หน้าเว็บ

Wednesday, August 3, 2016

木曜日 : Thursday of Rumination




+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+...+..+..+..+.

木曜日
Thursday of Rumination
 



[Let’s survive]


JP’s ฐานทัพลับขนาดเล็ก (อาริอาเคะ) 00.03 AM
“...”
เข็มนาฬิกาชี้เวลา ล่วงเลยเช้าวันใหม่มาได้สามนาที
แม้ดวงตาของฮิบิกิจะมองเห็นโลกที่จมสู่ความมืดภายใต้หลังเปลือกตา หูยินเสียงอากาศเย็นโรยตัวเงียบงัน ไร้สรรพเสียงใดจะรบกวนเขาที่นั่งพักอยู่หน้าห้องพยาบาลฉุกเฉินพิเศษของทาง JP’s เป็นเวลาเกือบครึ่งวัน แต่–––––––––– ในใจของฮิบิกิกลับไม่สามารถสงบได้เท่าที่ภายนอกของเขาแสดงออกเลยสักนิด
ฮิบิกิไม่ได้หลับ–––––––––––
เขาหลับไม่ได้ จิตใจและร่างกายของเขาในตอนนี้ตื่นตัว เต็มไปด้วยความระแวดระวังสุดขีด แต่ในขณะเดียวกันก็เหนื่อยล้า และไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว 
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกอันหลากหลาย ปะปนกันด้วยอารมณ์สับสน วุ่นวาย เรียบนิ่ง และว่างเปล่า ตีกันวุ่นปั่นป่วนจนฮิบิกิรู้สึกจะอาเจียน ความรู้สึกย่ำแย่ตีรวนขึ้นมาจนต้องโน้มตัวต่ำ มือประสานวางบนตักกำมั่นจนเล็บตัดสั้นจิกเข้าไปในเนื้อเป็นรอยแดงๆ คราที่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายชั่วโมงก่อน
หมายถึง–––– หลังจากที่ยามาโตะปรากฏตัว–––––––––––––––––––––
ช่วงเวลานั้น เสมือนเวลาถูกแช่แข็ง ฮิบิกินึกอะไรไม่ออก หัวมันขาวโพลน อารมณ์เหมือนถูกดึงให้พุ่งสู่จุดสูงสุดและกระชากทิ้งตัวดิ่งเก้าสิบองศา มีทั้งความตื่นตระหนก ไม่คาดฝัน เหนือความคาดหมาย–––––––––
และ––––– ความหวาดกลัว––––––––
เป็นความรู้สึกที่ฮิบิกิไม่คิดเลยว่าจะได้สัมผัสอีกครั้งหลังจากการตัดสินของโพลาลิส กระทั่งเห็นยามาโตะใช้มือหักเขายูนิคอร์นที่แทงทะลุไหล่ขวาของตนเอง ปล่อยให้บางส่วนยังคงติดค้างอยู่ในเนื้อเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเสียเลือดมากเกินความจำเป็น ระยะห่างที่ใกล้กันนั้น ฮิบิกิสามารถรับรู้ถึงรสสัมผัสที่ติดอยู่ปลายจมูก––––––––––
มันคือกลิ่นฉุนคล้ายกับสนิม––––––––– กลิ่นของเลือด–––––––––––––––––
เมื่อตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ความทรงจำของฮิบิกิก็กลับกลายเป็นเลือนลาง แทบจำไม่ได้ว่าตนเองลงมือทำอะไรลงไปบ้าง ร่างกายตอบสนองไปไวเกินกว่าจะสมองจะออกคำสั่ง ทุกอย่างมันรวดเร็วเกินกว่าจะหวนนึก ในหัวมีแต่ความคิดเดียวคือการพายามาโตะไปรักษาตัว และพานิตตะและไดจิที่ยืนอ้ำอึ้ง ตะลึง งุนงงไปยังที่ปลอดภัย ไม่เกินสองนาทีหลังจากนั้น รถตู้สีดำประจำของสำนักงาน JP's พร้อมเจ้าหน้าที่ JP’s ประมาณสิบคนก็พาตัวนิตตะ กับไดจิขึ้นรถไปยังฐานทัพส่วนกลางที่เป็นสถานที่ปลอดภัยของอาริอาเคะ ตามต่อด้วยฮิบิกิกับยามาโตะที่อยู่ในรถอีกคันหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังศูนย์การรักษาเฉพาะของทาง JP’S ในบริเวณใกล้เคียงกัน
ระหว่างทาง ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากของร่างสูงกว่าที่ถูกฮิบิกิจับหัวนอนพักลงกับหมอน ไม่ว่าเขาจะไถ่ถามอะไร ยามาโตะก็ไม่พูดอะไร หมอนั่นไม่ทำอะไรเลย นอกจากจ้องเขาเสียเขม็ง เจ้าหน้าที่คอยช่วยปฐมพยาบาลด้านข้างที่คอยบรรยายอาการคร่าวๆ เพื่อเตรียมให้ทางเจ้าหน้าที่ประจำสาขานั้นเตรียมห้องผ่าตัดให้สมบูรณ์และรวดเร็วที่สุด
ต้องขอบใจการจราจรไร้ปัญหาติดขัด เพราะมันทำให้ยามาโตะถึงมือหมอเร็วขึ้น
นิตตะกับไดจิเองก็ปลอดภัยแล้ว เพื่อนทั้งของเขาถูกส่งตัวไปอยู่ในห้องพักเดี่ยวของ JP’s และถูกควบคุมตัวไว้ให้อยูในสถานที่ปลอดภัย
เส้นผมสีดำหยักศกโคลงฟุบต่ำลงเล็กน้อย เปลือกตาปิดสนิทกระตุกวูบเมื่อภาพอันไม่สมควร
ส่วนตัวเอง––––––––––– ยอมบาดเจ็บสาหัส เพียงเพื่อมาช่วยเขา––––––––––––––––––
ฮิบิกิที่หลับตาอยู่อดเอ่ยอย่างประชดประชันไม่ได้ “หึ ใครกันที่ไร้สาระ” รอยยิ้มขื่นเผยบางวงหน้า
ตอนที่ทำงานด้วยกัน ยามาโตะมักพูดกับฮิบิกิเสมอว่าเขานั่นช่างไร้สาระ โดยเฉพาะคำอย่างคำว่า ‘ไร้เดียงสา’ ที่มักหลุดจากปากของผู้บังคับบัญชาการสูงสุดของ JP’s เป็นว่าเล่น จนฟูมิมักแซวเขาบ่อยๆ
แต่––– ดูเหมือนครั้งนี้ ฮิบิกิอาจต้องย้อนกลับไปหาผู้พูดซะแล้ว–––––––––––––––
คุเสะคุง” เสียงคุ้นเคยเรียกจากเบื้องหลัง––––––– ยานางิยะ โอโตเมะ แพทย์ประจำสาขา JP’s ที่โอซาก้าที่ตอนนี้ต้องมารับบทเป็นหมอผ่าตัดแทน
ผ่าตัดเสร็จแล้วจ่ะ” โอโตเมะพูด พร้อมกันนั้นสมาชิกแพทย์คนอื่นๆ ค่อยๆ ทยอยออกมาจากห้องฉุกเฉิน ประสบความสำเร็จได้ด้วยดี
ฮิบิกิที่เหนื่อยล้าปรือตามองหญิงสาวอย่างเย็นชาในคราแรก ครั้นตระหนักได้ว่าเป็นใคร แววตาอันว่างเปล่าก็แปรเปลี่ยนเป็นสั่นไหวสะทกสะท้านใจและยินดีอย่างยิ่งเขาเป็นไรบ้างครับ–––” แต่ไม่ว่าจะได้คำตอบอะไร ความจริงที่ว่า ยามาโตะต้องบาดเจ็บเพราะตนก็ไม่แปรเปลี่ยน 
เป็นผู้ป่วยที่แปลกดี” ยานางิยะไม่ตอบออกไปตามตรง เพียงใช้ดวงตาคู่ใสลอบมองวงหน้าขาวกระจ่างกลับกลายเป็นซีดเผือกจนดูน่าสงสาร ก่อนส่งรอยยิ้มปลอบโยน แกมขี้เล่นด้วยหวังสักนิดว่าสีหน้านั้นจะดูดีขึ้นแม้เล็กน้อยก็ยังดี
ระหว่างที่กำลังเย็บแผล ผบ.เขามองตาเป๋งเลยล่ะ–––––––– ทั้งๆ ที่ฉีดยาสลบเข้าไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล” หญิงสาวเสริมต่ออย่างขี้เล่นอีกว่า “เป็นฉัน ฉันคงจะหลับตาปี๋ที่จะต้องเห็นมีอะไรแทงเข้าไปในเนื้อของตนเอง” แค่นึก โอโตเมะก็พลันขนลุกซู่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในลำคอเบาๆ เพราะท่านผบ. ของเธอน่ะหรือ––––––––––
หลังจากมองการเย็บแผลตัวเองด้วยใบหน้าที่นิ่งสนิท ไม่มีการส่งเสียงโอดโอย หรือพูดพร่ำบ่นอะไรสักคำ คำพูดแรกที่หลุดออกจากปากเขากลับเป็นคือ
หมอนั่นอยู่ไหน?’
