หน้าเว็บ

Friday, May 13, 2016

水曜日: Wednesday of Silence ②

 +..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+...+..+..+..+.

水曜日
Wednesday of Silence







ยะ โฮ่ว
ยุซุรุคลี่ยิ้มให้กับโรนัลโด้ที่มาเยี่ยม ดีใจจังที่นายยังอยู่คำพูดกวนบาทาใส่ไปที
ฉันต่างหากที่ต้องพูดแบบนั้น โรนัลโด้นั่งอยู่ข้างๆ เตียง เป็นคนป่วย นอนอยู่เฉยๆ ไป
ยุซุรุตบไหล่ข้างที่โดนสะเก็ดระเบิด ริมฝีปากบางแย้มยิ้มสดชื่นขัดกับสภาพการณ์สุดๆ ก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นกระดูกหักทั้งตัวซะหน่อย นางพยาบาลสุดสวยยังบอกเลยว่าอีกเดี๋ยวก็ลุกจากเตียงได้แล้ว
ให้มันจริงเถอะ ตาคมกดต่ำลง---- มั่นใจว่านอกจากไหล่ที่ต้องสะเก็ดระเบิดสาหัสแล้ว มันจะต้องมีรอยแผลอื่นๆ อยู่ใต้ร่มผ้านั่นแน่
ฮ่าๆ นั่นสินะ ยุซุรุกวาดตามองหาแว่นกันแดดอย่างเคยชิน แต่ก็หาไม่เจอ ตอนนี้ ทั่วทั้งเมืองคงกำลังปั่นป่วนน่าดูสินะ พูดด้วยน้ำเสียงติดขี้เล่น หวังว่ามันจะทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่คลี่คลายไปได้อย่างรวดเร็ว แม้จะรู้ว่านั่นเป็นเพียงแค่ความคิดก็ตาม
โรนัลโด้จับเข่าพูด “JP’s ต้องรับมือหนักกับเรื่องที่เกิดขึ้นแน่ๆ
แหงล่ะ ไม่ได้นอนทั้งคืนแน่ ยุซุรุหัวเราะล้อๆ หากดวงตากลับทอแววเครียดขึง แล้วฮิบิกิคุงล่ะ
นอนพักอยู่----
ยุซุรุพยักหน้า โล่งใจเล็กน้อย ดีแล้วที่เด็กนั่นไม่เป็นไร------ แล้วโทรศัพท์ของเขาล่ะ----
อยู่กับเจ้าหน้าที่ของ JP’s ปลอดภัยดี โรนัลโด้บอก ฉันกำชับกับทางนั้นไว้แล้วว่าอย่าเพิ่งคืนโทรศัพท์ให้กับฮิบิกิเด็ดขาด
ฮ่าๆ เจ้าพวกนั้นไม่กล้าคืนหรอก ลองคิดดูสิ แค่ปีศาจที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาจากโทรศัพท์ของพวกเรา พวกเรายังแทบเอาตัวไม่รอด กับเด็กที่มีอำนาจขนาดอัญเชิญเบี๊ยกโกะได้--- ถ้าพลาดขึ้นมา พวกเราอาจโดนลูกหลงตายไม่รู้ตัว
โรนัลโด้เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เปลือกตาหนักอึ้งปิดลง คงถึงเวลาที่เขาต้องงีบพักสมองสักระยะแล้วล่ะ งั้นก็นับเป็นโชคดีที่จู่ๆ เขาก็ล้มหมดสติไปสินะ ถ้าฮิบิกิไม่ล้มหมดสติไปก่อนหน้านั้นสักหนึ่งนาที ป่านนี้พวกเขาอาจนอนกองเป็นศพเพราะปีศาจอัญเชิญที่ฮิบิกิเรียกออกมาแล้ว----------------------------------
ก็ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ มือที่ยังขยับได้อีกข้างของยุซุรุคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิด แอป PLAYING GAME ที่กำลังทำงาน ชี้บอกว่าเขาสามารถควบคุมปีศาจออกมาได้สมบูรณ์แบบแล้ว แต่------ ไอ้การที่เราจะสามารถควบคุมเจ้าตัวพวกนี้ได้คือต้องท้าสู้กับมันก่อนแล้วเอาชนะให้ได้--------- ไม่ไหวเลยจริงๆ นะ โหดชะมัดยาด
ในตอนที่จู่ๆ แอป PLAYING GANE ก็บังคับให้พวกเขาสองคนอัญเชิญปีศาจออกมา หากไม่ใช่เพราะกองกำลังเสริมของ JP’s สาขาชินจูกุมาช่วยไว้ทันละก็ ทั้งยุซุรุและโรนัลโด้คงได้นอนแอ่งแม้งลงหลุมไปแล้ว
ฉันคุยกับเจ้าหน้าที่ JP’s บางคนแล้ว พวกนั้นบอกว่านั่นคือเรื่องปกติ แต่ก็มีบางคนที่สามารถควบคุมได้เลยทันทีตั้งแต่เรียกออกมา
ยุซุรุเบิ่งตากว้าง ประท้วงเสียงดัง เฮ้! เอาจริงดิ แบบนี้ไม่ขี้โกงไปหน่อยหรือ เมื่อเทียบกับเขาที่ต้องตะเกียกตะกายต่อสู้กับปีศาจอัญเชิญก่อนแล้วต้องชนะให้ได้ ไม่งั้นก็ตาย แต่กลับมีคนจำพวกหนึ่งสามารถอัญออกมาได้เลยเนี่ยนะ---- สวรรค์ชักจะลำเอียงไปแล้ว!
แต่นั่นเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้เพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น โรนัลโด้พูดทั้งหลับตา แต่ที่น้อยกว่านั้น คือการต่อสู้ผ่าน ทางจิตที่มีเพียงหนึ่งในพันเท่านั้น
หือ? ทางจิต?
ใช่--- ได้ยินมาว่าด่านทดสอบจิตใจ อันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้กับปีศาจโดยตรงเสียอีก
ในเรื่องของการโจมตีทางกายภาพ หากผู้อัญเชิญสามารถโค่นปีศาจของตนได้ก็จะมีสิทธิ์ครอบครองอำนาจของปีศาจตนนั้น โดยไม่เกี่ยงว่าปีศาจจะถูกโค่นด้วยวิธีการโจมตีของผู้อัญเชิญ หรือแรงสนับสนุนจากภายนอกอย่างมือที่สาม ก็แค่โค่นได้ก็เพียงพอ อย่างในกรณีของโรนัลโด้กับยุซุรุ เพราะได้กำลังเสริมจากทาง JP’s ทันทีที่ปีศาจของทั้งสองถูกโค่นลงด้วยคนของทาง JP’s แต่กรรมสิทธิ์การใช้พลังก็จะขึ้นเป็นของโรนัลโด้กับยุซุรุทันที
แต่สำหรับด่านทดสอบจิตใจ ปีศาจอัญเชิญจะเป็นผู้สร้างด่านทดสอบขึ้นมาและตัดสินผู้เป็นนายตามด้วยตนเอง หากไม่ผ่านการทดสอบ หรือทำอะไรให้ปีศาจอัญเชิญรู้สึกไม่พึงพอใจ----- โอกาสตายมีสูงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ และที่สำคัญ คนนอกยื่นมือเข้ามาช่วยไม่ได้ด้วย
ยุซุรุเบ้หน้า หึ๋ย น่ากลัวชะมัด-------
ดีนะเนี่ยที่ไม่ได้เจอการทดสอบวุ่นวายแบบนั้น
บทสนทนาของสองหนุ่มถูกขัดขวางด้วยเสียงเลิกม่าน พร้อมร่างบางของหมอสาวโอโตเมะที่ยืนหอบหายใจถี่ มือกำผ้าม่านแน่นบ่งบอกถึงสถาวะอารมณ์ไม่ปกติ
เห็นฮิบิกิคุงไหมคะ?!” ทันทีที่เธอได้ทราบเรื่องของเด็กหนุ่ม หญิงสาวก็รีบรีบปรี่มาหาสองคนนี้ทันที
หือ--- ไม่เห็นเลยนะ มองยุซุรุส่ายหัวอย่างมึนงง สลับกับโรนัลโด้ที่มองมาที่เธออย่างเฝ้ารอคำอธิบายแล้วก็ถือเป็นคำตอบยืนยันว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้เลยจริงๆ
เกิดอะไรขึ้นกับเขา----?
โอโตเมะชักสีหน้าลำบากใจ ไม่รู้ว่าควรจะบอกไปหรือไม่เพราะคนพวกนี้เป็นคนนอก แต่ก็เป็นคนช่วยชีวิตฮิบิกิ บอกออกไปคงไม่เสียหาย
ทันทีที่ฟังโอโตเมะพูดจบ โรนัลโด้ที่ใกล้จะจมสู่ห้วงนิทราก็ถลันตัวขึ้น ตาสว่างร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนยุซุรุ---- นี่ถ้าไม่ติดว่าแขนข้างถนัดใช้การไม่ได้ เขาคงชกกำแพงไปทีหนึ่งแล้ว
เขาหายตัวไปค่ะ---- แถมยังเอาโทรศัพท์ของตัวเองกับโทรศัพท์ดัดแปลงของทาง JP’s ไปด้วย!!”

.+..+..+..+..+..+..+..+..+.

