
.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
05.53 AM
ในห้องเช่าส่วนตัว เข็มหน้าปัดนาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลาตีห้าจวนจะหกโมงของวันพุธ
อิโอะ นิตตะ ก้าวออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางสะลึมสะลือ
ร่างบางล้มตัวนอนลงกับเตียงฟูกเพียง แต่ไม่ว่าจะพยายามข่มตานอน
กลิ้งตลบตัวไปมาอยู่บนเตียงนานสองนานเธอก็ไม่อาจกลับเข้าสู่ห้วงฝันได้อีก
ดวงตาคู่หวานมองเพดานสีขาวเบื้องบน
ใช้หัวครุ่นคิดอย่างวิตกกังวล
ป่านนี้ฮิบิกิคุงจะเป็นไงบ้างนะ
ช่วงกลางวันที่ผ่านมา
ไดจิได้โทรมาถามเธอเรื่องฮิบิกิ น้ำเสียงร้อนรนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกทำให้อิโอะรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีและมันก็เป็นไปตามลางสังหรณ์
เมื่อไดจิเล่าให้ฟังว่าเด็กหนุ่มเห็นฮิบิกิประสบอุบัติเหตุบนทีวี
ทีแรกอิโอะได้บอกไดจิให้ลองตรวจเช็คภาพจากโปรแกรมฉายย้อนเรื่องในคอมดู กลับกลายเป็นว่าสัญญาณภาพนั้นถูกรบกวนอย่างหนักจนจับหน้าของเด็กที่ถูกคอนเทนเนอร์ทับแทบไม่ได้
และที่แย่ยิ่งกว่านั้น----- คือไม่ว่าจะทำยังไง จนป่านนี้ก็ยังติดต่อฮิบิกิไม่ได้เสียที-------------
แขนบอบบางยกขึ้นก่ายหน้าผาก
ฉันเชื่อว่าเธอจะต้องปลอดภัย---
เพียงแต่--------
“เธออยู่ไหนกันนะ
ฮิบิกิคุง” เสียงหวานถามกับความว่างเปล่าสั่นพร่า
น้ำตาไหลออกมาเป็นสายทาง “ฉัน--- คิดถึงเธอ”
เพียงความคิดที่ว่าเขาหายไปแล้ว
อิโอะก็รู้สึกทุกข์ทรมานจนแทบทนไม่ไหว---- เจ็บปวดเหลือเกิน
-ตี๊ดๆ!- เวลานั้นเอง โทรศัพท์ที่กำลังชาร์ตแบตอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งได้ส่งสัญญาณแจ้งเตือน
เป็นเสียงร้องเวลามีข้อความส่งมา---- เนื่องจากโทรศัพท์ของเด็กสาวตั้งโหมดประหยัดพลังงานเอาไว้
ทำให้เครื่องจะแจ้งเตือนเฉพาะตอนแบ็ตโทรศัพท์เต็มเท่านั้น แต่ว่า---- เมื่อคืน
เธอจำได้ว่าเธอได้ลองเช็คดูข้อความในช่วงสี่ทุ่มดูแล้ว แต่ก็ไม่พบอะไร
แสดงว่าข้อความที่ได้รับนี้เพิ่งถูกส่งมาในช่วงระหว่างห้าทุ่มถึงตีห้า----
ในช่วงเวลาห้าทุ่มถึงตีห้าเนี่ยนะ----? แปลกไปหน่อยหรือเปล่า------------------?
“อะไรกัน-----” อิโอะคว้าโทรศัพท์ที่เพิ่งชาร์ตจนเต็มออกมาเปิดดูข้อความอย่างไม่คิดเลยว่ามันจะส่งผลอะไรกับชีวิตของเธอหลังจากที่เธอเปิดมันขึ้นมา
และในตอนนั้นเอง ‘มัน’ ก็ได้โผล่ออกมา
“กรี๊ดดดดด!”
แล้วฝันร้ายที่แท้จริงก็ได้เริ่มต้นขึ้น
....................................................................
........................................
...................
...
.
TBC
.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
ขอโทษนะฮะ แบบว่าไฟล์กรองหายต้องเขียนรีใหม่หมดเลย (เนื้อหาเรื่องหายไปบางส่วนด้วย ร่มแทบร้องไห้แน่ะ ฮือ T^T)