แน่ล่ะ ‘หมอนั่น’ ที่ท่านผบ. พูดจะเป็นใครไม่ได้นอกจากคนตรงหน้าเธอ
ฮิบิกิเผยยิ้มเล็กๆ งั้นเหรอครับ
"จะเข้าไปหาผบ.ไหมจ้ะ?" โอโตเมะพยักหน้าไปที่ประตู "เขาน่าจะรอเธออยู่นะ"
โดยปกติ หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะถูกส่งตัวไปที่ห้องแยกสำหรับพักฟื้นเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ แต่ท่านผบ. พูดว่า ‘ไม่จำเป็น’ แถมยังออกคำสั่งอีกด้วยว่า ‘ผ่าตัดเสร็จแล้วฉันจะกลับไปคุมสำนักงานใหญ่ต่อ’ แล้วเธอ ที่เป็นแพทย์สาวธรรมดาๆ จะทำอย่างไรได้นอกจากทุ่มสุดตัวกับการรักษาที่ต้องทำอย่างระมัดระวังและรวดเร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจก่อผลเสียในอนาคต
ฮิบิกิเงียบไปชั่วครู่ หลังจากทบทวนความสับสนที่ก่อตัวอยู่ลึกๆ ก็ตอบรับด้วยน้ำเสียวแผ่วหวิวหากเด็ดเดี่ยว "–––––ครับ" 
โชคดีนะ โอโตะเมะกล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มหวาน และชวนให้น่าสงสัย คราวหน้าคราวหลัง ถ้าหนีออกจากห้องพยาบาลอีก ฉันจะจับเธอใส่กุญแจมือไว้นะจ๊ะ
เมื่อเจ้าหน้าพยาบาลคนสุดท้ายเดินออกมาพร้อมกับคำสั่งที่ว่าให้ไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ ร่างโปร่งในชุดฮู้ดหูกระต่ายสีดำก็ยืนหยุดนิ่งอยู่หน้าประตู
เป็นเพียงเวลาไม่ถึงสิบวินาที หากยาวนานราวกับหลายสิบชั่วโมงในความคิดของฮิบิกิที่ยืนทำตัวไม่ถูกคนเดียว
เขาจะไม่ยอมให้ความรู้สึกว้าวุ่นใจนี้มาสร้างปัญญาในอนาคตกับเขาเด็ดขาด 
ดังนั้น จะหนีไม่ได้นะ–––––––––
ฮิบิกิรู้ว่าหนึ่งในหนทางที่จะขจัดความรู้สึกนี้ไปได้คือการเผชิญหน้ากับเจ้าตัวโดยตรง––––––––––––
แต่–––––––– มันก็อดประหม่าไม่ได้ 
ความรู้สึกของฮิบิกิในตอนนี้ก็เป็นเหมือนเด็กวัยรุ่นที่ทำผิดกลับบ้านดึก ไม่ทำตามคำสั่งของพ่อแม่ พอกลับบ้านมาก็ค่อยมารู้สึกสำนึก ไม่รู้จะเอาไง ได้แต่ยืนละล้าละหลังอยู่หน้าประตูห้องพ่อแม่อยู่นานสองนาน แต่น่าเสียดาย ที่ฮิบิกิไม่ใช่เด็กคนนั้น และเขาก็ไม่มีเวลามากมายขนาดนั้น ทุกสิ่งที่ฮิบิกิคิดขึ้นนี้เกิดขึ้นเพียงวินาทีเดียวซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่มือของตนจับเข้าที่ประตูบานเลื่อน แม้จะรู้สึกขลาดกลัวการถูกต่อว่าจากอีกฝ่าย แต่หัวใจที่เต้นแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ก็สั่งให้เด็กหนุ่มต้องเปิดประตูเข้าไปในห้องที่มีคนรอเขาอยู่ด้านใน
ครืน 
กรอบบานประตูถูกเลื่อนไปจนปิดสนิท ความประหม่าของฮิบิกิมลายหายไป ในสายตาหลงเหลือเพียงแต่ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มผมเงินที่สมควรจะนอนสลบไสลกำลังนั่งสวมเสื้อคลุมนอกสีดำ ตัดกับผิวหนังซีดเปลือยเปล่าบางส่วนของลำตัวถูกพันทับด้วยผ้าพันแผล
กึก
มือซีดขาวของยามาโตะกระชากเอาเข็มที่เจาะเข้าไปในเส้นเลือดและสายน้ำเกลือออกด้วยตนเอง วงหน้าหล่อเหลาปราศจากความรู้สึกแม้แต่ตอนเห็นเลือดไหลออกมาจากข้อมืออย่างช้าๆ ไม่รีรอ ยามาโตะคว้าเอาผ้าพันแผลที่วางกองอยู่ด้านข้างโต๊ะมาพันทบห้ามเลือด 
ฮิบิกิมองยามาโตะที่ทำทุกอย่างเองตาแป๋ว
เขาว่ายามาโตะ เป็นคนที่สุดยอดในหลายๆ ด้านแล้วนะ–––– แต่––––––––––––––––––– ไอ้การดึงเข็มยาวนิ้วหนึ่งออกจากเนื้อตัวเองอย่างไม่สะทกสะท้านนี่ มันเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการจริงๆ 
แต่ก่อนที่ฮิบิกิจะเอ่ยปาก ยามาโตะกลับเปิดบทสนทนาขึ้นมาเสียก่อน–––––––
อย่างไม่สบอารมณ์–––––––––––––––––––––––––––  
"มีธุระอะไรก็ว่ามา” ยามาโตะถามหน้านิ่ง ไม่แม้แต่จะมองหน้าผู้มาเยือน "ถ้าไม่มีก็ไสหัวไป" 
–––––––––––––––––––––––กำลังโกรธมากเสียด้วย
ทำไมนายถึงไม่อยู่ประจำการที่ศูนย์สำนักงานใหญ่
ที่นั่นมีมาโคโตะดูแลอยู่แล้ว ยามาโตะมองเสื้อเชิ้ตสีเทาเปื้อนเลือดของตนตรงโต๊ะข้างเตียงทีหนึ่ง ถ้าฐานทัพย่อยที่ชินจูกุขาดการติดต่อสื่อสารจากโลกภายนอก ก็เหมือนกับถูกตัดแขน และฉันปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ –––– นอกจากฉันแล้ว ฉันก็ไม่ไว้ใจให้ใครมาควบคุมที่นั้นทั้งนั้น
แต่ที่นี่คืออาริอาเคะ ไม่ใช่ชินจูกุ ฮิบิกิไม่ปล่อยจังหวะให้ยามาโตะโต้แย้ง นายมีเหตุผลสำคัญถึงกับต้องมาที่นี่ด้วยงั้นเหรอ? เรื่องนี้เนี่ยแหละที่ไม่ว่าจะคิดมากเท่าไหร่ ฮิบิกิก็ไม่เข้าใจ
ตอนนั้นเอง โฮซึอิน ยามาโตะ ที่เอาแต่หันมองอย่างอื่นก็ปรายตามองฮิบิกิอย่างเย็นชา–––––– แม้ลึกๆ แล้ว ภายในแววตาคู่นั้น กลับดูเปล่าเปลี่ยวและอ้างว้างอย่างน่าใจหาย––––––––––––
คนไม่รู้อะไรอย่างนาย ก็เชิญไม่รู้ต่อไปนั่นแหละ
แม้ฮิบิกิจะอยากพูดสวนกลับไป แต่เขาก็ทำไม่ได้เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับผ้าพันแผลนั่น ความรู้สึกผิดกดทับแน่น อึดอัดเหมือนไม่มีอากาศหายใจ แต่ถึงแม้ภายในจะรู้สึกอึดอัดแทบตาย ในความเป็นจริงคือฮิบิกิที่เดินไปยืนหยุดอยู่ด้านหน้าร่างสูงที่กำลังผุดลุก ได้ใช้มือกดไหล่กว้างให้กลับนั่งอยู่บนเตียง ซ้ำยังเพิ่มแรงกดกันไม่ให้ยามาโตะที่พยายามจะลุกขึ้น