อิโอะ นิตตะ หอบหายใจรุนแรง ร่างบางขยับถอยกระทั่งแผ่นหลังติดชนัก ไม่อาจหลบหนีร่างมหึมาของออร์คที่ใช้ดวงตาสีแดงฉานจับจ้องมาร่างผู้อัญเชิญที่มีสถานะไม่ต่างจากเหยื่อ คมมีดใหญ่ง้างสูงเตรียมปลิดชีพ
หญิงสาวยกมือขึ้นกำบัง
"ไม่นะ!"
ชั่ววินาทีนั้น เธอนึกถึงพ่อ แม่ นึกถึงเพื่อนๆ ของเธอ ทุกความทรงจำอันมีค่าทั้งชีวิตเท่าที่เธอจะนึกออก รวมถึงถ้อยคำติดค้างคาในใจที่มีมาเนิ่นนาน แต่เธอก็ยังไม่ได้บอกฮิบิกิไปเสียที--------
เธอ--- จะไม่ได้เห็นเขาแล้วงั้นเหรอ------?
มือบางกำโทรศัพท์บีบแน่น จินตนาการว่า หากรอยยิ้มที่เธอได้เห็นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาจะเป็นรอยยิ้มสุดท้ายของฮิบิกิ หัวใจของอิโอะก็บีบรัดอย่างเจ็บปวด------
เธอไม่ยอมหรอก!
วินาทีนั้นเอง โทรศัพท์ในมือของอิโอะก็ได้ปรากฏข้อความใหม่---- การอัพโหลด NEW MONSTER---------
แต่ว่า---- ดูเหมือนมันจะสายไปเสี-----
เปรี๊ยะ! รอยแตกร้าวผุดขึ้นตรงกำแพงข้างกายของอิโอะ ก่อนปริแตกเป็นหลุมกว้าง เผยร่างสีขุ่นของวิญญาณตัวเล็กที่ส่งเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้าย ก่อนวิญญาณตนนั้นจะเสกน้ำแข็งซัดเข้าใส่ออร์คสังหารเบื้องหน้าของอิโอะ หยุดคมดาบที่วาดลงมาใส่เด็กสาว
"นะ นี่มันอะไรกัน" อิโอะยืนอึ้ง เธอได้สติกลับมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากเบื้องล่าง 
"คุณนิตตะ!" เด็กสาวชะโงกหน้าผ่านรอยโหว่ เห็นร่างคุ้นตากำลังยืนโบกสองมืออยู่ด้านล่าง
"ไดจิคุง!"
"คุณนิตตะจับโพลเทอร์โกสของผมไว้ครับ!" ไดจิยืนอยู่ชั้นตะโกนบอก "เร็วเข้า!" เขาเตรียมรถสำหรับการหนีไว้แล้ว ทีเหลือก็ขึ้นอยู่กับเวลา
"จะ จ่ะ!" อิโอะอึกอัก ยื่นมือไปทางโพลเทอร์โกสอย่างลังเล ก่อนหลุดเสียงอุทานตกใจคราวที่โพลเทอร์โกสกระชากแขนเธอ และพาเธอทิ้งตัวลงจากตึกชั้นเจ็ด!
"ว้าย!"
"คุณนิตตะ!!" ไดจิมองค้าง เขาสั่งให้โพลเทอร์โกสพาคุณนิตตะลงมา แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาด้วยวิธีการแบบนี้!
หมับ!
ฮี่ๆ
ระยะห่างใกล้ถึงพื้นดิน โพลเทอร์โกสส่งเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้ายออกมาอีกครั้ง ก่อนเหวี่ยงร่างของอิโอะเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ร่างกายไร้น้ำหนักของโพลเทอร์โกสสัมผัสลงพื้นดินราวกับขนนกร่วงโรย อิโอะที่หลับตาปี่ในคราวแรกค่อยๆ เปิดตาอย่างช้าๆ สิ่งที่เธอเห็นคือสองเท้าของเธอที่ไม่ได้ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศแต่กำลังยืนอยู่บนพื้น --------
นี่ฉัน---- ยังไม่ตาย-------------?
คุณนิตตะรีบขึ้นรถเร็วเข้า!” ไดจิกวักมือเรียกจากในรถ อิโอะที่ยังรวบรวมสติไม่ทันพยักหน้าประดักประเดิด ก้าวไวๆ ไปหาไดจิ หลังจากขึ้นไปนั่งและจัดการขาดเข็มขัด เด็กสาวก็เผลอหลุดเสียงอุทานอีกครั้งกับการซิ่งรถแบบไม่กลัวตายของไดจิ
หลังจากที่ลัดเลาะเส้นทางตามท้องถนน เลี่ยงการปะทะกับพวกปีศาจที่เดินเกลื่อนกันให้ทั่วแทบทุกแยกทุกซอย ไดจิค่อยๆ ชะลอความเร็วลง และเลื่อนจอดลงในตรอกเงียบๆ    
ฟู่ น่าจะปลอดภัยแล้วล่ะไดจิพ่นลมท่าทางโล่งอก ต่างจากอิโอะที่พยายามสูดอากาศเข้าปอด มือสองข้างประสานวางไว้กลางหน้าอก ----- นึกว่าจะช็อคตายเสียแล้ว
"วะ ว่าแต่--- ไดจิคุง มาได้ยังไงจ๊ะ" ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเค้นคำพูดออกมาแต่ละคำ
"ผมเป็นห่วงคุณนิตตะก็เลยลองมาดูน่ะ---------------ไดจิเสยผม เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่เริ่มต้น ครั้งแรกที่พวกมันโผล่ออกมาจากในโทรศัพท์ ผมเองก็ตกใจเหมือนกัน แต่โชคดีที่มีคนมาช่วยเลยรอดตัวมาได้ ระหว่างที่พวกเขากำลังทำแผลให้ผม ผมได้ยินพวกเขาคุยกันว่าทั้งเมือง--- ไม่สิ ทุกคนก็เจอปัญหาแบบนี้กันหมด ผมเลยคิดว่าคุณนิตตะน่าจะเจอเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน---- ก็เลย------ รีบมาหา------------------
ภาพข่าวเมื่อวานของเพื่อนรักที่โดนคอนเทนเนอร์รถทับไปต่อหน้าต่อตา และการคาดเดาสิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับอิโอะ ความสูญเสียที่เพียงแค่นึกถึงก็ทำให้ไดจิเกือบประสาทเสียจนแทบจะเป็นบ้า และสิ่งเหล่านี้ได้ผลักดันเด็กหนุ่มเลือกจะคว้าโทรศัพท์ของตน และวิ่งไปหารถที่ปราศจากเจ้าของเป็นอันดับแรก
ว่าง่ายๆ--------- ขโมยมานั่นแหละ
ไม่อยากเชื่อเลยว่าต้องมาทำอะไรแบบนี้---- แต่ว่า------ เขาไม่เสียใจหรอกนะ
เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก
ดีนะที่มาทันเวลา ไม่อย่างนั้น----- เฮ้อ-------------- ไม่อยากแม้แต่จะคิด-----
คำพูดนั้นทำให้เด็กสาวหัวเราะ "ขอบใจมากเลยนะจ๊ะ ไดจิคุง ถ้าไม่ได้เธอ ฉันคงไม่รอดแน่ๆ" อิโอะพูดอย่างโล่งใจ สีหน้าปลอดโปร่งกว่าเมื่อครู่ แล้วฮิบิกิคุงล่ะจ๊ะ? ในสถานการณ์แบบนี้ เธออยากเจอเขาเหลือเกิน------
ภาพของเพื่อนรักผุดขึ้นมาในหัวพร้อมๆ กับความทรงจำอันแสนสุข แต่ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ ใบหน้าของไดจิก็ยิ่งดูหม่นหมองลง ตาสีน้ำตาลทอประกายเศร้าโศกลึกล้ำ
"คือว่านะ คุณนิตตะ ตอนนี้--- หมอนั้นไม่--------------
กรี๊งงงง-----------
เสียงเรียกทางโทรศัพท์อันคุ้นหู ไดจิก้มมองรายชื่ออย่างครุ่นคิด บางทีมันอาจเป็นสายพ่อแม่ แต่เมื่อเห็นชื่อที่ฉายขึ้นบนหน้าจอ ดวงตาของไดจิพลันเปิดกว้าง เด็กหนุ่มหลุดเสียงร้องตกใจลั่นด้วยความตื่นเต้น รีบกดรับสายอย่างกระตือรือร้น ใจเต้นระรัวด้วยความคาดหวังจนท่วมท้น
ฮิบิกิ! นั่นนายใช่ไหม?!”
ฮิบิกิที่อยู่อีกฝากดังตอบ
/ใช่ฉันเอง/
ไดจิตาโต หัวใจเต้นรัวในอก มือทุบแผงคอนโซลดังปึงๆ "โอ้ พระเจ้า ขอบคุณสวรรค์ นายยังไม่ตาย!”
/ใจเย็นไดจิ/
พอได้ยินน้ำเสียงตื่นตะลึงแกมดีใจสุดๆ ของเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กของตน ความตึงเครียดบนใบหน้าของฮิบิกิก็หายไปมากกว่าสองในสามส่วน----- ไดจิอยู่ในสถานที่ปลอดภัย ไม่อย่างนั้นคงไม่มีแรงมาโวยวายแบบนี้หรอก
/ฉันจะตายได้ไงเล่าเล่า หือ?/
ไดจิแย้ง "ฉันเห็นในทีวี! นายโดนรถทับไปเต็มๆ!
/----นายตาฝาด/
"ไม่มีทา!” ไดจิยืนกราน เห็นแค่เงา ฉันก็รู้แล้วว่าเป็นนาย!” อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยประถมยันขึ้น ม.ต้น พยายามตั้งใจเรียนจนได้เข้าเรียนที่เดียวกั แลตอนนี้ก็กลายเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด แม้ว่าคนหนึ่งจะทำงานแล้ว ส่วนอีกคนก็ยังเรียนอยู่ ดูจากภาพรวมแล้ว อันที่จริง ไดจิรู้จักฮิบิกิมานานกว่าครึ่งชีวิตของเขาเสียอีก! ไม่ทางมองพลาดแน่!
/จะคิดยังไงก็แล้วแต่/ ในหัวของไดจิมีภาพของฮิบิกิยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ /ตอนนี้นายอยู่ไหน/
"ฉันอยู่กับคุณนิตตะ ใกล้ๆ กับโบสถ์แถวอาริอาเคะ
/ดี นายไปรอฉันอยู่ที่โบสถ์ ฉันจะไปหานายเดี๋ยวนี้/
แต่ว่านะ--- ฮิบิกิ------- แถวนี้มีปีศาจเดินเพ่นพ่านเต็มไปหมดเลย ไดจิพูดเสียงเบาอย่างวิตกและลังเล
ตอนแรกไดจิก็อยากพาอิโอะไปหากลุ่มคนในเครื่องแบบที่ช่วยชีวิตตนไว้ แต่ใจหนึ่งก็นึกขลาดกลัว ทั้งระยะทางของคนกลุ่มนั้นยังอยู่ห่างไกลกว่าเมื่อเทียบกับการไปโบสถ์-------------
ฉันกลัวจนแทบคลั่ง ไดจิกุมมือที่สั่นเทาเหมือนกับลูกนก โทษนะ ฮิบิกิ แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้จะทำอะไรต่อแล้ว ไดจิรู้สึกเหมือนหัวสมองของตนตื้อตัน กลายเป็นสีดำทึบ มีแต่สัญชาตญาณล้วนๆ ที่ทำให้ไดจิยังมีชีวิตรอดอยู่มาได้
ทั้งๆ ที่เมื่อวานยังเป็นแค่เด็กมหาลัยธรรมดา หัวเราะ เรียนและนอนไปวันๆ แท้ๆ ------ ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ
/ไม่เป็นไรหรอก/ ฮิบิกิใช้น้ำเสียงอ่อนโยน หากหนักแน่นในคำพูด /เพราะ--- ฉันจะปกป้องพวกนายเอง/
เหมือนที่เคยสัญญาเอาไว้ -----------
/นายนี่ พูดอะไรฟังดูน้ำเน่าเป็นบ้าเลย/ ไดจิเกาแก้มที่ขึ้นสีแดงนิดๆ ยอมรับเลยว่ารู้สึกดีใจกับคำพูดของเพื่อนสนิท ความกลัวที่เข้าเกาะกุมจิตใจปลิดปลิวไปกับลมหายใจออก /รู้สึกเคืองหูชะมัด/
ฮิบิกิโคลงหัวยิ้มๆ "ก็นายบอกว่าฉันไม่มีเซนส์เรื่องผู้หญิงนี่น่า----- ฉันเลยกำลังฝึกอยู่นี่ไง
/ฮ่าๆ คิดจะเล่นงานปรามาจารย์อย่างฉันเหรอ ฝันหวานไปแล้ว พวก!/
งั้นมาคอยดูกัน---
ฮิบิกิแนบหน้าผากลงกับหน้าจอโทรศัพท์ เปลือกตาปิดสนิท มือสองข้างกำโทรศัทพ์ไว้แน่น ราวกับผู้ภาวนา
รอฉันก่อนนะไดจิ"
ฉันจะไปหาพวกนายเดี๋ยวนี้
/เดี๋ยวสิ! ฮิบิ-/ ไม่ทันจะพูดจบ ฮิบิกิก็ตัดสินใจตัดสายของไดจิทิ้ง
ฮิบิกิจ้องมองผืนฟ้าเช้าตรู่------ ที่บัดนี้ ทั่วทั้งพื้นที่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง คำร้องขอความช่วยเหลือ เปลวเพลิงที่มอดไหม้ ภาพของความโหดร้ายที่ทำให้ฮิบิกิต้องกำมือแน่นจนเจ็บ ก่อนปล่อยมือออก----
ตอนนี้ทุกคนกำลังวุ่นวาย ทาง JP’s ของฝั่งชินจูกุก็ติดต่อกับภายนอกไม่ได้----- ถ้าเราไม่รีบ สองคนนั้นก็คงมีสภาพไม่ต่างจากคนที่อยู่ด้านล่างพวกนั้น----------------------------------------------------
ฮิบิกิอาจเป็นคนดี เป็นคนที่พยายามต่อสู้ แต่เขาไม่ใช่นักบุญที่จะสามารถช่วยใครทุกคนได้ ------- และยิ่งในตอนนี้เขามีคำสัญญาที่ต้องให้รักษากับสหายแสนสำคัญ เขาก็จะละเลยหรือเพิกเฉยต่อทุกความเสี่ยงไม่ได้เป็นอันขาด
เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก แม้ดวงตาจะฉายความวิตกกังวลอยู่บ้าง แต่ครั้นนึกถึงเจ้าของแผ่นหลังสีดำเย็นชาคนนั้นก็เผลอคลี่ยิ้มออกมาจางๆ
จะว่าไปยามาโตะก็เคยทำอะไรแบบนี้นี่น่ะ---- แต่ตอนนั้นหมอนั่นใช้พลังของตนเองเทเลพอร์ตตนเองไปโอซาก้า แต่ฮิบิกิไม่มีความสามารถควบคุมถึงระดับนั้น
ดังนั้น-----
สายลมเย็นปะทะดวงหน้าขาว ความเย็นลุกลามไต่ไปตามผิวหนัง สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับเด็กหนุ่มที่มายืนโต้ลมอยู่บนดาดฟ้าตึกสูงยี่สิบชั้น
ฮิบิกิกระโดดออกจากแนวรั้วกั้น ปลายเท้ายื่นพ้นจากแนวตึก
เปลือกตาบางปิดแน่นราวสิบวิ และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ความลังเลที่มีในตอนแรกก็กอปรเป็น ความท้าทาย
เอาล่ะ หวังว่าการเหาะครั้งแรกจะไม่เลวร้ายสักเท่าไหร่หรอก-------- มั่ง---------------------------

