หน้าเว็บ

Friday, March 24, 2017

金曜日 : Friday of Playing ①


 +..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+...+..+..+..+.

金曜日
Friday of Playing



[Let’s survive]


JP’s ศูนย์บัญชาการโตเกียว
00.14 AM
ประกายไฟแล่นเปรี๊ยะกลางอากาศและสะบัดวูบ อาคารรัฐสภาอันยิ่งใหญ่กินพื้นที่เกือบสิบกิโลเหลือเพียงพื้นที่โล่งๆ ขณะที่ชั้นใต้ดินซึ่งมีเกราะป้องกันคลุมไว้เป็นแนวป้องกันชั้นสุดท้ายก็พังลงมาทับฐานบัญชาการหลักบางส่วน เศษหินอิฐปูนถล่มลงมาสร้างความเสียหาย แม้จะไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดเสียชีวิต แต่เสียงร้องโอดครวญดังจากหลายๆ ที่ก็มีอยู่ไม่ขาด
ฟูมิ! เป็นอะไรหรือเปล่ามาโคโตะดันหินก้อนที่ร่วงลงมาบังทาง วิ่งเข้าไปช่วยเพื่อนสาวที่นอนกอดคอมส่วนตัวไว้แน่น ตาปรือๆ เหมือนคนใกล้หลับ เลือดเส้นหนึ่งไหลจากแผลเฉี่ยวที่ขมับซ้ายที่เกิดจากเศษหิน
ฉันไม่เป็นไรถ้าเมื่อกี้ไม่ได้เตรียมแผนสำรองให้ทรัมเป็ตเตอร์เบี่ยงการโจมตีย้อนกลับบางส่วนเมื่อกี้ไปบนฟ้า นอกจากรัฐสภาที่อยู่ด้านบนจะหายไปแล้ว ใจกลางหลักของ JP's ที่อยู่ใต้ดินโตเกียวก็คงไม่เหลือซากเหมือนกัน "โดนเล่นกลับมาแทนจนได้"
"อย่างน้อยก็พอประเมินระดับฝีมือของศัตรูได้แล้ว" มาโคโตะกวาดสายตามองรอบหาย เห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาบาดเจ็บมากมายก็ฟาดมือลงกับโต๊ะ "บ้าชะมัด!"
ไม่คิดเลยว่าจะโดนเล่นกลับมารุนแรงขนาดสามารถทำให้ฐานทัพหลัก JP's ต้องเสียหายมากขนาดนี้!
ถึงแม้เกราะป้องกันพลังวิญญาณจะไม่ได้รับความเสียหาย เพราะจุดแก่นกลางของพลังเวทอยู่ลึกใต้ดินลงไปใต้ฐานทัพหลักอีกที แต่ว่า... ถ้าหากฝั่งนั้นฉวยจังหวะนี้โจมตีมาอีกเพียงครั้งเดียว ก็คงจบเห่กันหมดแน่
"ไม่ต้องห่วง" ฟูมิที่ถูกมาโคโตะพยุงส่ายหัวสะบัดความมึน "ทางนั้นคงโจมตีต่อไม่ได้แล้ว" สามารถสะท้อนพลังที่สามารถลบเมืองให้หายไปได้เพียงการโจมตีเดียว ยังไงซะ ปีศาจอัญเชิญฝั่งนั้นก็ต้องได้รับความเสียหายหนักเหมือนกัน และกว่าจะอัญเชิญปีศาจตนเดิมออกมาได้คงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ 
"มันคือตัวอะไรหรือครับ..." หนึ่งในเจ้าหน้าที่ถามหน้าซีด
ทำงานอยู่ที่นี่มาเป็นปีๆ ไม่เคยพบไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
"เก็นบุ หนึ่งในสี่สัตว์เทพที่ขึ้นชื่อเรื่องการป้องกันและการสะท้อนการโจมตีมากที่สุด..." มาโคโตะกัดฟัน เจอของแข็งเข้าให้แล้ว
ไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอศัตรูที่มีมันสมองและฝีมือที่ร้ายกาจขนาดนี้ โดยเฉพาะเมื่อปีศาจอัญเชิญของฝั่งนั้นคือหนึ่งในสัตว์เทพสี่ทิศ ขึ้นชื่อเรื่องการป้องกันสูงสุด
ฟูมิยิ้มเย็น "ร้ายใช่ย่อย"
ประเมินจากค่าความการสะท้อนการโจมตีที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ 100% ความแข็งแกร่งในการใช้ปีศาจอัญเชิญของศัตรูเผลอๆ อาจจะมากกว่าเบี๊ยกโกะของคุเสะ ฮิบิกิเสียอีก ซึ่งน่าจะเป็นผลพัฒนาจาก PLAYING GAME ของฝั่งนั้น แต่ถ้าเธอพูดออกไปตอนนี้กำลังใจของฝั่ง JP's คงได้ลดลงฮวบแน่ แล้วทีนี้ เธอก็คงโดนเพื่อนสาวบ่นยาว
มาโคโตะกำมือแน่น "ถ้าผบ. อยู่ที่นี่..."
คงทำอะไรได้ดีกว่านี้แน่
ฟูมิส่ายหน้าให้กับความคิดอันปราศจากคำพูดของเพื่อนสาว "ต่อให้ผบ.อยู่ที่นี่ ความเสียหายก็คงไม่ต่างจากที่เป็นอยู่ตอนนี้สักเท่าไหร่หรอก" อาจน้อยลงหน่อยตรงที่หัวผบ. อาจใช้ลมหายใจมังกรผ่อนแรงโจมตีลง แต่ยังไงซะโครงสร้างหลักก็ต้องพังลงมาอยู่ดี
มาโคโตะสูดหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่ง
ตั้งสติสิ มาโคโตะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสับสน
กล่าวย้ำกับตนเอง ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมเอ่ยคำสั่งในฐานะรองผู้บัญชาการสูงสุด
"ฉันซาโกะ มาโคโตะ ขอสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่ยังขยับได้อยู่ช่วยขนผู้บาดเจ็บไปประจำการอยู่ที่หน่วย C ให้หมด สำหรับคนที่เหลือที่คิดว่ายังช่วยงานต่อได้ ช่วยซ่อมแซมระบบเกราะป้องกันพลังเวทย์ให้กลับมาสมบูรณ์ให้เร็วที่สุด เรามีเวลาทำให้สำเร็จภายในแปดชั่วโมงและหลังจากนั้นเราจะทำการย้ายฐานทัพหลักไปที่ซัปโปโร!”
รับทราบ!”
รักษาทั้งหมดไว้ไม่ได้ก็ต้องรักษาโครงสร้างหลักๆ เอาไว้ พวกเขามีฐานทัพ JP’s อยู่หลายฐานทัพ แม้จะไม่อยากย้ายฐานแม่จากโตเกียวที่นับเป็นศูนย์กลางไปอยู่ที่อื่น แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว
เธอรอหน่วยพยาบาลอยู่ที่นี่ไปก่อนนะ ฟูมิ มาโคโตะจับฟูมิให้นั่งพิงกับผนัง ฉันจะไปดูลาดเลาเสียหน่อย เกิดอะไรขึ้นก็ให้รีบติดต่อมา
อืม
เมื่ออยู่คนเดียว ฟูมิหลับตาลง ปล่อยให้ข้อมูลนับพันในหัววิ่งแล่นผ่านความมืดหลังเปลือกตา ไม่กี่อึดใจต่อมา เธอก็ต้องลืมตาขึ้นพร้อมกับตาคู่สวยที่ทอดนิ่งแหงนสู่เบื้องบนที่เปิดเผยเป็นหลุมโหว่สู่ผืนฟ้ากว้าง
ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใคร พวกเธอไม่เคยรับมือกับศัตรูแบบนี้มาก่อน ถ้าจะให้นิยามแล้ว ก็คงเหมือนเป็นการเล่นเกมที่นอกจากเราจะไม่รู้ว่าศัตรูกำลังถือไพ่อะไรไว้ เราก็ยังไม่รู้แม้แต่ใบหน้าของอีกฝ่าย––––– ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิด เพราะนั่นหมายความว่าพวกเธอไม่มีสิทธิ์คำนวณความเป็นไปได้ของสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เลย โดยเฉพาะกับฟูมิที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ผู้ยึดหลักกฎเกณฑ์และความเป็นไปได้จากหลักฐานที่มีเป็นที่ตั้งแล้ว––––––––
บอกเลยว่า ไม่ชอบ
อา แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่เธอมั่นใจ––––– นั่นคือตอนนี้พวกเธอทุกคนได้เจองานหินเข้าให้แล้ว