ยามาโตะเลิกคิ้ว มองฮิบิกิที่ยืนค้ำอยู่อย่างไม่สบอารมณ์ "ทำอะไรของนาย"
"เป็นคนป่วยก็นอนต่อไป" ฮิบิกิพูดกึ่งบ่น พร้อมกันนั้นก็รีบปัดความรู้สึกไม่ชอบใจกับการถูกยามาโตะพูดเสมือนว่าตนเป็นเพียงคนนอกออกไปอย่างรวดเร็ว "ที่ JP's ตอนนี้ก็แย่พออยู่แล้ว ไม่มีใครอยากให้ผู้บัญชาการที่บาดเจ็บหนักไปประจำการหรอก" อย่างน้อยนอกจากเขา ก็ต้องมีมาโคโตะเนี่ยแหละที่อยากจะให้ผู้บัญชาการของเธอมีเวลาพักเสียบ้าง แต่อย่างว่าล่ะ เขากำลังพูดกับใครอยู่
"นายเองก็เพิ่งฟื้นตัวไม่ใช่เหรอ?" ยามาโตะย้อนถามเสียงราบเรียบหากดื้อดึง ดวงตาสีอเมทิสแฝงความกดดันและทรงอำนาจคล้ายกับจะข่มให้คนมองรู้สึกว่าตนเองช่างต้อยต่ำ "ถ้าอยากให้ฉันหยุด งั้นก็หาคนเก่งเท่ากับฉันไปประจำการสิ––– ถ้ามีปัญญาน่ะนะ–––––––––"
สิ่งที่ยามาโตะพูดออกมาคือความจริงอันยากจะปฏิเสธ ฮิบิกิพลันรู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ
"ถ้าหาได้ ก็ทำไปนานแล้ว" ฮิบิกิอยากถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำไมเขาต้องมารับมือกับยามาโตะในเรื่องแบบนี้ด้วยนะ ถ้าเป็นคนอื่น แค่เขาพูดกล่อมนิดหน่อยก็คงยอมคล้อยตามอย่างว่าง่าย แต่อย่างว่า กับโฮซึอิน ยามาโตะ––––––––– มันคนละเคสกันชัดๆ ถ้านายดื้อให้มันน้อยลงหน่อย ก็คงดีสินะ–––––––– ฮิบิกิงึมงำเสียงแผ่ว แต่ยามาโตะได้ยินชัดเจน
ยามาโตะขมวดคิ้ว ความไม่ชอบใจแล่นริ้วในอก ทว่าก็ไม่หลุดท่าทีออกมา "ยังจะมาพูดอะไรแบบนี้อีก––––––– ไร้สาระ" ยามาโตะหยุดนิ่งไป เมื่อเห็นนิ้วเรียวของฮิบิกิปลดกระดุมเสื้อคลุมของเขาออกทีละเม็ดกระทั่งเผย ผิวหนังเปลือยพันทบซ้อนด้วยผ้าพันแพรหลายชั้น ก่อนที่นิ้วของฮิบิกิจะไล่ไต่ไปตามผิวหนังเย็นชืด เรื่อยไปจนสัมผัสถึงผัสผ้าพันแผลสีขาวที่มีรอยเลือดไหลซึมเล็กน้อย
ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ ฮิบิกิสูดหายใจเข้าลึก กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไร้ท่าทีผ่อนคลายอีกต่อไป อันที่จริง นายว่ามันแปลกๆ ไหม–––––––– ทั้งๆ ที่ PLAYING GAME ก็ได้เปิดตัวไปแล้ว แต่ทำไมพวกนั้นถึงยังไม่ลามือจากดิสก์นี่? ยังจะต้องการโค้ดสร้างเกมไปทำไมกันอีก จุดนี้แหละที่ฮิบิกิไม่เข้าใจเลยสักนิด
ยามาโตะเอียงคอเล็กน้อย โค้ดนั่นอาจมีอะไรพิเศษกว่าโค้ดแม่แบบตัวอื่น–––––––– ฉันจะให้ฟูมิตรวจสอบดู
แม้ทางฝั่งโรนัลโด้ยืนยันมาแล้วว่าเหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว แต่ยังไงก็ต้องให้คันโนะ ฟูมิ ที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ตรวจสอบก่อนเพื่อความแน่ใจ
สองคนนี้ไม่ถูกกันนี่เนอะ–––––– ฮิบิกิคิด ถึงแม้ในตอนนี้ฝ่ายที่ไม่ถูกกันจะมีแค่ยามาโตะก็เถอะ ส่วนโรนัลโด้ที่ยังไม่รู้ว่ายามาโตะเป็นยังไง–––––––––––––– ก็ไม่ควรรู้ต่อไปนั่นแหละจะดีเยี่ยม
ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่า แต่พวกนั้น––––เหมือนจะสืบเรื่องของฉัน–––เป็นพิเศษ–––––––––––––– ว่าแล้ว ฮิบิกิก็ใช้นิ้วลูบเลยไปถึงขมับที่เหลือเป็นรอยแผลจางๆ ด้วยผลจากนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวล้ำของทาง JP’s เบาๆ แถมยังบอกอีกว่าจะเอาตัวฉันไปด้วย นายว่ามันเป็นเพราะอะไร
โดนโจมตีในกลางวันแสกๆ แถมยังเล็งแต่เขาคนเดียวเป็นพิเศษถึงขนาดส่งคนปลอมตัวเป็นซิสเตอร์มาดักรอ ถ้าไม่พูดว่าฝั่งนั้นเล็งจัดการเขาไว้แต่เนิ่นๆ ฮิบิกิก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน
ไปทำอะไรขวางหูขวางตาใครเข้าล่ะ? แม้จะถามย้อนกลับไปแบบนั้น หากยามาโตะก็รู้สึกสงสัยและไม่เข้าใจเช่นเดียวกับฮิบิกิ ถึงนาย ในเวลานี้ จะเป็นหน่วยแนวหน้าที่ดีที่สุดก็จริง แต่–––––– มันก็ไม่น่าจะใช่สาเหตุทั้งหมดที่พวกนั้นจงใจเลือกนาย––––– ดวงตาสีอเมทิสมองมาราวกับจะแทงให้ทะลุ เว้นเสียแต่พวกนั้นจะรู้ว่านายไม่ได้เป็นแค่หน่วยแนวหน้าที่ดีที่สุด––––––––
แต่เป็นตัวหมากที่ดีที่สุดในกระดานทั้งหมดนี้––––––––––––––––––––  ในฐานะผู้ครอบครองอำนาจแห่ง เบี๊ยกโกะ และ ซุซาคุ และผู้ครอบครองอำนาจแห่งชัคโค มังกรปฐพี
คิดว่าไม่ ฮิบิกิส่ายหัว ฉันระวังตัวสุดๆ อีกอย่าง ถ้าความลับมันจะแตก เรื่องมันก็ต้องถึงหูนายก่อนอยู่แล้ว ไม่มีทางที่พวกนั้นจะรู้ว่านอกจากเขาจะเป็นผู้ใช้เบี๊ยกโกะแล้ว ยังสามารถใช้ซุซาคุได้อีกด้วย ขนาดมาโคโตะหรือแม้แต่ฟูมิก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะรู้เรื่องนี้ก่อนทาง JP’s หากความลับแตกเอา
หรือ–––– จะเป็นเรื่องอื่นอย่างที่ยามาโตะพูดจริงๆ––––––––––––?