.+..+..+..+..+..+..+..+..+.

ซาก็อดจิ
ฟูมิที่กำลังนั่งค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของศูนย์บัญชาการใหญ่ของศัตรูเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอเป็นนัยยะบอกว่าเธอได้เจออะไรบางอย่างเข้าให้แล้ว มาโคโตะรับทราบรีบเร่งกล่าวตัดสายการคุยโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมจากทางบุคคลระดับสูงในรัฐสภาที่โทรมาโวยวาย ต่อว่านู้นนี่นั่น
มาโคโตะสูดหายใจเข้าลึกอย่างอดกลั้น
หาเจอแล้วเหรอ
อืม ฟูมิส่งพิกัดตำแหน่งฐานทัพหลักของศัตรู รายละเอียดทั้งหมดแสดงอยู่บนหน้าจอใหญ่ ชั้นที่ห้าสิบห้าของโรงแรม K ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้เมื่อสามปีที่แล้ว ก่อนมีเศรษฐีนิรนามซื้อเหมาชั้นห้าสิบห้าทั้งชั้น เป็นจุดเดียวที่มีสัญญาณคลื่นแรงที่สุด มีความเป็นไปได้สูงมากกว่าแปดสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นศัตรู
ดี มาโคโตะสั่งการลูกน้อง ให้หน่วย A B ไปประจำการตำแหน่งเตรียมการจู่โจม หน่วย C รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ด้านนอก ถ้าพบการเคลื่อนไหวผิดปกติอะไรให้รีบแจ้ง ถ้าเห็นสถานการณ์ไม่ดีให้ถอยออกมาทันที เข้าใจไหม
รับทราบ
ฟูมิเพ่งสายตามองเพื่อนสาวที่รับบทแทนผู้บังคับบัญชาที่จู่ๆ ก็ขาดการติดต่อไปกะทันหัน
แม้มาโคโตะจะยังดูกระฉับกระเฉงเหมือนเดิมทุกประการ แต่ฟูมิก็สามารถเห็นร่องรอยของความเหนื่อยล้าในดวงตาของมาโคโตะได้ชัดเจน
ซาก็อดจิ จะไปพักก่อนก็ได้นะ เมื่อคืนไม่ได้นอนนิ
ตลอดทั้งคืน มาโคโตะต้องคอยรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ และช่วยประสานงานกับหอคอยที่เหลือ และที่น่าจะหนักหนาที่สุดคงไม่พ้นการรับโทรศัพท์จากเจ้าพวกหมูตอน ผู้นำระดับสูงจากในรัฐสภาหลายสิบสาย--- ต้องถือว่ายังโชคดีที่คนรับสายคือมาโคโตะ เพราะถ้าเป็นฟูมิ เธอคงนึกรำคาญเจ้าพวกหมูตอนเหล่านี้และจัดการแฮ็กเข้าไปในรถของแต่ละคน บังคับให้รถแต่ละคันแล่นตกหน้าผา ไม่ก็จมน้ำ ให้ตายๆ ไปให้หมดซะเลย
ฉันอยากให้สถานการณ์เรียบร้อยทั้งหมดก่อน มาโคโตะกำมือ ริมฝีปากบางขบเม้มแน่น แต่คงเป็นไปได้ยาก---
แม้ไม่อยากยอมรับ แต่สิ่งที่ JP’s กำลังประสบอยู่มันหนักหนามาก ต่อให้ผบ. มาเอง มาโคโตะก็ยังไม่มั่นใจว่าเขาจะรับมือกับเรื่องนี้ได้หรือไม่
งั้นก็เตรียมซดกาแฟสามวันติดได้เลย ฟูมิพูดเสียงเฉื่อยชา ศัตรูครั้งนี้ไม่ใช่พวกกระจอก ถึงจะหาตำแหน่งฐานทัพหลักเจอ แต่ฝั่งนั้นยังไม่เผยไม้ตายเลยนะ วางใจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก
การสร้างฐานทัพลับหลอกไว้ในที่หลายๆ แห่งนั้นก็เป็นการบอกเป็นว่าผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นพวกซ่อนตัวเก่งขนาดไหน แถมยังระวังตัวแจชนิดที่ว่าไม่ลังเลที่จะลบประวัติข้อมูลสำคัญทั้งหมด ก่อนที่จะโดนอัลมาเดลของเธอจะจัดการได้เด็ดขาด
การที่สามารถทำแบบนั้นได้ หมายความว่าฝั่งนั้นน่าจะมีมือฉมังทางด้านอิเล็กทรอนิคอยู่หลายคน---------------------------------------------- หรือ---------- อาจจะมีแค่ คนเดียวตั้งแต่ต้น----------
การร่วมมือกันทำงานหลายๆ คนจะทำให้รูปแบบการเคลื่อนไหวมีลักษณะที่หลากหลายรูปแบบ ปรับตัวไปตามแต่ละสถานการณ์ แต่เหล่าศัตรูที่ทาง JP’s กำลังปะทะกันอยู่นี้กลับยึดหลักการเคลื่อนไหวเป็นแบบแผนมากจนน่าแปลกใจ------ หรือว่าบางที ผู้อยู่เบื้องหลังกับช่างเทคนิคของฝั่งนั้นอาจเป็นคนคนเดียวกัน------------
และนั่นหมายความว่า---------- เรื่องจะยังไม่จบเพียงแค่นี้
จะต้องโผล่มาอีกแน่--------------------------------------------
ไม่รู้ว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า ลางสังหรณ์ หรือเปล่า เพราะโดยปกติแล้ว ไม่ว่าจะสิ่งใดก็ล้วนแต่อยู่ภายใต้กรอบความคิดและแนวรูปแบบที่ด็อกเตอร์สาววาดวางแผนไว้เสมอ เพียงแต่ครั้งนี้----- หญิงสาวรู้สึกมันมีอะไรต่างออกไปจากทุกๆ ครั้ง----------------------------------------------
ยิ้มบางขยับกว้าง ดวงตาแพรวพราวแสงพิสดารราวกับจะสื่อว่า ไม่เลว พาให้เพื่อนสาวรู้สึกหวั่นเล็กๆ
น่าสนใจ

.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
06.32 AM
[อาริอิเคะ]