.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
??
00.23 AM
-วู้ว รอดตายหวุดหวิดเลยนะ!- เซเลอร์มูนไซส์มินิถอนหายใจโล่งอก
อืม คงงั้น นิชิวาระที่กำลังเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึก บอกตอบเซเลอร์มูนในหูฟัง ดวงตาลดต่ำมองข้อมูลเก็นบุในโทรศัพท์ของตนเองที่ค่อยๆ สลายไปหลังจากทำหน้าที่ของมันเสร็จ แต่คงใช้เก็นบุไม่ได้สักพัก–––
-ไม่เป็นไร ถังพลังงานฝั่งเราก็ยังเหลือ จู่โจมพวกตัวร้ายต่อเลยไหม-
ไม่จำเป็น
-แต่…-
ต่อจากนี้ฉันรับช่วงต่อเอง นิชิวาระก้าวเร็วๆ พลางปิดปากฮาวกว้าง น้ำตาไหลซิบ ง่วงชะมัดเลยนา ต้องทำการฟื้นพลังอีกเท่าไหร่ระบบถึงกลับมาใช้ได้สมบูรณ์อีกครั้ง
-อีก 28 ชั่วโมงจ้า-
งั้นก็คงทัน งึมงำกับตนเองเสียงแผ่ว แล้วดึงผ้าคลุมขึ้นคลุมหัว มืออีกข้างจับลูกบิดบนชั้นดาดฟ้า ตอนนี้ shutdown ตัวเองซะ และลบข้อมูลโปรไฟล์ฉันออกไปให้หมด ฉันไม่อยากให้มีอะไรตกค้าง––– อ่อ ห้าชั่วโมงต่อจากนี้ไม่ต้องติดต่อมาด้วย ฉันไม่อยากได้ยินเสียงเธอ นิชิวาระผลักประตูออกไปเพื่อเจอกับลมกรรโชกจากใบพัดเฮลิคอปเตอร์
เข้าใจไหม
-นิชิจจี้ใจร้าย!-
จะคิดยังไงก็เรื่องของเธอ หนุ่มแว่นถอดแว่น และส่งมือให้กับคนที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ดึงตัวขึ้นไป แล้วซบหัวนอนลงกับที่นั่ง
อืม ตอนนี้เขาง่วงสุดๆ ไปเลย ไม่ได้อัญเชิญสัตว์เทพออกมาตั้งนาน ไม่คิดเลยว่าอัญเชิญมาทีหนึ่งจะทำให้เขาเพลียสุดๆ แบบนี้ แย่จริง รู้งี้ลงคอร์สออกกำลังกายฟิตร่างไว้ก่อนก็ดี
แต่––– เตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม
-ทุกอย่างเป็นไปตามแผน 100% สถานที่ ก็เตรียมไว้ให้แล้ว นิชิจจี้หายห่วงดั๊ย!-
ขอบใจ คนพูดปิดเปลือกตาลง ราตรีสวัสดิ์  
-ฮิๆ ขอให้สนุกกับ เขา นะ นิชิจจี้!-
สัญญาณการติดต่อขาดหายไป ท่ามกลางความเงียบที่มีแต่เสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์ คนที่กำลังจะหลับเอ่ยพึมพำกับตนเองพร้อมรอยยิ้มฝืด
จะได้เจอกันอีกแล้วนะ ซากิ*คุง ––––––”
คราวนี้ ฉันจะทำให้ทุกอย่าง จบเองนะ