แต่จะเป็นเรื่องอะไรได้อีกล่ะ–––––? ก่อนที่จะมาทำงานเป็น JP’s เขามันก็แค่เด็กมัธยมปลายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ประวัติพื้นหลังก็ธรรมดา ไม่ได้มีอะไรพิสงพิเศษเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ–––––––––––––––––––
ฮิบิกิหลุบตา
จะว่าไป–––––– หลังจากนั้นอาการปวดหัวก็หายไปเลย––––––––––––––––––––––
อันที่จริง––––––– รู้สึกหัวมันโล่งกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำไป–––––––––––––
คง––––––––––– ไม่เป็นไรแล้วละมั่ง–––––––––––––––––––––––––––––––––––––
ยามาโตะเงียบไปสักพักอย่างคนใช้ความคิด แล้วจึงถาม ตอนนี้––– แผ่นดิสก์อยู่ที่ไหน
ในสถานการณ์วิกฤตแบบนี้ ในเมื่อไม่รู้เรื่องของศัตรูมากพอ ก็ควรจะให้ความสำคัญกับหมากที่มีอยู่ในมือของเราเสียก่อน  
อยู่กับโรนัลโด้ ฮิบิกิตอบ ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อนึกได้ว่าตนเก็บแผ่นดิสก์สำคัญขนาดนั้นเอาไว้ในกระติกน้ำร้อน แต่จะให้เขาทำไงได้ อย่างน้อย ตอนนี้โรนัลโด้คงส่งให้ถึงมือมาโคโตะที่สำนักงานโตเกียวแล้ว ฉันให้เขาเก็บไว้อย่างดี––––– ป่านนี้คงถูกส่งไปที่สำนักงาน JP’s แล้ว ภาพก่อนแยกกัน ฮิบิกิเห็นโรนัลโด้กับยูซุรุนั่งรถไปกับพวกเจ้าหน้าที่ JP’s
ดี ยามาโตะพยักหน้า มาโคโตะคงจัดการที่เหลือให้แล้ว ผู้หญิงที่เขาเลือกให้มาเป็นรองบัญชาการด้วยตนเอง ย่อมรู้ดีที่สุดว่าควรจะทำยังไงต่อ
อืม ฮิบิกิรับคำเสียงเซื่องๆ นัยน์ตาสีใสทอประกายเจ็บปวดก่อนมันจะหลุบลงยามสบเมื่อไล่สายไปยังวงหน้าหล่อเหลาที่มี––––––––– แผลเป็นที่แก้มขาวของอีกฝ่าย–––––––––––––––
บาดแผล–––––––– ที่เขาทำขึ้นมาเอง–––––––––––––––––
––––เป็นอะไรไป ยามาโตะเอ่ยถามฮิบิกิ ดวงตาสีอเมทิสช้อนมองคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่า แล้วเอ่ยดักทางไว้ ถ้ารู้สึกผิดเพราะคิดว่าทำให้ฉันต้องบาดเจ็บ ก็ให้เลิกคิดซะ ความรู้สึกที่มากเกินไปจะทำให้งานเสียรูปเสียเปล่-
บางครั้งฉันก็คิดนะ ยามาโตะ ฮิบิกิพูดออกมาอย่างไม่สนใจว่ามันจะขัดคำพูดของยามาโตะหรือไม่ ดวงตาสีฟ้าใสสะท้อนแต่ภาพของยามาโตะเพียงผู้เดียวตั้งแต่แรกจนถึงเดี๋ยวนี้ ถ้าหากเมื่อหนึ่งปีก่อน ไม่เกิดเรื่องในเจ็ดวันนั้นขึ้น ฉันกับนายก็คงไม่ได้มาเจอกัน นายก็ยังคงเป็นนาย ฉันก็ยังคงเป็นฉัน นักเรียนธรรมดาที่ไม่มีสิทธิ์ได้เปิดตาดูโลกหรือความยากลำบากที่นายต้องเผชิญมาตลอด––––––––– พูดพลางยื่นมือแตะปลายคางได้รูปและเลื่อนไปสัมผัสแผลเป็นที่เขาเป็นคนทำขึ้น คง––––––––– ทำได้แต่เป็นนักเรียนที่กำลังกังวลเกี่ยวกับอนาคต โตไปก็คงไม่พ้นพนักงานกินเงินเดือน––––– ที่ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงตายแบบนี้–––––––––––––––––––––––
... ยามาโตะเอียงศีรษะ แววตานิ่งสงบและเย็นเยือกดุจน้ำแข็ง นึกเสียใจที่เลือกทางนี้รึไง
ไม่มีทาง ฮิบิกิสวนกลับอย่างรวดเร็ว บอกต่อด้วยถ้อยคำหนักแน่น รู้อะไรไหม ถ้าฉันมีโอกาสเลือกได้ที่จะเจอนาย ฉันจะไม่ลังเลเลยที่จะตอบตกลง––––––
ฮิบิกิยกยิ้มฝืด เราสองคนแตกต่างกันมากเลย ยามาโตะ ทั้งความคิด สถานภาพและอะไรอีกหลายๆ อย่าง มันมากมายเสียจนฉันไม่รู้เลยว่าเรามีวันนี้ได้ยังไง–––– ดวงตาสีฟ้าใสสั่นเครือและรวดร้าว แต่ริมฝีปากก็ยังยิ้ม... ฝืน
และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำอะไร ถ้านายหายไปอีก–––––––––––––––––––––––––––––
––––ฮิบิกิ
เมื่อวาน––––––– มือฉันเปื้อนเลือดนายเต็มไปหมด ฮิบิกิว่า ฉันกลัวแทบแย่–––––––––––– มันไม่ใช่ความรู้สึกสำนึกผิด ความรู้สึกเหล่านั้นถูกปัดเป่าไปหมดแล้ว แต่––– ตะกอนแห่งความหวาดกลัวการสูญเสียกลับสลักลึกอยู่ในความทรงจำชัดเจนเสียจนแทบสัมผัสได้–––––
และทำให้เหมือนจะตายได้–––––––––
ยามาโตะเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าของฮิบิกิ เด็กหนุ่มไม่พูดอะไร นอกจากดึงมือที่แตะแก้มตนมาบีบแน่น มืออีกข้างก็ดึงศีรษะของอีกฝ่ายลงมาพิงบ่าข้างที่ไม่บาดเจ็บ
ฉันเกือบร้องไห้แล้ว เสียงนุ่มสั่นพร่าข้างริมหู อย่าหายไปอีกนะ ยามาโตะ––––––––––––
–––––อืม
นึกไม่ออกเลยจริงๆ ฮิบิกิพึมพำกับตนเองเสียงสั่น ก่อนหัวเราะนิดๆ ฉันอุตสาห์เข้ามาอยู่ที่ JP’s เพราะนายเลยนะ คิดไปไกลว่าสักวันจะได้ยืนอยู่ข้างๆ นาย โดยไม่ต้องกังวลเสียที––––––– ฉันเลือกจะทุ่มเวลามากกว่าครึ่งชีวิตของฉันกับนายหมดแล้ว––––––
ฮิบิกิผละออกจากบ่ากว้าง เด็กหนุ่มสร้างระยะห่างให้ประสานตาเข้ากับดวงตาคู่คมที่มักจะทอแสงเย็นชา ดูถูกและเหยียดหยามกำลังมองเขาอย่างเฝ้ารอ
ก่อนฮิบิกิจะส่งยิ้มบาง เป็นรอยยิ้มที่ปลอดโปร่ง และนุ่มละมุน ไม่ได้เจิดจ้า แต่สบายตาและสวยงาม––– และยังเป็นยิ้มที่บอกว่า
โลกทั้งใบของฉัน–––––––
ฉันให้กับนายหมดแล้วนะ
–––––––อนาคตที่ไม่มีนายอยู่ ฉันนึกไม่ออกจริงๆ
ทุกวินาทีเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า หากมันไม่ใช่ความทรมาน หรือหวานละมุน แต่เป็นความรู้สึกบางอย่างที่ติดค้างอยู่ในหัวใจมานานได้รับการปลดเปลื้อง ฮิบิกิรู้สึกเหมือนตนหายใจคล่องขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ก่อนที่กาลเวลานั้นจะเริ่มกลับมาเดินอีกครั้งเมื่อมือที่บีบแน่นเปลี่ยนเป็นสอดเข้าไปผสานกับปลายนิ้ว และอีกหนึ่งคำตอบรับจากร่างสูงบนเตียงที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่นที่ทำให้หัวใจของฮิบิกิเต้นแรง
–––––––––เหมือนกัน

ในห้องพัก 6.03 AM.
ฮิบิกิคุงจะเป็นอะไรไหมนะ––––––
อิโอะคิดอย่างกังวลใจ
หลังจากถูกพาตัวมากักบริเวณไว้ในห้องพัก ไดจิและอิโอะก็ได้รับฟังคำอธิบายสถานการณ์คร่าวๆ จากเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ตอนแรก เธอและไดจิรู้สึกตกใจมากกับสถานการณ์ตอนนี้ และยิ่งตกใจมากกว่าที่ฮิบิกิทำงานร่วมกับ JP's โดยเฉพาะกับไดจิที่โมโหแทบเป็นบ้าไปเมื่อรู้ความจริงเข้า
อิโอะนั่งลงที่ปลายเตียง มือสองข้างกระสานบนตักแน่น
หมายความว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฮิบิกิคุงต้องเสี่ยงอันตรายแบบนี้ตลอดเลยเหรอ–––––––––?
แล้ว––– ที่บางครั้งต้องกลับเร็วกว่าปกติ ก็เพราะถูกเรียกตัวมาจัดการเรื่องแบบนี้เองน่ะเหรอ––?
ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้กันขนาดนั้นแท้ๆ แต่ทำไมฉันถึงไม่รู้เลยนะว่าเขาจะต้องเสี่ยงอันตรายขนาดไหน–?
แล้วตอนนี้ เขาก็ต้องออกไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวอีกแล้วงั้นเหรอ–––––––––––––––––––––––?
เด็กสาวยกมือขึ้นกุมอก ที่ภายในรู้สึกปวดร้าว "ฮิบิกิคุง
ต้องทำยังไงนะ ทำยังไงถึงจะช่วยเขาได้–––––––––––––––––––––––?