"ฟิ้ว------ นึกว่าจะไม่รอดมาถึงที่นี่ซะแล้ว"
ไดจิที่เพิ่งฝ่าดงปีศาจมาได้นั่งพิงหลังลงกับกำแพงของโบสถ์ ไถลตัวลงนั่งอย่างเหน็ดเหนื่อย เช่นเดียวกับอิโอะ เด็กสาวนั่งกอดเข่า ท่าทีเหนื่อยล้า แต่ก็ยังพยายามประคองสติไว้ให้มั่นคงที่สุด
ทุกคนเองก็มารวมตัวกันทีนี่สินะ อิโอะกวาดตามองโบสถ์ที่มักจะมีผู้คนคับแน่นในวันอาทิตย์ แต่วันนี้เธอกลับเห็นผู้คนมากมาย หลากเพศ หลากวัย กำลังนั่งอยู่ตามกำแพงด้วยใบหน้าอันหม่นหมอง หดหู่ ชวนให้ใจหาย พวกเขาเองก็คงเจอเรื่องเลวร้ายมาเหมือนกัน-------
อา ไดจิพยักหน้า ใบหน้าอ่อนเยาว์เงยมองกระจกหลากสีของโบสถ์ เมื่อมองไปนานๆ เด็กหนุ่มก็เผลอคิดว่ามันสวยและชวนให้ใจรู้สึกสงบดี ยิ่งเมื่อเห็นจำนวนคนที่มารวมตัวกันอยู่ที่โบสถ์ ไดจิก็คล้ายจะรู้สึกอุ่นใจอยู่ลึกๆ ฉันพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมฮิบิกิถึงบอกให้เรามาที่นี่
สถานที่กว้างขวางสามารถรองรับผู้จำนวนมาก เหล่าหลวงพ่อที่พากันเดินให้ความช่วยเหลือ สวดภาวนาประคับประคองจิตใจของผู้คนไม่ให้ตกต่ำ และแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย แต่เมื่อเห็นเด็กๆ ผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวพากันวิ่งเล่นในส่วนต่างๆ ของโบสถ์ด้วยใจอันไม่รู้เรื่องรู้ราว แสงสว่างยามเช้าสาดแสงผ่านแผ่นกระจกราวกับแสงสว่างแห่งความหวัง
ภาพเบื้องหน้าทำให้ไดจิและอิโอะผ่อนคลายลงได้อย่างน่าอัศจรรย์
พวกเธอเพิ่งมาถึงสินะ
 เสียงจากร่างประดุจนางอัปสรของซิสเตอร์
ไดจิกับอิโอะแหงนหน้ามองเห็นหญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามในเครื่องแต่งกายในชุดดำ คลุมศีรษะด้วยผ้าขาว ส่งยิ้มอ่อนโยนก็มองค้างอย่างงงัน มือบางหยิบยื่นน้ำและจัดอาหารให้ไดจิและอิโอะคนละชุด
ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ตราบใดเท่าที่หัวใจรักนี้จะมีความหวัง พระผู้เจ้าจะต้องคุ้มครองพวกเราแน่ๆ ดวงตาสุกใสเป็นประกาย น้ำเสียงใสกังวานราวกับจะฝังแน่นลงไปในจิตใจของคนทั้งคู่ ไว้เจอกันนะ
ไดจิกับอิโอะมองร่างในชุดสีดำเดินเข้าไปหากลุ่มคนที่อยู่ตรงข้าม เพียงทักทายไม่กี่คำ ใบหน้าอันโศกเศร้าของกลุ่มคนเหล่านั้นก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง และรอยยิ้ม
เธอสวยจัง
อิโอะมองซิสเตอร์สาวที่กำลังยืนอาบแสงด้วยความรู้สึกตื้นตันในอก ในสถานการณ์อย่างนี้ แต่ก็ยังสามารถยิ้มได้------ ซิสเตอร์คนนั้นเข้มแข็งจริงๆ อย่างเธอไม่มีสิทธิ์เอาตัวเข้าไปเทียบชั้นด้วยซ้ำ
นั่นสินะ------ เห็นแล้วก็รู้สึกสบายใจด้วย ไดจิพยักหน้าเห็นด้วย  
ผับผ่าสิ หมอนั่นเลือกสถานที่ได้เหมาะเหม็งเป็นบ้า------- บังเอิญหรือจงใจกันแน่
เด็กหนุ่มกอดอก "ทีนี้ ก็เหลือแค่รอฮิบิกิเท่านั้------------น"
ฉึบ!
เสียงคียวตวัดฟาดฟันกลางอากาศ แม้ไม่อาจมองเห็นผู้กระทำ แต่หางตาของไดจิก็เห็นหยาดเลือดของร่างชายฉกรรจ์ข้างๆ ที่สาดกระเซ็นไปโดนกำแพง ในหัวจินตนาการถึงภาพฉากสยองขวัญได้โดยไม่ต้องหันกลับไปมอง
บ้าชะมัด! มาที่นี่ก็ไม่พ้นอย่างนั้นเรอะ! ไดจิกระชากข้อมือของอิโอะ หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวเกือบล้มหัวคะมำ
"หนีเร็ว!"
เสียงตะโกนของไดจิดึงสติทุกคนกลับเข้าสู่ร่าง แต่ก็ช้าเกินกว่าจะขยับหนี
คมเคียวตวัดผ่านร่างนั้นเป็นสองส่วน เสียงกรีดร้องของผู้คนดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นเป็นระยะๆ อิโอะเบือนหน้ากลับไปมองเห็นสตรีนางหนึ่งกำลังวิ่งหน้าตื่นมาแต่ก็ออกจากห้องไม่ทัน ท้ายที่สุดก็ถูกสะบั้นหัวขาด เด็กสาวหวาดกลัวเสียจนแทบก้าวขาไม่ออก หากไม่ใช่เพราะไดจิฉุดแขนเธอไว้ อิโอะคงล้มลงไปคลานกับพื้นนานแล้ว และก่อนที่อิโอะจะล้มลงไปจริงๆ ไดจิก็ผลักอิโอะเข้าไปหลบในมุมเสาซึ่งเป็นจุดสังเกตได้ยาก
อยู่ตรงนั้นนะ! ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด!” ไดจิกำชับ ก่อนหันหลังกลับไป แทบหลุดอาเจียนเมื่อเห็นร่างไร้ชีวิตและกองอวัยวะอันไม่น่าอภิรมย์กองเกลื่อนกลาด แต่ก็ยังกลั้นใจยกโทรศัพท์ขึ้นมาทั้งที่มือสั่นไปหมด
แอปอัญเชิญจาก PLAYING GAME เริ่มทำงาน
จงออกโพลเทอร์โกส! ไดจิที่อัญเชิญโพลเทอร์โกสวาดมือไปหาศัตรูด้านหน้า ไม่ต้องปะทะโดยตรง! แค่ถ่วงเวลาไว้ก็พอ
แม้จะไม่มีประสบการณ์ในการใช้แอปอัญเชิญในการต่อสู้ แต่แค่มองปราดเดียวไดจิก็รู้ว่าปีศาจอัญเชิญของตนไม่ใช่คู่มือของ ยมทูตสีขาว ตนนี้แน่ๆ
แต่ว่า----- อย่างน้อย ก็ต้องช่วยเท่าที่จะช่วยได้!
โพลเทอร์โกสส่งเสียงหัวเราะเสียงแหลม กระโดดเด้งดึ๋งไปหายมทูตสีขาวตามคำสั่งของผู้เป็นนาย ขัดขวางแนวเคียวยักษ์ที่ยกขึ้นเตรียมสะบั้นร่างของเด็กชายที่ทรุดอยู่กับพื้น เนื้อตัวสั่นเทา ดวงตาพรั่งพรูด้วยหยาดน้ำตาฉาบด้วยความกลัว หลับตาปี๋เมื่อเห็นภาพของวัตถุมีคมยักษ์วาดเข้ามาก่อนถูกพลังน้ำแข็งทำให้มุมการเหวี่ยงหักเหไปได้อย่างน่าเสียดาย 
ผมจะถ่วงเวลาเอาไว้ ทุกคนรีบหนีไปซะ!” สิ้นเสียงของไดจิ ผู้คนที่ต่างพากันตัวแข็งทื่อราวศิลาในทีแรกก็ต่างพากันวิ่งกรูหนีออกจากห้อง อิโอะที่พยายามวิ่งเข้ามาช่วยโดนฝูงคนดันให้ออกห่างไปยิ่งกว่าเดิม
หมดห่วงแล้ว--------------------------- ในอกรู้สึกโล่งโหวงเมื่อเห็นอิโอะโดนดันออกไปได้สำเร็จ ทว่าในขณะเดียวกันก็รู้สึกหวาดหวั่นที่จะต้องเผชิญหน้ากับยมทูตสีขาวเพียงลำพัง
การอัญเชิญโพลเทอร์โกสของไดจิถือเป็นการถ่วงเวลาในการอพยพคนชั้นยอด แต่เมื่อใดที่โพลเทอร์โกสของเขาใช้ถ่วงเวลาไม่ได้อีก เขาก็คง---------------- ไดจิที่ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ได้ดีที่สุดกลืนน้ำลายหนืดคอ ภาพในจินตนการถึงซากศพที่โดนแยกส่วนของตนฉายเข้ามาในหัวอย่างโหดร้าย แต่นั่นไม่ได้ทำให้ไดจิเลือกที่จะหยุดการกระทำของตนเอง
ไม่ได้อยากทำอะไรแบบนี้เลย----- แต่ว่า--------------------
มือขาวกำโทรศัพท์แน่นยิ่งขึ้น โพลเทอร์โกส! สร้างไอน้ำแข็งแช่แข็งขามันเร็ว!”
ฮิบิกิต้องมาแน่ๆ
เป็นความคิดที่ผุดขึ้นมาและน่าแปลก----- ที่ไดจิก็เชื่อสุดหัวใจว่าในท้ายที่สุดแล้ว ฮิบิกิจะต้องโผล่มายืนอยู่ตรงหน้าเขาแน่ๆ
เม็ดเหงื่อแตกพลั่ก ดวงตาไหวระริกหวั่นวิตกกับระยะห่างที่ค่อยๆ ร่นคืบของยมทูตขาวกับตนเอง
จะต้านไม่ไหวแล้ว---------------------
ไดจิก้าวถอยหลังหลายก้าวเมื่อเห็นยมทูตสีขาวสะบัดเคียว เกิดเป็นกระแสลมคมกริบฟาดฟันไปทุกทิศทาง ไดจิกระโจนหลบไปอยู่หลังเสาหินของโบสถ์ เกิดรอยเฉือนเป็นร่องลึก แต่เด็กหนุ่มก็ไม่อาจหลบการโจมตีพ้นทั้งหมด สายลมคมดุจใบมีดส่วนหนึ่งกรีดเข้าที่ด้านหลังไหล่ไดจิ เกิดเป็นรอยแผลตื้นเรียกเลือดซิบ ไม่ต้องนึกเลยว่าหากเมื่อกี้ตนยังยืนทื่อรับการโจมตีเต็มๆ ส่วนบนกับส่วนล่างอาจขาดเป็นสองท่อนอย่างน่าไม่น่ามองแน่
แย่ละ โพลเทอร์โกสเองก็สลายไปแล้ว และไดจิก็คิดอะไรไม่ออกแล้วด้วย
ไดจิกุมไหล่โชกเลือดแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
ฉัน---- จะรอดจริงๆ งั้นหรือ---------------------?
ตอนนั้นเอง
หยุดนะ!”
ไม้กวาด ใช่ ไม้กวาดธรรมดาในมือของซิสเตอร์สาวฟาดลงไปที่กลางหลังของยมทูตขาวเต็มแรงจนหักเป็นสองท่อน มือบางสั่นเครือปล่อยไม้ด้ามไม้กวาดลง ดวงตาฉายแววหวาดกลัวแต่อีกส่วนก็ยังหลงเหลือความหนักแน่น
ยมทูตสีขาวจะหยุดก้าวไปหาไดจิที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเสาหิน และหันมามองหญิงสาวแทน
ซิสเตอร์สาวกางสองมือออกกว้าง เปล่งเสียงพูดใสกังวาน
ฉันไม่ยอมให้เจ้าได้ทำร้ายใครอีกแล้ว!” แสงสว่างทอบาดลึกในดวงตาคู่ใส จงกลับไปในที่ที่เจ้าจากมาซะ!”
ไดจิอ้าปากค้าง
นี่มันบ้าชัดๆ! บ้าๆๆ ที่สุด! คิดว่ากำลังแสดงอยู่ในการ์ตูนตาหวานโลกสวยอยู่หรือยังไงกัน?!!
หากไม่เห็นกับตาตัวเอง ไดจิคงจะไม่เชื่อว่าซิสเตอร์สาวสุดสวยจะเก็บงำความบ้าระห่ำชวนหัวใจวายได้แบบนี้ อีกอย่าง เจ้ายมทูตสีขาวนั่นคงไม่ปลื้มสักเท่าไหร่กับการถูกขวางทาง และก็เป็นไปตามอย่างที่เด็กหนุ่มคิดไม่ผิด มือกระดูกแข็งๆ ฟาดไปที่กลางลำตัวของซิสเตอร์ ร่างบางคู้งอ ปลิวตามแรงเหวี่ยงไปกระแทกกับกำแพงอย่างรุนแรง ซิสเตอร์สาวล้มลงสิ้นท่า สำลักเลือดออกมากองหนึ่ง
ซิสเตอร์!” ไดจิก้าวออกไปหาซิสเตอร์สาวที่ถูกซัดกระเด็น เด็กหนุ่มดึงร่างอ่อนเปลี้ยของหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน คุณไม่ควรทำแบบนี้ รีบหนี----- คำพูดต่อจากนั้นถูกกลืนหายลงไปในลำคอ คราเงาสีดำทาบทับตัวไดจิทั้งหมด เด็กหนุ่มเงยหน้าสั่นๆ ประจักษ์แจ่มแจ้งถึงเคียวที่กำลังถูกยกในองศาอันเหมาะเจาะ
ยังไม่ทันแม้แต่จะได้กรีดร้อง ประกายแสงบาดวาบของคมเคียวสะท้อนเข้ามาในตาจนต้องหลับตาหนีแสง ตอนนั้นเองที่ศาสตรายักษ์วาดมาเต็มแรง
คงไม่รอดแล้วล่ะ ไดจิคิด มือบีบไหล่ของซิสเตอร์สาวแน่น
แต่ว่า-------------------------------------------
ในช่วงเวลาที่ความตายกำลังพุ่งทะยานเข้ามา ห้วงความคิดของไดจิทำงานได้อย่างรวดเร็วจนเหมือนเด็กหนุ่มแทบจะเห็นเวลาหยุดลงตรงหน้า
สิ่งแรกที่ไดจินึกถึงคือ พ่อ แม่ ญาติ เพื่อนร่วมมหาลัย ก่อนภาพของคนเหล่านั้นจะค่อยๆ เลือนราง หลงเหลือเป็นเพียงเศษเสี้ยวความทรงจำอันไม่สมประกอบ ทว่าท่ามกลางทุกสิ่งที่ไม่แน่ชัด และคล้ายกับจะหายไปได้ตลอดเวลา... ใครคนหนึ่งยังยืนอยู่ตรงนั้น... พร้อมกับอิโอะ เด็กสาวที่ไดจิตกหลุมตั้งแต่แรกเห็น ทั้งสองยื่นมือมาให้เขาพร้อมรอยยิ้มเจิดจ้า และเบื้องหลังที่มีแสงสว่างสาดส่อง
และใครคนนั้นที่ว่า---- ก็มีใบหน้าเหมือนเพื่อนสนิทที่เขาไว้ใจมากที่สุด
อยากเจอ--- อยากเจอนายอีกสักครั้ง-------------------
ฮิบิกิ-----!!
เปรี๊ยะ!
เสียงแตกร้าวของบางสิ่งตรึงทุกการเคลื่อนไหวให้กลายเป็นหยุดนิ่ง แม้กระทั่งคมเคียวที่ฟาดลงมาเต็มแรงแต่พอได้ยินเสียงนั้น ก็ยังหยุดค้างลงกะทันหัน ส่วนคมของใบเคียวกดแนบกับผิวหนังของไดจิ เกิดเป็นรอยแผลเฉือนลึกที่ลำคอ เลือดอาบเป็นสาย ไดจิค่อยๆ ผละลำคอออกจากอาวุธอย่างระมัดระวัง พร้อมกันนั้นก็เงยหน้ามองตามทิศทางที่เป็นต้นตอของเสียงแตกร้าว
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองไปยังกระจกโบสถ์--
กระจกโบสถ์--- มีรอยร้าว-----------------------
เปรี๊ยะ!----- เปรี๊ยะๆๆๆ---- เพล้ง!!!
รอยแตกแผ่ขยายดุจใยแมงมุมแผ่สาขาอันละเอียดยิบย่อย พลันกระจกโบสถ์ยักษ์สั่นกระเพื่อมดุจผืนน้ำ จากนั้นร่างอันย้อนแสงที่พังกระจกเข้ามาก็สะกดทุกสายตาไว้กับเรือนร่างอันปราดเปรียว ความสง่างามที่ชวนให้รู้สึกเหมือนนึกฝัน และรัศมีอันเรืองอำนาจของพยัคฆา สัตว์เทพในตำนาน
เบี๊ยกโกะเงยหน้า ส่งเสียงคำรามลั่น ก่อนกระโจนเข้างับยมทูตสีขาวข้างไดจิ ฝังคมเขี้ยวที่สามารถบดขยี้ได้กระทั่งเพชร ปลิดชีพเหยื่อตัวแรกได้โหดร้ายที่สุด
นะ นี่มันอะไรกัน ไดจิมองการสังหารตรงหน้าด้วยความสับสน------ งงงวยไปหมด
ไดจิ!” เสียงเรียกจากด้านบนดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเสียงที่ทำให้ไดจินึกไปว่าตนอาจหูฝาด แต่เมื่อมองไปยังขอบกระจกที่แตกร้าว เขาจึงได้เห็นคนที่ตนอยากพบมากที่สุดกำลังลอยอยู่กลางอากาศ--- ไม่สิ ปลายเท้าของอีกฝ่ายเหยียบอยู่บนศีรษะของสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมังกรโบราณซึ่งค่อยๆ ส่งเพื่อนเขาลงพื้นอย่างนุ่มนวล ก่อนเจ้ามังกรนั่นจะหายวับไป
ฮิบิกิ?!”
นี่เขาไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม?!
อิโอะล่ะ?!” ฮิบิกิที่เพิ่งมาถึงมองหน้าซีดไร้เลือดของไดจิ ตาไล่ไปและหยุดค้างที่บาดแผลข้างลำคอ ไดจิ เลือด!” 
อา----------- ไม่เป็นไรหรอก ไดจิตอบอย่างฝืนๆ นิ้วแตะบาดแผลที่มีเลือดโชก และหัวไหล่ที่ตอนนี้ถูกย้อมกลายเป็นสีแดงที่แห้งกรัง นายมาก็ดีแล้ว---- ดีใจชะมัดที่เห็นนาย
ยังมีหน้ามาพูดอีก
ฮิบิกิคุกเข่า ดึงตลับยาสำรองเลือดของทาง JP’s ออกมาแล้วโยนให้ไดจิ นี่เป็นยาสำรองเลือด นายเลือดออกเยอะเกินไป ถ้าไม่กิน นายอาจตายได้ ฮิบิกิดึงมือของไดจิออกจากลำคอ จากนั้นจึงนำผ้าพันแผลที่พกติดตัวพันห้ามเลือดให้กับไดจิ สำหรับแผลด้านหลังไม่ค่อยลึกมากเท่าไหร่ แถมเลือดก็เริ่มแห้งแล้วด้วย ฮิบิกิเลยปล่อยไปก่อน
ยังขยับไหวไหม เราต้องรีบออกจากที่นี่
สบายมาก ไดจิบุ้ยหน้าไปทางเบี๊ยกโกะ นั่น--- ของนายเหรอ เท่ห์ชะมัด แล้วยังมังกรเมื่อกี้อีก--- หรือบางทีเขาจะเสียเลือดมากเกินไปจนเห็นภาพหลอนนะ
นั่นคือเบี๊ยกโกะน่ะ------ แล้วคุณนิตตะล่ะ ฮิบิกิเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ไดจิที่กำลังจะอ้าปากตอบปิดปากฉับเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากที่ไกลๆ
ไดจิคุง! ฮิบิกิคุง?!” อิโอะที่ควรหนีไปแล้ววิ่งกลับมาด้วยสีหน้าตื่นๆ เด็กสาวแทบหลั่งน้ำตาเมื่อเห็นว่าไดจิยังมีชีวิตอยู่ และกำลังอยู่กับใครอีกคนที่เธอเองก็อยากเจอมากที่สุด ทันทีที่วิ่งเข้าไปหาทั้งคู่ เธอจึงสละความรู้สึกลังเลทั้งหมด อ้าแขนกอดทั้งสองเอาไว้แน่น และนั่งปล่อยโฮตรงนั้น
อิโอะสะอื้น ไดจิคุง---- ห้ามทำแบบนั้นอีกนะ--- อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว----- ฮึก
ไม่อาจบรรยายได้ถึงวินาทีที่เธอเห็นเคียวของยมทูตนั่นกำลังยกขึ้น มันรู้สึกทรมานในอกไปหมด และเมื่อเธอจะกลับไปช่วย กลับกลายเป็นว่าฝูงคนที่พาตัวกันเบียดเสียดออกไปก็ยิ่งดันให้เธอไหลไปตามกระแสคน และแน่ละ กับฝูงคนที่กำลังตกอยู่ในสภาวะหวาดกลัวสุดขีด แทบจะวิ่งเหยียบกันตาย การที่เด็กสาวตัวเล็กๆ อย่างอิโอะสามารถวิ่งฝ่ามาได้ก็แทบทำให้เธอต้องเสียพลังงานไปเกือบทั้งหมดเช่นกัน
ไดจิแทบหลุดร้องไห้ตาม เขารู้สึกซาบซึ้งเหลือเกิน ผมขอโทษครับ
ฮิบิกิยิ้มล้อๆ กับเสียงหงอๆ ของไดจิ สำนึกเลยล่ะสิ
แหงล่ะ ไดจิผละออกมา ลูบผ้าพันคออย่างไม่คุ้นชิน จะว่าไปนายดูคล่องกับเรื่องพวกนี้จังเลยนะ--------
ดวงตาสีฟ้าสั่นไหววูบ ก็พอสมควร-----  
อื้ม---- ไดจิขยับถอยออกมาเพื่อดูฮิบิกิให้ชัดๆ พลางคลี่ยิ้มแหย่นิดๆ เสื้อผ้าเหมาะกับนายดีนะ---- ชุดทำงานเหรอ? หรือชุดปฏิบัติการ? ถ้าใช่ ต้องบอกว่าเป็นชุดที่เท่ห์โคตรๆ อะ ไดจิตบไหล่เพื่อนสนิทดังปับๆ วันหลังถ้านายหัดใส่เสื้ออะไรแบบนี้ออกไปโชว์ตัว รับรองสาวๆ ติดตรึม ไดจิพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เวลาแบบนี้ยังจะมาเล่นอีกนะ ฮิบิกิยิ้มอ่อนใจนิดๆ ภายในอกอันหนักอึ้งคล้ายกับจะเบาโหวงขึ้นมาในนาทีต่อมา
ฮ่าๆ ก็ถ้าไม่เล่นเอาตอนนี้ ฉันก็กลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้เล่นอีกน่ะซี่ ไดจิหลุบตา รู้ไหม ฉัน--- นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว
"อา-----" ฮิบิกิมองไดจิกับอิโอะด้วยความรู้สึกสะท้านในใจ ครั้นกวาดตาไปรอบสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ตอนนี้เจิ่งนองไปด้วยเลือดและร่างไร้ชีวิตอันน่าสยดสยอง  
หากเขามาเร็วกว่านี้อีกสักนิด----- คนพวกนี้ก็อาจจะยังมีชีวิตอยู่ และไดจิก็คงไม่บาดเจ็บ---------------------- ถึงจะเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้----- แต่ว่า--------------------------------------------------
ฮิบิกิ----? อิโอะที่จับสังเกตถึงความผิดปกติเอียงคอ เป็นอะไรหรือ
ฮิบิกิส่ายหัว โทษที คิดอะไรนิดหน่อยนะ
แม้ฮิบิกิจะพูดแบบนั้น แต่มองจากสีหน้าที่ดูเหมือนจะเซื่องซึมกว่าปกติ สบทบกับสภาพรอบตัวก็ทำให้ไดจิพูดออกมา
ในตอนแรกฉันรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่แปลกมาก------ ทั้งๆ ที่เมื่อวานทุกอย่างยังปกติอยู่แท้ๆ ฉันรู้สึกเหมือนโลกถล่ม แต่ว่า----- ความรู้สึกนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันตาย ไดจิทุบอกตัวเอง ฉันกลัวแทบบ้า แต่ก็ผ่านมาได้! ดังนั้น เลิกกังวลซะ! แล้วทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย!”
เป็นคำพูดที่ฟังดูไม่เข้าหู เหตุผลสนับสนุนก็ดูไม่เกี่ยวพันธ์กัน แต่---- ฮิบิกิก็หลุดหัวเราะออกมา
อืม ก็ถูกของนาย
อย่างน้อย ในวินาทีนี้ ไดจิ กับ อิโอะ ก็ยัง มีชีวิตอยู่ ตรงหน้าเขา
แต่--- ถ้าหากลังเลแม้แต่เพียงวินาทีเดียว ทั้งสองอาจจะหายไปก็ได้
จะ---------- ลังเลไม่ได้อีกแล้ว---------------------------------------------
ขอบใจนะ ไดจิ
ไม่มีปัญหาพวก ไดจิกอดอก ถามคำถามที่ทำให้ฮิบิกิแข็งทื่อไปสองวิ "จะว่าไป มังกรเมื่อกี้--- มันไม่ใช่ภาพลวงตาใช่ไหม" เอาแล้วไง--- สายตาคาดคั้นแบบนี้-----------
---ไม่ มันเป็นภาพลวงตา ฮิบิกิสวนตอบหน้าตาย   
ไดจิแลบลิ้น ตอบเสียงทื่อแบบนี้ โกหกชัดๆ บอกมาซะดีๆ
"ฉันไม่ตอบได้ไหม" ฮิบิกิเกาแก้ม เอียงหน้าหลบสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนสนิท
ไดจิคล้องคอฮิบิกิแน่น เผล่ยิ้มร้ายกาจ "สายไปแล้วพวก รอดไปได้ฉันจะเค้นนายให้หมดเลย--"