ก็อกๆ
ใครน่ะ นิตตะขยับตัวด้วยความหวาดระแวงในทีแรก ก่อนจะคลายกังวลเมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือที่ที่ปลอดภัย "ไดจิคุงเหรอ" เด็กสาวคาดการณ์พลางยื่นมือไปเปิดประตู 
แต่อันที่จริงแล้ว
สวัสดี นิจจัง ของผม ทันทีที่เปิดประตู สิ่งแรกที่นิตตะเฟ็นคือชายผมน้ำตาลแดงไหม้อันในชุดดูดีกำลังส่งยิ้มหวาน ในมือของเขา ถือช่อดอกกุหลาบสีแดง
สีแดง ที่เหมือนเลือดไม่มีผิด
"ผมมารับคุณแล้วครับ" รอยยิ้มอันคุ้นเคยของ นิชิวาระ เด็กหนุ่มที่เธอเคยเจอกันในความบังเอิญขณะอยู่ในร้านหนังสือหลอกล่อให้เธอคล้อยตาม จนเธอลืมไปเสียสนิท
ว่าในเวลาแบบนี้ ไม่ว่าจะสถานที่แบบไหน ไม่มีที่ไหนปลอดภัยอีกแล้ว

JP’s สำนักงานใหญ่ กรุงโตเกียว 11.07 AM
ได้เรื่องไหม ฟูมิ มาโคโตะท้าวแขนลงกับพนักพิงเก้าอี้ของด็อกเตอร์สาว เรื่องโค้ดนั่น
ดิสก์จากโรนัลโด้ตกมาอยู่ในมือของมาโคโตะแล้ว และตอนนี้ เธอกำลังให้คนในหน่วยทำการประมวลผลอยู่ และคนที่กำลังวุ่นวายกับแผ่นดิสก์เจ้าปัญหาที่เก็บความลับเอาไว้สุดก็คือ คันโนะ ฟูมิ
ยัง ฟูมิตอบอย่างเฉื่อยชา มือละเลงไปบนแป้มพิมพ์รวดเร็ว โค้ดข้อมูลพวกนี้ถูกออกแบบมาโดยผู้เชี่ยวชาญ–––––––– ฉันต้องการเวลาศึกษามากกว่านี้ มันไม่ใช่แค่เรื่องของการศึกษาแม่แบบของโค้ดนี้ แต่เพราะเธอทำงานเป็นคนออกแบบระบบของ JP’s ในเวลาเดียวกัน หญิงสาวก็ต้องปรับมาตรการการรักษาความปลอดภัยของ JP’s ไปพร้อมๆ กันด้วยเลยทำให้เสียเวลามากกว่าเดิม––––––––
อีกนานเท่าไหร่
ดวงตาสีเย็นชามองเพื่อนของตนเอง ชั่วโมงหนึ่ง นั่นคือเวลาอย่างเร็วสุดที่เธอจะให้ได้
มาโคโตะพยักหน้ารับ ฝากด้วยนะ
ได้รับข้อมูลจากทางฝั่งชินจูกุหรือยัง ฟูมิถามก่อนที่มาโคโตะจะเดินออกไป ผบ. บาดเจ็บด้วย เห็นว่าอาการหนัก–––
หลังความพยายามตั้งระบบการสื่อสารใหม่ ด้วยการนำอุปกรณ์ส่งสัญญาณไปตั้งตามจุดต่างๆ ในชินจูกุ ในที่สุด ทางสำนักงานใหญ่ก็สามารถติดต่อสื่อสารกับทางหน่วยงานทางชินจูกุได้สำเร็จ––––– แต่ก็ยังไม่มีความสามารถถึงขนาดเทเลพอร์ตคนมาได้ ไม่งั้นป่านนี้ มาโคโตะคงเตรียมส่งหน่วยพยาบาลที่ดีที่สุดไปประจำการฝั่งนั้นแล้ว
รู้แล้ว มาโคโตะพูด หากดวงตากลับขุ่นมัวเต็มไปด้วยความกังวล แต่ตอนนี้ สถานการณ์ตรงหน้าเราสำคัญกว่า ––––––––– คุเสะ ฮิบิกิก็อยู่ที่นั่นด้วย–––––––––––– เราไม่ต้องกังวลหรอก–––––––––––––––––––––––––––––––
ไม่ต้องห่วงหรอก ฟูมิพูดอย่างรู้ความกังวลในใจของมาโคโตะ พลางกัดแซนวิซที่ใช้กินเป็นข้าวเที่ยงไปแทน หัวหน้าเป็นคนยังไงก็รู้ๆ กันดี เดี๋ยวก็ฝืนลุกขึ้นมาได้เองนั่นแหละ–––––– ส่งคนไปล้อมฐานบัญชาการใหญ่ของฝั่งศัตรูไว้แล้ว จะเริ่มนับเวลาถอยหลัง เริ่มการจู่โจมในอีกสองนาทีข้างหน้า
ฟูมิยืดตัว มือสองข้างยื่นบิดขี้เกียจไปด้านหลัง เอ่ยอย่างเกียจคร้าน
ปิดเกมแล้วสินะ เร็วชะมัด
นึกว่าจะมีอะไรตื่นเต้นกว่านี้เสียอีก––––––– น่าเสียดาย–––––––––––––
ก็ใช่ แต่–––– ยังไม่ทันที่มาโคโตะจะแก้ตัวให้กับหัวหน้าของตัวเองเสร็จ ความอลหม่านในวินาทีข้างหน้าก็เผยตัวขึ้นมาให้ตามที่ด็อกเตอร์สาวผู้เบื่อจัดได้ฆ่าเวลาเล่นสมใจอยาก
ตี๊ด––––––––– ตี๊ด–––––––––
วี๊ด–––––––––––––––––––––
กรี๊ง––––––––––––––––––––!
เสียงกริ๊งกรีดเสียงขึ้น พลันแสงสีเขียวบนจอมอนิเตอร์เปลี่ยนไปเป็นสีแดงเข้ม สัญญาณร้องเตือนภัยเรียกเสียงเอะอะโวยวายจากทุกคนที่เพิ่งฝ่าวิกฤตกันมาได้ให้ต้องใจหายวาบกันอีกครั้ง และก่อนที่มาโคโตะหรือฟูมิจะได้ขยับตัว บนหน้าจอมอนิเตอร์ของคนทุกคนก็พลันดับแสงวูบ แสงสว่างในห้องหายไปเพียงหนึ่งกะพริบตา เสียงติ๊กดังขึ้นกลางความมืด แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวจากหน้าจอคอมพิวเตอร์รวมถึงมอนิเตอร์คือตัวเลขนับถอยหลังสู่เวลาสู่เวลา 11.11 AM.
3––––––––––––––
2––––––––––––––
1––––––––––––––
แต่น แต๊น!––––––––––– เสียงเป่าแตรดังกระหึมชนิดเจ้าหน้าที่หลายคนจำต้องถอดหูฟังออกกะทันหัน จากนั้นเสียงหัวเราะฮิๆ ก็ดังไปทั่ว จากนั้นก็ราวกับมีแสงสปอร์ตไลท์สาดไปรวมตัวกันที่จุดตรงกลางของหน้าจอ        
[-ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่ประตูแห่งความลับครับ!!-] ตัวการ์ตูนตัวเล็กในชุดสูทกระโดดขึ้นมาบนตรงจุดแสง พร้อมหมวกทรงสูงสีดำ ด้วยรอยยิ้มกว้างราวกับเด็กเล็กๆ [-กระผม L.DS. จะเรียกว่า L หรือ ลาส (LAST) ก็ได้ ตามแต่ทุกท่านสะดวกนะคร้าบบบ!-]
นี่มันอะไรกัน!” ทำงานที่นี่มาหลายปี มาโคโตะไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้–––––––––
เราโดนแทรกแซง ฟูมิเป็นคนตอบ คิ้วบางขมวดคิ้วมุ่นอีกเล็กน้อย ไม่ใช่จากทางฝั่งศัตรูด้วย––––––––––” น่าจะเหนือกว่านั้น ดวงตาไร้อารมณ์เหลือบมองไปยังเวลาด้านข้าง
ถ้าจะเริ่มแผนสำรองนั่น––– อย่างน้อยต้องรอสามนาที–––––––––––––
[-ถูกต้องแล้วล่ะคร้าบบบ-] จู่ๆ ตัวการ์ตูนนั่นก็ร้องตอบ เรียกความตื่นตะลึงจากเจ้าหน้าที่ของ JP’s ทุกคน แม้แต่ฟูมิยังขมวดคิ้วมุ่น–––– ภาพที่เห็นในตอนนี้เป็นการส่งข้อมูลแบบทางด้านเดียวเท่านั้น แสดงว่า หากทางฝั่งนั้นสามารถตอบโต้กับทาง JP’s ได้อย่างตอนนี้ ทางนั้นจะต้องคอยจับตาดู JP’s และเห็นถึงห้องบัญชาการแห่งนี้ได้เลยด้วยซ้ำ
ฟูมิปรายตาไปมองกล้องวงจรปิดไฮเท็คทั้งแปดตัวที่ซ่อนอยู่ในมุมห้อง ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มเย็นชา
ฝั่งนั้นเจาะเข้ามาได้แม้แต่กล้องวงจรปิดของในห้องบัญชาการเลยงั้นหรือ–––––?