"ไว้ถึงตอนนั้นก็ตอนนั้น" ฮิบิกิยักไหล่ "ตอนนี้เราต้องรีบไปก่อเด็กหนุ่มลุกขึ้นเป็นคนแรก ยื่นมือฉุดอิโอะให้ลุกขึ้นตาม
"พวกเราจะไปที่ไหน
"ที่ปลอดภัย"
ฮิบิกิสอดมือเข้าไปใต้ปีกของไดจิ แต่ไดจิขืนตัวออกก่อน "ฉันไม่เป็นไรหรอก นายช่วยไปแบกซิสเตอร์เขาจะดีกว่า" ไดจิพเยิดหน้าไปที่ร่างไร้สติของซิสเตอร์สาว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันคงตายไปแล้ว ถึงวิธีการช่วยของซิสเตอร์จะทำให้หัวใจน้อยๆ ของไดจิแทบหล่นไปกองอยู่ตาตุ่มก็เถอะ
"ไม่บอกก็รู้น่า ฮิบิกิช้อนร่างบางขึ้นไว้ในอ้อมแขน ฉันจะนำทางเอง ตามมาให้ทันล่ะ
ทั้งสามวิ่งออกจากโบสถ์ ระหว่างทางที่ต้องเจอกับกองทัพปีศาจ ฮิบิกิเรียกเบี๊ยกโกะออกมาจัดการปีศาจที่อยู่รอบๆ ส่วนไดจิก็เรียกโพลเอร์โกสออกมาคุ้มกันตนเองไปพลางๆ
ฮิบิกิต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในการทำเป็นไม่สนใจข้อความปริศนา ฮิบิกิเดาได้ว่าข้อความนี้ต้องมาจาก PLAYING GAME อย่างแน่นอน และตอนนี้ เขายังไม่พร้อมจะกดตอบรับดาวน์โหลด PLAYING GAME อะไรนั่น วิเคราะห์จากพลังอัญเชิญปีศาจของ PLAYING GAME ที่แม้จะเป็นปีศาจอัญเชิญระดับล่างแต่ก็มีพลังทำลายมากกว่าปีศาจระดับกลางที่ JP’s ใช้หลายเท่า เพื่อหลบเลี่ยงความเสี่ยง ฮิบิกิจึงเลี่ยงที่จะเปิดอ่านข้อความ แม้ในใจจะนึกใคร่สงสัยว่าปีศาจอะไรที่เขาจะอัญเชิญออกมา
ต้องพา ไดจิ กับ อิโอะ ไปที่ปลอดภัยก่อน
และในตอนที่ทุกอย่างกำลังดูราบรื่น นั่นเอง-----
"อึก อือ” -----ฮิบิกิก้มมองต้นตอของเสียงร้อง ร่างไร้การตอบสนองของซิสเตอร์สาวกระตุกนิดๆ อย่างคนเพิ่งได้สติ
"ฟื้นแล้วเหรอ"
ซิสเตอร์ผงกหัวขึ้น ใบหน้าซีดเซียวไร้โลหิต "ที่นี่----- ที่ไหนหรือคะ------------?"
"เราอยู่บนถนน K ครับ ฮิบิกิพูด ริมฝีปากระบายรอยยิ้มชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่ต้องกังวล ผมจะพาคุณไปที่ปลอด---"
หมับ!
ยังไม่ทันได้พูดจบ มือเย็นๆ ดูบอบบางของซิสเตอร์ก็คว้าหมับเข้าที่หัวไหล่ของฮิบิกิ ปลายนิ้วจิกลึกลงไปในผิวหนังจนฮิบิกิเผลอเกร็งตัว เด็กหนุ่มผงะเล็กน้อยกับสายตาจ้องถลึงอย่างน่ากลัวของหญิงสาวในอ้อมแขน เสียงเล็กอันปราศจากอารมณ์ระคนสติหลุดเอ่ยถามคำถามที่ทำให้ฮิบิกิสังหรณ์ใจไม่ดี
"ผมหยักศกสีดำ ดวงตาสีฟ้าใส----- คุณคงเป็น คุเสะ ฮิบิกิ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของทาง JP's สินะค่ะ--------"
"คุณ----!"
ไม่มีทางที่ผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนธรรมดาแน่ และยิ่งเป็นไปไม่ได้คนธรรมดาจะระบุตัวตนของเขาได้ชัดเจน รู้ถึงขั้นที่ว่าเขาทำงานอะไร
เสร็จกัน! นี่เป็นกับดัก
"ในที่สุด---- ก็หาเจอตัวแล้ว------------ นกกระดาษสาตัวที่หายไปเมื่อสิบสองปีก่อน"
ไม่มีจังหวะตั้งตัวหรือครุ่นคิดกับคำพูดนั้น อะไรบางอย่างก็ฟาดเข้าที่ตาซ้ายของฮิบิกิอย่างแรง
"อ๊าก!"
ฮิบิกิปล่อยร่างของซิสเตอร์ลง เด็กหนุ่มก้าวถอยหลัง มือกุมเปลือกตาชุ่มเลือด
"ฮิบิกิคุง!"
อิโอะร้องตกใจ ปราดเข้าไปจับไหล่ฮิบิกิที่ตัวสั่นเพราะพยายามสะกดกั้นความเจ็บปวด
"จะทำอะไรฮิบิกิน่ะ--- หยุดน่ะ!" ไดจิโถมตัวเข้าหาซิสเตอร์ที่ลุกโงนเงน ใช้น้ำหนักและมือตรึงร่างของหญิงสาวที่พยายามใช้ก้อนอิฐจากซากอาคารใกล้ๆ ทุบตีเพื่อนเขา ไดจิขบกรามแน่น มองหญิงสาวอย่างโกรธเคือง สายตาเลื่อนไปเห็นก้อนอิฐย้อมเลือดเพื่อนสนิท ในใจของไดจิก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ถอยออกมา ไดจิ!” ฮิบิกิกุมตา หยดเลือดไหลผ่านแง้มนิ้ว ภาพในหัวเริ่มมึนเบลอ ผู้หญิงคนนั้นอันตราย!”
ถ้าเป็นฮิบิกิที่มีสภาพร่างกายสมบูรณ์พร้อม ทุกอย่างคงเรียบร้อยไปแล้ว แต่เวลานี้ฮิบิกิไม่อาจเคลื่อนไหวได้เท่าดังใจคิด เด็กหนุ่มเพิ่งจะฟื้นตัวลุกขึ้นจากเตียงได้ไม่กี่ชั่วโมง ยังไม่นับความเหนื่อยล้าจากการเหาะโดยใช้ชัคโคจากชินจูกุมาอาริอาเคะที่ห่างกันหลายกิโล
หากเป็นคนปกติคงหมดสติทั้งยืนไปแล้ว ดังนั้นการที่ฮิบิกิยังสามารถยืนหยัดได้ด้วยสติครบถ้วน แม้จะรู้สึกมึนหัวนิดๆ ก็กล่าวได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ขนานแท้
ผู้หญิงคนนี้จะทำร้ายนาย! นายรีบหนีไปก่อนถึงไดจิจะได้รับบาดเจ็บ แต่เมื่อเทียบกับฮิบิกิแล้ว บอกได้เลยว่าจิ๊บๆ
ต้องจัดการ---- ใช่-------------- ต้องจัดการ--- พาไปหาเขา-------- ไปหาเขา หาเขา----------” ซิสเตอร์สาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเหม่อลอย ดวงตาลอยเคว้งคว้างราวกับร่างไร้วิญญาณ “----ถึงจะยังไม่ถึงเวลา--- แต่------ ก็ไม่เป็นไร--------- ไม่เป็นไรหรอก— เพราะสุดท้ายไม่ว่าจะหนียังไง ก็ต้องได้เจอกัน ใช่---- แค่เร่งเวลาเท่านั้น--------------”
ไดจิขนลุกชันกับรอยยิ้มฉีกกว้างเกินองศาของหญิงสาว รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ร่างตนลอยขึ้นสูง ถูกเหวี่ยงกระเด็นไปชนกับกำแพงเหล็กอีกมุมหนึ่งอย่างจัง ยินเสียงร้องฮี่ๆ ของยูนิคอร์นขาวที่ใช้ขาหน้าถีบไปที่กลางลำตัวของไดจิเต็มๆ ไดจิหมดสติทันที หากไม่ใช่เพราะโพลเทอร์โกสสร้างน้ำแข็งหุ้มตัวไดจิไว้เพื่อลดความรุนแรงไว้ตั้งแต่แรก กระดูกทุกท่อนของไดจิคงแตกหักไปทุกส่วน อวัยวะภายในบอบช้ำ และอาจเสียชีวิตได้ในไม่กี่นาทีต่อมา
ไดจิคุง!”
อิโอะหลุดเสียงร้องเมื่อรู้สึกถึงสายลมหวนจากเขายูนิคอร์นที่ฟาดลงมา วินาทีนั้น หัวใจของเด็กสาวเต้นรัวอย่างหวาดหวั่น ก่อนมันจะบีบรัดแน่นเมื่อตระหนักได้ว่าหากยังคงเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง มันก็เท่ากับว่าเธอยังคงยืนอยู่ที่เดิม หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น ได้แต่คอยรอรับการปกป้องอยู่ด้านหลังของเพื่อนผู้แสนดีทั้งสอง------
และเธอไม่ต้องการแบบนั้น----------------------------
ที่ที่เธอต้องการจะยืนอยู่ คือที่ที่เธอ ฮิบิกิ และไดจิจะก้าวไปพร้อมกันต่างหาก!
ในตอนนั้นเองที่อิโอะตัดสินใจคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา ดวงตาทอแสงตั้งมั่นดุจหินผา
ไม่ว่าเธอจะเรียกตัวอะไรออกมา แต่หากมันมีอำนาจพอจะสามารถปกป้องทุกคนได้ละก็ เธอจะไม่ยอมหันหลังกลับโดยเด็ดขาด!
องค์หญิงคิคุริ!”
ร่างอันงามสง่าในชุดขององค์เทวา ผิวสีขี้เถ้า เส้นผมยาวรวบสีขาวโพลนดุจตุ๊กตา หล่อหลอมขึ้นมาให้กลายเป็นปีศาจอัญเชิญอันทรงอนุภาพ
ช่วยหน่อยนะ! องค์หญิงคิคุริ
องค์หญิงคิคุริก็เริ่มเปิดฉากโจมตีใส่ซิสเตอร์
ซิสเตอร์สาวค่อยๆ ลุกขึ้นมา มือบางปัดฝุ่นที่เปื้อนอยู่บนกระโปร่งสีดำ หญิงสาวใช้ดวงตาเย็นชามองคลื่นทำลายล้างขององค์หญิงคิคุริอย่างไร้อารมณ์ จากนั้นเธอก็ยกโทรศัพท์มือถือสีขาวขึ้นมา
ไวท์แองเจิ้ล ฆ่าสิ่งที่เจ้าเห็นซะ
ยมทูตสีขาวตนเดิมกับที่เจอในโบสถ์ถูกอัญเชิญขึ้นมา เบ้าตากลวงโบ๋ปรากฏเป็นแสงสีแดงลุกไหม้ จิตแผ่รอบข้างเต็มเปี่ยมด้วยจิตสังหารไม่สามัญ จากนั้นมันจึงพุ่งเข้าโรมรันกับองค์หญิงคิคุริกลางอากาศอย่างดุเดือด จนเห็นเป็นแสงสีม่วงกับสีขาวเคลื่อนไหวกลางฟ้า
ซิสเตอร์สาวแสยะรอยยิ้มกว้างอย่างชั่วร้าย ก่อนระเบิดหัวเราะอย่างที่ทำให้อิโอะสะดุ้งโหยงราวลูกนก
ดูเป็นเด็กผู้หญิงที่ทำอะไรไม่ได้เลยแท้ๆ แต่---- กลับสามารถอัญเชิญองค์หญิงคิคุริออกมาได้---- ไม่เลวๆ อย่างนี้สิมันถึงจะสนุกหญิงสาวสะบัดมือ คราวนี้ยูนิคอร์นสีขาวกระโจนเข้าไปหาอิโอะ
ออร์ค!” อิโอะอัญเชิญออร์คออกมาอีกตัวหนึ่ง ดวงตาสีแดงก่ำเลือดและมือถือมีดที่ครั้งหนึ่งเคยเกือบสังหารเธอทำให้อิโอะต้องเปล่งเสียงย้ำเพื่อสั่งการและข่มความกลัวของตน ถ่ายทอดเจตนารมณ์ของตัวเองด้วยน้ำเสียงอันปราศจากความลังเล จัดการกับยูนิคอร์น!”
ออร์คร้องคำรามลั่น ก่อนวิ่งปะทะกับยูนิคอร์นขาว
อิโอะหอบหายใจแรง การอัญเชิญปีศาจออกมาสองตัวพร้อมกันคราวเดียวทำให้เธอสูญเสียพลังงานไปมหาศาล
อิโอะมองซิสเตอร์ผู้มีใบหน้างดงามอย่างไม่เข้าใจ คุณหยุดเถอะนะ--- ทำแบบนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ใครบอกว่าไม่มีล่ะ!” รวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด ร่างบอบบางของซิสเตอร์สาวพุ่งเข้ามา ใช้มือตบใบหน้าของอิโอะจนหน้าขาวสะบัดไปทางอีกด้าน ส่วนมือข้างของซิสเตอร์สาวก็คว้าเอามีดที่ซ่อนใต้กระโปรงออกมาแทงอิโอะ หากไม่ใช่เพราะฮิบิกิดันอิโอะให้หลบไปด้านหลัง ก่อนบีบข้อมือข้างที่กำมีดของซิสเตอร์ไว้แน่น ใบมีดห่างจากใบหน้าของฮิบิกิไปไม่ถึงคืบ
อย่าแตะต้องเธอ!”
พวกเธอสามคนปกป้องกันดีจังเลยนะหญิงสาวปรายตามองไดจิ อิโอะและหันกลับมามองฮิบิกิ เอางี้ไหม ถ้าเธอมากับฉัน ฉันจะยอมปล่อยเพื่อนๆ ของเธอไปก็ได้------
คุณคิดว่าผมจะปกป้องเพื่อนผมไม่ได้?ฮิบิกิบีบข้อมือของหญิงสาวแน่นกว่าเดิม พยายามดันมีดของหญิงสาวให้ออกห่างแต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงทำไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้มีแรงมากเกินไป หรือว่าเขาไม่มีแรงกันแน่นะ
ได้อยู่แล้ว----- แต่นั่นต้องเป็นในตอนที่เธออยู่ใกล้กับเขา ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เธอถอยระยะห่างจากเขาเอง---------- หึๆ อีกไม่นาน เธอจะลุกไหวหรือเปล่า ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำซิสเตอร์สาวแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่ก็ไม่แน่---- ถ้าหากเธอสามารถควบคุมปีศาจอัญเชิญตัวที่สามได้--------- ก็น่าจะพอมีทางอยู่นานขึ้นอีกหน่อย-------------”
เธอพูดเรื่องอะไ---- อึก!”
ฉัวะ!
ในเวลาเสี้ยววินาทีที่มีดคมจ้วงลงมา ฮิบิกิเบี่ยงตัวหลบวิถีมีดด้วยความคล่องตัวอันน่าทึ่งโดยหลบเลี่ยงจุดสำคัญ แม้จะถูกคมมีดเฉือนหัวไหล่และกรีดยาวไปจรดท่อนแขน ทว่าเพราะเนื้อผ้าสารจากโลหะพิเศษ ต่อให้เป็นกระสุนก็ยิงไม่เข้า ฮิบิกิเลยไม่ได้รับบาดเจ็บจากด้านคมของมีด แต่แรงลากผ่านตั้งแต่หัวไหล่ไปจนถึงท่อนแขนก็ทำให้แขนขวาของเด็กหนุ่มรู้สึกชาหนึบ ยกโทรศัพท์ไม่ขึ้น
ฮิบิกิคุง!”
หัวใจหยุดเต้นกับสิ่งที่เห็น ครั้นจะวิ่งมาช่วย อิโอะก็ถูกขัดขวางด้วยการต่อสู้ของยมทูตขาวและองค์หญิงคิคุริที่ลงมาตะลุมบอนต่อกันบนพื้น ไม่เปิดจังหวะให้เธอไปช่วยฮิบิกิ
อึกฮิบิกิเปิดตาขวาที่เหลือเพียงข้างเดียว ก้มมองแขนขวาที่ชาด้าน
ไม่ไหว-------- ขยับแขนไม่ได้เลย----
ไหนบอกว่าจะพาตัวผมกลับไปไง
ซิสเตอร์สาวแย้มยิ้มน่ารัก ก็เธอขัดขืนนี่น่า ที่สำคัญ ขอแค่เธอไม่ตาย จะพากลับไปในสภาพแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ
ฮิบิกิหรี่ตา "คุณ---- ทำงานให้ใครกันแน่"
จะใช่พวกที่กำลังจู่โจม JP’s อยู่รึเปล่า--------? แล้วทำไมทางฝั่งนั้นต้องเจาะจงเล่นงานเขาด้วย-------? ไหนจะคำพูดของผู้หญิงคนนี้อีก---------------?
ต้อง------------- มีเรื่องอะไรแน่ๆ
"ฉันไม่ได้ทำงานให้ใครทั้งนั้น----" ลิ้นปาดเลียไปบนตัวคมมีดอย่างผู้กระหายการเข่นฆ่า ฮิบิกิเบือนหน้าหนีจากภาพอันขัดแย้งของหญิงสาวที่มีภาพลักษณ์ดุจนางสวรรค์ทว่าหัวใจนั้นกลับเป็นสีดำแห่งความวิปริต เห็นปฏิกิริยาแบบนั้นของเด็กหนุ่ม หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ
มองมาที่ฉันสิค่ะ สัมผัสเย็นๆ จ่อแนบปลายคางของฮิบิกิ ซิสเตอร์สาวใช้มีดคมงัดใบหน้าฮิบิกิขึ้นมองด้วยสายตาเรืองวาวดุจมือสังหาร---- แล้วยกยิ้ม
"ตาสีฟ้าสวยจังเลยค่ะ---- เห็นแล้วอยากควักออกมาเลย------!" มีดเงื้อขึ้นสูงและกดลง
เคร้ง!
มีดที่ควรทิ่มแทงลูกตาแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ราวกับเศษแก้ว ซิสเตอร์สาวตาโตกว้าง ผละถอยจากเกราะชัคโคที่ฮิบิกิกางกั้นมีดกับดวงตาเอาไว้เพียงระยะไม่กี่เซนติเมตร ฮิบิกิใช้ความได้เปรียบในระยะประชิดเช่นนี้ปัดมีดในมือของหญิงสาว และเตะกระเด็นไปชนกับกำแพงอีกฝาก เด็กหนุ่มโถมตัวขึ้นคร่อมร่างบาง ใช้มือสองข้างจับตรึงข้อมือแน่น ดวงตาสีฟ้าเพียงข้างเดียวของเด็กหนุ่มส่องประกายวาวโรจน์ ดูน่ากลัวจับใจ   
ถ้าอย่างนั้น----- ถ้าผมจะทำให้คุณอยู่ในสภาพปางตาย ก็คงไม่มีปัญหาสินะครับ เค้นเสียงลอดไรฟัน จิตสังหารเบาบางสะท้อนในดวงตาสีฟ้าใสที่ดูเย็นเยือก ชวนให้หนาวสั่นไปทั้งสันหลัง
ซิสเตอร์สาวเหยียดยิ้มสมใจ หาได้เกรงกลัวไม่ ทำไมไม่ฆ่าฉันล่ะคะ ฉันทำให้คุณและเพื่อนๆ ของคุณต้องเจ็บตัวนิ
สาเหตุที่คุณยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้ ก็เพราะผมต้องการข้อมูลจากคุณ
ไม่ใช่ว่าคุณไม่กล้าฆ่าฉันเหรอคะ เอ่ยถามอย่างท้าทาย ก่อนหัวเราะหึอย่างเยาะเย้ย คุณน่ะ ยังเด็กเกินไปสำหรับวงการนี้จริงๆ นั่นล่ะค่ะ
เธอรู้ประวัติทั้งหมดของ คุเสะ ฮิบิกิ และยังรู้อีกว่าตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงานใน JP’s เด็กหนุ่มยังไม่เคยลงมือสังหารใคร ทั้งยังแสดงตัวชัดเจนว่าพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจก่อความเสียหายให้แก่คนรอบข้าง
คนในลักษณะนี้จะมีนิสัยอ่อนโยน เป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น ช่างเอาใจใส่ แม้กระทั่งกับศัตรูก็ไม่กล้าลงมืออย่างเต็มที่ ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างมั่นใจว่าครั้งนี้เด็กหนุ่มก็จะทำแบบนั้นเช่นกัน
ใช่ นั่นคือสิ่งที่เธอคิดและเชื่อมั่น จนกระทั่งได้ยินคำพูดต่อมาของเด็กหนุ่ม
อย่าท้าผมจะดีกว่า ฮิบิกิสูดหายใจเข้าลึก ผม---- เคยฆ่าคนมาแล้ว---- คนหนึ่ง
ในเจ็ดวันสุดท้าย----- บนหมากกระดานที่มีพวกเขาสองคนยืนอยู่---------------- หมากกระดานที่ไม่ต้องการให้ใครได้ที่สองหรือที่หนึ่ง เพราะมีเพียงตำแหน่งเดียวสำหรับผู้ชนะเท่านั้น
---------------ถ้าคุณคิดว่าผมไม่กล้าฆ่าใครล่ะก็ ขอบอกเลยว่าคิดผิดมหันต์ ฮิบิกิกล่าวเสียงเย็น ผมทำได้ และไม่ลังเลที่จะทำ เพียงแต่ในกรณีของคุณ มันทำให้ผมทำไม่ลงจริงๆ
-----
---การฆ่า เขา ในวันนั้น สอนให้ผมรู้ว่าน้ำหนักของการ แบกรับชีวิตหนึ่งมันมีค่ามากขนาดไหน และต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ที่จะตามมาทั้งหมด มันเป็นอะไรที่หนักอึ้ง เป็นอะไรที่ครั้งหนึ่งผมไม่เคยคิดจะแบกรับเอาไว้จนกระทั่งเจอ เขา... ผมฆ่า เขา ด้วยมือคู่นี้ และตอนนี้ผมกำลังแบกรับน้ำหนักของ เขา อยู่ ดังนั้นหากผมจะต้องแบกรับน้ำหนักของใครสักคนเพิ่มอีกล่ะก็--- ผมก็ขอให้คนคนนั้น มีค่าพอที่ผมจะแบกรับน้ำหนักเอาไว้
-----
ฮิบิกิแค่นหัวเราะเล็กๆ เมื่อนึกถึงสีหน้าเย็นชาไร้รอยอารมณ์ของใครบางคนที่กำลังพูดถึงอยู่ แต่น่าเสียดาย---- ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว นอกจาก เขา แล้ว ผมยังไม่เห็นว่ามีใคร มีค่าพอ ถึงขนาดนั้น-----
 งั้นหรือ--------- มิน่าล่ะ ซิสเตอร์สาวมองฮิบิกิ แสงในดวงตาทอวาวระยับอ่อนบางลงเป็นนุ่มนวล ทำไมเขาถึงได้ชอบคุณมาก----------- บางที ถ้าหากคุณคือคนที่ยืนอยู่กับเขามาตลอด เรื่องทุกอย่างอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้------
เขา----? หมายถึงใครกัน----?
ฉันไม่มีสิทธิ์ตอบคำถามนั้น ซิสเตอร์สาวชำเลืองตาไปด้านหลังฮิบิกิ ตาคู่งามจับจ้องร่างของยูนิคอร์นตัวโข่งย่างกีบเท้าเข้ามาอย่างเงียบงัน ส่วนเขาบิดเป็นเกลียวแหลมคมชุ่มโลหิตของออร์คเงื้อขึ้น... เตรียมทิ่มแทงเด็กหนุ่มที่คร่อมอยู่บนตัวเธอ
เพราะหน้าที่ของฉันมีเพียงการนำคุณกลับไปหาเขาให้ได้ก็เท่านั้น-----
ขอแค่ยังมีลมหายใจ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ไม่เกี่ยง-----------------------------------------
อิโอะที่ฝืนใช้พลังอัญเชิญจนแทบหมดสติร้องเตือน ฮิบิกิคุง! ระวังด้านหลัง!”
?!!
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เกินกว่าที่ฮิบิกิไม่จะดึงชัคโคออกมาป้องกันหรือเรียกสุซาคุออกมาปัดป้อง ในวินาทีที่ราวกับทุกอย่างจะหยุดนิ่งนั่น สิ่งที่เด็กหนุ่มเห็นคือเขาสีขาวพุ่งแทงประดุจหอกเหล็ก จากนั้น ภาพต่อมาที่ฮิบิกิมองเห็นจะเป็นเม็ดเลือดสีแดงกลางอากาศ---------------
ฉึก!
หูยินเสียงเนื้อฉีกทะลุ แต่แทนที่จะเป็นฮิบิกิที่ต้องนอนจมกองเลือด กลับเป็นใครสักคนที่หยุดยั้งการโจมตีอันรุนแรงของเขายูนิคอร์นด้วยการใช้มือเปลือยเปล่ากำเขายูนิคอร์นไว้แน่น หยุดการเคลื่อนไหวทรงพลังได้อย่างเด็ดขาด แต่เพราะความยาวของเขายูนิคอร์นที่ยาวมากถึงแปดสิบเซนติเมตร ส่วนปลายแหลมจึงแทงลึกเข้าไปในหัวไหล่ขวาของร่างสูงที่ยืนเอาตัวขวางไว้ ไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้องหรือสีหน้าบิดเบี้ยวแสดงถึงความเจ็บปวดแม้แต่นิดเดียว
เวลาราวกับถูกสาปให้หยุดนิ่งงัน สรรพเสียงทั้งหมดดับวูบ โลกทั้งใบถูกย่อส่วนให้เหลือเพียงดวงตาสีอเมทิสเหลือบเงินที่มองสบลึกกับดวงตาสีฟ้ากระจ่าง ลมหายใจของฮิบิกิคล้ายถูกบางอย่างช่วงชิงไป และหัวใจก็ราวกับจะหยุดเต้นลงในวินาทีนั้น
ทำไม---- ฮิบิกิถามด้วยเสียงสั่นเครือ
นายถึงอยู่ที่นี่------------
ยามาโตะ---------------?