[-ผมไม่ใช่ศัตรูของพวกนาย–––– แต่ก็ไม่ใช่มิตรเหมือนกัน––––––-] ร่างตัวการ์ตูนนั้นเผยรอยยิ้มเหยียดกว้าง แสยะไปติดริมหู [-ใช่แล้ว ผมไม่ใช่ใคร และคนที่กำลังทำให้ทุกท่านปั่นป่วนนี้ ก็ไม่ใช่ศัตรูของท่าน แต่เป็น ผมคนเดียว เท่านั้น-]
งั้นก็มีค่าเท่ากัน มาโคโตะสรุปสั้นๆ
[-อย่าเหมารวมผมกับพวกกระจอกสิคร้าบ] ตัวการ์ตูนนั้นจู่ๆ ก็ปล่อยโฮ น้ำตาไหลท่วมจอ [-ผมน่ะ แค่ยอมใช้ลมหายใจร่วมกับพวกนั้นก็เอียนจะอ้วกตายอยู่แล้ว––––– พอมาได้ยินคุณพูดแบบนี้แล้ว มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน-]
เลิกพล่ามแล้วบอกมาซะทีว่านายเป็นอะไรกันแน่ คนที่พูดประโยคนี้ จะเป็นใครไปได้นอกจากคันโนะ ฟูมิ สังเกตนาฬิกาที่อยู่ข้างๆ หน้าจอไปพลาง
เหลืออีกสองนาที
อุตสาห์แทรกแซงระบบทาง JP’s เข้ามา คงไม่ได้เข้ามาเพื่อบ่นเรื่องไร้สาระให้ฟังใช่ไหม
[-ใจเย็นๆ สิคร้าบ ไม่เคยได้ยินสำนวนช้าๆ ได้พร่าเล่มงามหรือ ด็อกเตอร์คนสวย-]
ฟูมิเลิกคิ้วสูง ช่างสำนวนเสียจริง สืบประวัติเธอ–––– ไม่สิ น่าจะทุกคนใน JP’s หมดแล้วด้วย–––––––
[-ขอบคุณคร้าบ-] L โน้มตัวขอบคุณ มือเปิดหมวกเผยภายในหมวกสีอัน [-เอ––––– อะไรกัน เมื่อกี้ผมมั่นใจว่าผมเอา นิจจังของผมใส่ไว้แล้วนี่น่า มันหายไปไหนกันน้า–––––––––?-]
จะเล่นป่าหี่อะไรกัน ฟูมิชักหมดความอดทน มือของเด็กสาวเลื่อนไปเพื่อเตรียมกดปุ่ม ‘enter’
เหลืออีกหนึ่งนาที
[-อ้า! เจอแล้วๆ!!-] L กระโดดโลดเต้นอีกสักพัก จากนั้นก็เผยหลังหมวกที่เมื่อครู่นี้ว่างเปล่า แต่ตอนนี้––––– ไม่ใช่อีกแล้ว [-เจอนิจจัง แล้ว!-]
นั่นมัน––––––!” คนที่ตกใจที่สุดในตอนนี้คือมาโคโตะ แต่ถ้าหากคุเสะ ฮิบิกิยืนอยู่ที่นี่หละก็ เธอมั่นใจว่าฮิบิกิคงไม่รอให้เสียเวลาแต่จะรีบวิ่งไปช่วย นิจจัง คนนั้นแน่
ในเมื่อ ภาพของนิจจังคนนั้น หรือที่เธอรู้จักคือ นิตตะ อิโอะ–––––––– เพื่อนสนิทของคุเสะ ฮิบิกิ กำลังนอนสลบไสลอยู่ในห้องห้องหนึ่งในสภาพโดนมัดมือมัดเท้า–––––––––––––––––––––––
[อา อ้า ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอก] L หัวเราะ [ยังมีอะไรให้ตกใจกว่านั้นอีกเยอะ]
แกต้องการอะไร มาโคโตะถาม การที่ทางนั้นเลือกจับนิตตะ อิโอะที่เป็นคนธรรมดาไป ––––– แสดงว่า แกคือคนที่เล็งโจมตีคุเสะ ฮิบิกิ อยู่สินะ
[-คุเสะ––––– ฮิบิกิ––––––––?-] L ทำหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาของตัวการ์ตูนเห็นเป็นเส้นแนวตั้งเพียงขีดเดียว [-อา––––– ทีแท้ ก็ชื่อว่า คุเสะ ฮิบิกิ นี่เอง––––– นั่นคือ ชื่อของ เขา สินะ–––––––––––?-]
เอ๊ะ
มาโคโตะที่ได้ยินคำพูดของ L ชักรู้สึกสับสน มึนงง
นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่–––––––––? ทำไมฝั่งตรงข้ามนั้นถึงพูดทำนองว่าเพิ่งได้ยินชื่อนี้มาก่อนล่ะ––––? หมายความว่าฝั่งนั้นเพ่งเล็งคุเสะ ฮิบิกิทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเนี่ยนะ
นี่มัน ไร้เหตุผลสิ้นดี!
[-ก็–––– อยากจะทำข้อตกลงอะไรด้วยกันนิดหน่อยน่ะน้า-] L ในหน้าจอบิดตัวไปมาอย่างน่ารัก [-ว่าไงดีล่ะ อื้มมมม คงทำนองว่า เรามาสันติกันไว้ดีกว่า-]
เจ้าหน้าที่ทุกคนถลึงตาใส่อย่าเอาเรื่อง
สันติบ้านแกสิ ทำพวกเราวุ่นวายไม่ได้นอนกันตั้งสามวันสามคืน
จะใช้เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวประกัน? ฟูมิถาม มือกอดอก คิดง่ายไปหรือเปล่า ทำไมเราต้องเอาอนาคตของ JP’s มาทิ้งเพราะเด็กผู้หญิงคนเดียวล่ะ ถึงแม้คำพูดของด็อกเตอร์สาวจะเป็นอะไรที่ฟังดูโหดร้าย แต่มันก็เป็นความจริงที่ทุกคนต้องยอมรับ
[-ไม่น้า-] L ลากเสียงยานคาง [-นิจจังๆ น่ะ ไม่ได้พามาใช้เป็นตัวประกันซะหน่อย แต่–––– จะเอามาเป็น ตัวประกอบต่างหาก-]
ตัว––– ประกอบ–––? มาโคโตะเลิกคิ้ว สำหรับอะไร
[-จุ๊ๆ บอกไม่ได้ นี่คือความลับ ท็อปซีเคร็ด-] L เอานิ้วไขว้ทำเป็นรูปกากบาทปิดปาก น่ารักน่าชัง [-แต่ไม่ต้องห่วงหรอกน้า นิจจังๆ น่ะ พาไปไว้ในที่ที่ปลอดภัยสุดๆ กว่าที่ที่ฉันอยู่เสียอีก––– ก็– เพราะถ้า ไม่มี 'ตัวประกอบ' มันก็ไม่สนุกน่ะซี่-]
แสดงว่า นิตตะ อิโอะโดนจับตัวไปไว้ที่อื่นสินะ–––––––––
ก็ดี
ซาก็อดจิ เสียงของฟูมิเรียกมาโคโตะให้ก้มมอง เห็นด็อกเตอร์สาวชี้นิ้วไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊คของตนที่ทางฝั่งศัตรูแทรกแซงเข้ามาไม่ได้กำลังฉายภาพของหน่วยปฏิบัติการที่เริ่มทำการจู่โจมศูนย์บัญชาการใหญ่ของฝั่งศัตรู––––––– ในพิกัดที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นที่ที่มีสัญญาณส่งมาแรงที่สุดกำลังโดนถล่มราบคาบ–––––
มาโคโตะพยักหน้าเล็กน้อย ทว่าขณะรู้สึกโล่งใจสักนาทีหนึ่ง สองสาวก็ต้องเงยหน้ามองจอมอนิเตอร์ใหญ่อีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะก้อง
[-ฮ่าๆ โอ๊ย สะใจชะมัด เจ้าพวกตัวร้ายเลวทรามกำลังโดนจัดการ-] L กุมท้อง ท่าทางกลั้นหัวเราะจนแทบทนไม่ไหว [-ฮ่าๆ สะใจชะมัดเลย เท่านี้ก็ไม่ต้องฟังเสียงห่วยๆ นั่นอีกแล้ว ฮ่าๆ-] และหลังจากนั้น ก็มีภาพฉายจากกล้องวงจรปิดตัวเล็กๆ ที่ฐานทัพหลักที่กำลังโดนทาง JP’s จู่โจม [-รวดเร็ว และเด็ดขาด–––– สมแล้วกับที่โดนฝึกมาเป็นมืออาชีพ-] L ว่าอย่างชื่นชมจากใจจริง
มันหมายความว่ายังไงกันแน่... เจ้าหน้าที่หลายคนชักสับสน ตามอารมณ์แปรปรวนของตัวละครตรงหน้าไม่ทัน
มาโคโตะหรี่ตา เม็ดเหงื่อไหลอาบขมับสู่ปลายคาง นั่นหมายความว่า ศัตรูที่แท้จริงของพวกเรา–––– ยังไม่ถูกกำจัดยังไงล่ะ–––––––––––– ดูจากท่าทีของ L –––––––– เรื่องนี้คงจะไม่จบลงง่ายๆ แน่
ตลอดมา––––– ศัตรูของพวกเรามีสองกลุ่มงั้นหรือเนี่ย–––––––––? เจ้าหน้าที่ตามสถานการณ์ทันนั่งอยู่ข้างๆ ฟูมิเอ่ยถาม
ไม่น่าใช่ ฟูมิตอบ ขณะที่ในใจนับถอยหลังอีกสิบวินาที ฉันคิดว่า เจ้านั่นแยกตัวออกมาเองมากกว่า–––––––– งั้นสิ––––––––––? ฟูมิใช้สายตาเย็นชามองไปยัง L ทั้งหมดนี่ ทั้งโปรแกรมอัญเชิญ การลงมือ และวิธีการ ฝีมือนายหมด––––––– และที่เราเสียเวลาโจมตีไปทั้งหมด จริงๆ แล้วก็คือกลุ่มที่นายแยกออกมา–––––––– กลุ่มที่นายใช้เขาเป็นโล่ให้กับนาย–––––––––––––