+++++++++++++++++++++++++++++
จบ Wed 2 เล่นเอาร่มเกือบสิ้นชีพ โอ๊ก // นอนตาย

เป็นการแต่ง Devil Survivor ที่ทรหดมากๆ เลยฮะ ปกติตอนอื่นร่มแต่งเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 15 – 20 หน้า ได้ 5000-6000 word แต่ตอนนี้... เด้งไป 28 หน้าเต็ม กับอีก 10,234 word (โอ๊กกก เกือบทุกไหสถิติเรื่องกิ่งก้านที่ร่มแต่งเลย (ฮา แต่รายนู้นเขา 12000 ไง) แชป์หนึ่งยังคงเป็นกิ่งก้าน (ลูกรักของร่ม) อยู่เนอะ (หัวเราะ))

#ฉากฮิบิกิเหยียบหัวชัคโค
ช็อตนี้ร่มเอามาจากในมังฮะ คือถ้าในเมะจะฉายภาพว่า [ตอนที่ 10] ฮิบิกิลอยขึ้นไปช่วยอิโอะ แต่ถ้าในมัง ตามรูปด้านล่างเลยฮะ (แบบว่า อารมณ์พีคกว่าในเมะ*10 เลย (ฮิบิกิเท่ห์เวอร์))


ตอนต่อไปอาจมาช้าหน่อยนะฮะ (มีแววว่าจะเดือนหน้า) เพราะร่มจะเปิดสัปดาห์หน้าแล้ว 
(คือช่วงที่หายหัวไปคือติดอ่านหนังสือหนักมากเลยฮะ พอจะปลีกตัวมาแต่งฮิบิกิก็หลังช่วงสี่ทุ่มขึ้น คืออารมณ์แบบ เหมือนละเมอแต่งอะฮะ ฮ่าๆๆ เป็นตอนที่แก้บ่อยมาก เพราะร่มเบลอ(จริงๆ)ระหว่างแต่งบ่อยมาก คือถ้าไม่โดฟชาเขียวกันหนังตาปิด จะแต่งมั่วมากฮะ แบบพิมพ์ชื่อนู้นมาชื่อนี้ เอ๊ะ ชื่อนี้มาจากไหนหว้า, เฮ้ย! ทำไมจู่ๆ มันถึงมีประโยคนี้... มีใครแอบมาแต่งต่อเปล่าเนี่ย?! มีคืนหนึ่งแต่งแบบไร้สติมากฮะ เช้ามาปุบต้องลบเนื้อหาสามหน้าของคืนนั้นทิ้งทั้งหมดเพราะอ่านไม่รู้เรื่อง) 
แต่คาดว่าตอนหน้าค่อนข้างชิว (?) พอสมควร ค่อนข้างจะมุ้งมิ้ง (?) บรรยากาศสีชมพู (?!) เสียด้วยซ้ำ 
ขอบคุณท่าน Nitchaya สำหรับแรงสนับสนุนนะฮะ ร่มซาบซึ้งใจมากเลย ฮือออออ (ก้มกราบ เอาหัวโขกพื้นสามครั้งงามๆ)