เท่านี้ก็พอจะสามารถอธิบายรูปแบบการเคลื่อนไหวหยาบๆ ช่วงแรกและการลงมืออับแยบยลในช่วงหลังได้แล้ว––––––––––––––
[-อ่านเกมได้เฉียบขาดมากครับ ด็อกเตอร์สุดสวย ใช่แล้ว อย่างที่ผมบอกไป ว่าผมไม่ใช่ศัตรูของคุณ แต่ผมเนี่ยแหละ ลาสบอสต์ ที่พวกคุณอยากจะกำจัดมากที่สุด-] L ยิ้มแป้น ด้านหลังฉากมีการจุดพลุประทัดเล็กๆ พร้อมดอกไม้สีรุ้งโปรยกระจายอยู่ด้านหลัง [-เป็นไงล่า ตกใจล่ะซี่ นี่ล่ะ เกมของผมล่ะ-]
นี่ไม่ใช่การอ่านเกม เจ้าหนู ฟูมิกระตุกยิ้มเย็นเยือกแบบที่ทำให้ใครหลายๆ คนรู้สึกเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง เมื่อเห็นว่าเหลืออีกเพียงแค่สิบวินาที เสียงหัวเราะอันไพเราะแต่เปี่ยมด้วยท่าทางเย่อหยิ่งดังก้อง ที่ฉันพูดมาทั้งหมด มันก็แค่คำวิเคราะห์ของผู้ใหญ่–––– สำหรับนาย เด็กหลงตัวเองที่คิดว่าตนเองเป็นอัจฉริยะ ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ก็เป็นได้เพียงแค่เด็กปัญญาอ่อนเท่านั้น––––––––––––––––
ยามเวลาในใจนับเหลือศูนย์วินาที ปลายนิ้วเรียวกดลงบนแป้น ‘enter’ พลันภาพหน้าจอฉายภาพของทรัมเป็ตเตอร์ ปีศาจหัวกะโหลกแห่งเสียงเพลงของฟูมิลอยอยู่เหนือรัฐสภา ตรงจุดที่รวมคลื่นสัญญาณมหาศาล ขนาดพอจะสร้างเป็นสัญญาณเจาะทะลวงได้แม้กระทั่งหลังคาเหล็ก––––––––––––––––––––––
และเป้าหมายที่ฟูมิเล็งไว้ ก็คือต้นตอสัญญาณที่ L ใช้แทรกแซงเข้ามา
ภาพจากนอกโลก ดาวเทียมทั้งสี่ตัวค่อยๆ เบี่ยงทิศทาง จับภาพในระยะไกล––– ฉายมุมภาพทั้งสี่ของตึกสูงที่อยู่ห่างไปจากฐานทัพหลักที่กำลังโดนถล่ม อันเป็นต้นตอของสัญญาณที่แยกออกมาเพียงจุดจุดเดียว––––––
จับสัญญาณที่อยู่ของ L ได้แล้ว––––––
อีกทั้งนิตตะ อิโอะก็อยู่ในที่ที่ปลอดภัย
ครั้งนี้––––– ไม่พลาดแน่–––––––––––
มีอะไรจะสั่งเสียไหม ฟูมิเลิกคิ้ว ตามองเหยียดอีกฝ่ายด้วยความเหนือชั้นกว่า ปล่อยให้คนอื่นๆ รวมถึงมาโคโตะมองเพื่อนสาวของตนมองอย่างทึ่งๆ–––––––
เธอคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนกันแล้วนะ ฟูมิ–––––––––––
ในอีกด้านหนึ่ง เด็กหนุ่มที่อยู่อีกฝากหนึ่งในตึกสูงหัวเราะอย่างถูกใจกับการตอบโต้อันแสนรุนแรงและรวดเร็วเช่นนี้ ร่างสูงโน้มตัวพิมพ์ข้อความที่จะเปลี่ยนเป็นข้อความเสียงตัวการ์ตูน L ที่ตนเป็นคนออกแบบขึ้นมา
[-ผมไม่มีหรอกครับ คนสวย จะมีก็แต่คำหยอดหวานๆ แก่สาวสวยๆ–––– อย่างคุณ–––––––––-]
ดี ฟูมิออกคำสั่งผ่านโน้ตบุ๊ค เป่ามันซะ ทรัมเป็ตเตอร์หญิงสาวสั่งพร้อมกับควบคุมจานดาวเทียมที่อยู่ในแนวระบบทั้งหมดมาหันไปยังจุดจุดเดียวซึ่งนั่นก็คือเหนือรัฐสภา ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นเป็นตัวอักษรสีแดงบนหน้าจอ
 ‘–––––––––‘ทรัมเป็ตเตอร์ผสานกับคลื่นสัญญาณความถี่––––––– สูงสุด––––––––––––– ต่อจากนี้ ระบบดาวเทียมจะใช้การไม่ได้เป็นเวลาสิบสองชั่วโมง โปรดระมัดระวัง
ระยะการยิงลำแสงจำลองแบบจาก เรลกัน จะเริ่มต้นภายในห้าวินาที นับถอยหลัง 5––– 4––– 3––– 2––– 1––––––––––––
วี๊ดดดดดดดดดดดดดด––––––––––––––––– อนุภาคของมวลความถี่รุนแรงขยับมารวมกันเป็นจุดจุดเดียวกลางอากาศตามการควบคุมเสียงเพลงของทรัมเป็ตเตอร์ ปฎิกิริยาที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นวิ่งวนไปทั่วอากาศเกิดเป็นคลื่นความถี่รุนแรงที่สามารถเจาะทะลุได้แม้แต่กำแพงเหล็กหลายสิบชั้นเล็งไปทำลายคลื่นป้องกันของตึกสูงระฟ้าที่เป็นที่อยู่ของ L จากนั้นไม่ช้า ประจุพลังงานมหาศาลก็วิ่งมารวมตัวกันอยู่ด้านบนเหนืออาคารรัฐสภา และพลังงานนั้นที่ว่า ก็คือพลังงานของหินกักพลังวิญญาณที่ทางตระกูลโฮซึอินซุกซ่อนมันไว้ใต้รัฐสภา
ซูมมมมมมมมมมมมม–––––––––––––––––– ประจุพลังบีบอัดและร่วมตัวตามรูปความถี่ที่สายตามองไม่เห็น มุ่งตรงเป็นลำแสงคล้ายลักษณะการยิงของอาวุธลับ เรลกัน สู่จุดหมายอย่างไม่มีพลาดเป้า
ตู้ม–––––––––––––––––––!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

กึก
อาการปวดหัวจี๊ดที่ขมับแล่นวูบ ฮิบิกิยกปลายนิ้วคลึงขมับที่พลันรู้สึกปวดจี๊ด ภาพในครรลองแปรเปลี่ยนเป็นเบลอเลือนไปชั่วครู่ แต่มันก็เพียงชั่วพริบตา ก่อนสิ่งที่เขารู้สึกต่อมาจะเป็นความไม่สบายใจที่แล่นไปทั่วร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า อาการคลื่นไส้รุมเร้าเพียงวูบเดียวก่อนมันจะหายลงท้องไปในเวลาเพียงไม่กี่วิ แต่ความกะทันหันนี้ก็ยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้ภายในร่างอันปั่นป่วน
อะไรกัน––––– ความรู้สึกนี้–––––––––––––––
เป็นอะไรไป ร่างสูงที่เดินนำหน้าหยุดฝีเท้า เบือนหน้าคมคายอันเฉยชาปราศจากรอยยิ้มมาทางฮิบิกิที่หยุดนิ่งอยู่กับที่นานเกินความจำเป็น
ไม่รู้สิ ฮิบิกิเล่า หลังจากที่ฉันได้เชื่อมต่อกับเบี๊ยกโกะในรูปแบบใหม่ของด็อกเตอร์ฟูมิ ฉันก็เริ่มรู้สึกปวดหัวแปลกๆ ในบางครั้ง––––– ฮิบิกิชักพูดไม่ถูกเมื่อเห็นยามาโตะขมวดคิ้วมุ่น บางครั้งก็เหมือนหน้ามืด มีเพลียๆ บ้าง ––––แต่ที่เหลือก็ไม่มีอะไรแล้ว –––––ฮิบิกิไม่อาจบอกเรื่องที่ตนเคยปวดหัวมากจนสลบกับยามาโตะเลยตัดสินใจข้ามประเด็นนี้ไป
มีอาการอื่นอีกไหม สายตาที่มองมาอย่างทรงอำนาจ กดดันบังคับให้ฮิบิกิที่ในทีแรกกะจะหุบปากให้สนิทต้องง้างปากขึ้นมา
ไม่––– ส่วนใหญ่เป็นแค่แปบเดียว แล้วก็หายไป ฮิบิกิเบี่ยงประเด็นอย่างรวดเร็ว โอโตเมะซังบอกว่ามันอาจเป็นผลข้างเคียงจากการทดลองของด็อกเตอร์ฟูมิ ฮิบิกิชะงักไปเล็กน้อยเมื่อคำพูดของซิสเตอร์สาวที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอะไรยังไงผุดขึ้นมาท่ามกลางความสับสน
ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เธอถอยระยะห่างจาก เขาเอง––––––––– หึๆ อีกไม่นาน เธอจะลุกไหวหรือเปล่า ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ...
คำพูดนั้น––––––––––– มีความหมายอะไรรึเปล่านะ––––––?
ฮิบิกิชักสังหรณ์ใจไม่ดี โชคดีที่ท่าทีกระอักกระอ่วนใจภายในเวลาเพียงเสี้ยววิของฮิบิกิไม่ได้ทำให้ยามาโตะที่เบือนหน้ากลับไปเห็น แต่–––––––– ฮิบิกิก็ยังสบายใจไม่ได้อยู่ดี
กลับไป ฉันจะให้ฟูมิตรวจสอบ
รบกวน ฟูมิซังซะเปล่าๆ ฮิบิกิคิด ป่านนี้ ทั้งมาโคโตะและฟูมิที่ทำหน้าที่แทนยามาโตะคงวุ่นปั่นป่วนกันไปอีกสักระยะใหญ่ ทางฝั่งนั้น ตอนนี้คงจะยุ่งกว่าเราเสียอีก
และก็เป็นอย่างที่ฮิบิกิคาดไว้ เพราะในวินาทีที่พลังงานของทวยเทพที่ฟูมิได้เล็งกระสุนยิงเป้าหมายที่ยังคงนอนอุตุอยู่ในห้องคอม รายล้อมด้วยเศษกระดาษกองมากมายมหาศาลและเครื่องมืออิเล็กทรอนิกที่แข็งพากันส่งเสียงสัญญาณเตือนการถูกจู่โจมขั้นวิกฤต ถึงขั้นที่ว่า AI ที่นิชิวาระสร้างขึ้นจากคาแร็กเตอร์เซเลอร์มูนยังส่งเสียงร้องกรี๊ดลั่นจนขี้หูแทบออกมาเต้นระบำได้–––––––––––––
-นิชิตัน! ทำอะไรสักอย่างสิ! ไม่งั้นได้ตายกันหมดนะ!- เซเลอร์มูนตัวจิ๋วย่ำเท้าดังปึงๆ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่มีศักดิ์เป็นเจ้านายตนกำลังนอนพลิกตัว และ––––– คว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ปิดมิดหัว
-นิชิต๊านนนน!-
อือ นิชิวาระลดผ้าห่มลง พร้อมปรายตาง่วงงุนมาทางหน้าจอ ใจเย็นๆ หน่อย ขอพักอักแปบเดียว––––––
-อีกสิบวิที่นี้จะโดนบึ้มแล้วน้า!!- เซเลอร์มูนตัวจิ๋วร้องไห้ -ถ้านิชิตันตาย เขาก็ตายด้วยนะสิ!-
ฉันไม่ตายหรอก เด็กหนุ่มลุกขึ้น บิดขี้เกียจ พอดีกับที่เวลานับถอยหลังเหลือเพียง 6 วินาที และจะไม่ยอมตายด้วย––––––––ในมือของเด็กหนุ่มเปิดเครื่องเล่นเกมสีดำที่ขึ้นเป็นภาพของ ‘LOADED CHARACTERS ALREADY, WANNA START GAME NOW? (ทำการดาวน์โหลดตัวละครเรียบร้อย คุณต้องการที่จะเล่นเกม หรือไม่)’
ดวงตาทอแสงแน่วแน่ ไม่หวั่นไหวแม้จะเห็นลำแสงทำลายล้างสูงทะยานเข้ามา
จนกว่าจะทำ มันสำเร็จ–––––– ฉันจะไม่ยอมตายโดยเด็ดขาด––––
ทั้งหมดนี้–––––––––––––––––––––––––––––––––––––––
ก็เพื่อความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียว––––––––––––––––
จงออกมาซะ
เส้นผมสีน้ำตาลไหม้ปลิวไสวตามสายลมที่ก่อกำเนิดขึ้นรอบกาย วินาทีต่อมา เงาร่างมหึมาของกระดองสีดำเข้มขนาดใหญ่พอๆ กับเบี๊ยกโกะจะปรากฏอยู่ด้านหน้า ลำคอสั้นๆ ยืดออกมาจากกระดองเชิดสูงขณะเพ่งสายตามองไปยังลำแสงที่ทะลวงเข้ามา ดวงตาสีดำคู่โตใสของเต่าดำใสกระจ่างดุจผืนน้ำ เช่นเดียวกับดวงตาของงูสีเหลืองทองคำที่ลอยอ่อยอิ่งอยู่กลางศีรษะของเต่าดำ––––
อีกหนึ่งในบรรดาสี่สัตว์เทพ นอกเหนือไปจากเบี๊ยกโกะ และซุซาคุ
นิชิคาวะเผยยิ้มขี้เล่น ก่อนออกคำสั่ง––––––––––––––––––––––––––
ที่ทำให้ฐานทัพลับหลักของ JP’s ต้องเกือบพังพินาศไปด้วยการตอบโต้เพียงครั้งเดียว––––––––––––––––––––
สะท้อนการโจมตีกลับไปให้หมดซะ เก็นบุ (เต่าดำ)



=/=/=/=/=/=/=/=/=/=/=/=/=/
Talk:
สำหรับวันพฤหัสมีแค่ตอนเดียวเนอะ (ขนาดแค่ตอนเดียวยังหายไปนานขนาดนี้เลย โฮก (ไม่ต้องพูดถึงวันศุกร์ น่าจะมีประมาณสองตอน ฮือ)) 
คือตอนนี้ร่มติดเรื่องที่โรงเรียนอะฮะ แบบว่า ม.6 แล้วเนอะ (ปลง) แต่ร่มไม่เคยลืมท่านมังกรกับฮิบิกิน้า เห็นทุกวันเลย เพราะตั้งเป็นหน้าด้านหลังโทรศัพท์เลย ทั้ง Black ground ด้านหลังของ line รวมถึงรูป Icon เป็นรูปท่านยามะฮิบิหมดเลย (ติ่งรุนแรงฮะ) ขนาดนาฬิกาปลุกยังตั้งเป็นเพง Be เลย (ฮา) ดังนั้น ไม่ต้องกลัวลืม  
ขอบคุณท่าน Nitchaya Kitjalearnvisan ที่ติดตามผลงานของร่มนะฮะ ร่มดีใจจริง แล้วไม่ต้องกังวลนะฮะ เรื่องนี้ไม่ทิ้งแน่ๆ T^T อีกไม่เกิน 5-6 ตอนต่อจากนี้ ก็จบแล้ว (เย้) [ถ้าเห็นว่านานแล้วร่มยังไม่มาสักที จะมาจิกข่วนที่ Page ของร่มก็ได้นะฮะ ไม่มีปัญหา (ฮา)]
ไว้เจอกันตอนหน้ากับส่วนของ Part วันศุกร์ Friday of Playing (1) นะฮะ [ส่วนเมื่อไหร่จะมา... ก็คงนานพอดู]
An Umbrella