.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
JP’s ฐานทัพลับขนาดเล็ก (อาริอาเคะ)
01.42 AM
"ทางโตเกียวเสียหายขนาดไหน"
ฟังผ่านสายโทรศัพท์อีกประมาณครึ่งนาที คนที่ฝืนตัวลุกขึ้นจากเตียงขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
"นายแค่ทำตามแผนก็พอ" ยามาโตะตอบก่อนวางสายโทรศัพท์ส่วนตัวแล้วหรี่ตา ประเมินความเสียหายผ่านจอมอนิเตอร์กลางห้องนิ่งๆ "ทางฝั่งมาโคโตะคงขยับไม่ได้สักพัก"
แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงสำหรับการเตรียมตัวย้ายฐานทัพไปตั้งหลักที่อื่น แต่ในวินาทีที่ฐานทัพแม่ชะงัก ทุกอย่างก็จะคลาดเคลื่อนตามกันไปหมด เขาคงต้องอยู่บัญชาการไปก่อน
ต้องรักษาสมดุลไว้ให้มากที่สุดก่อน
อืมฮิบิกิยืนพิงกำแพง มือสองข้างกระชับโทรศัพท์ตนแน่น ตาสีฟ้าใสก้มมองอุปกรณ์ที่เป็นทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกและอาวุธทำลายล้าง แล้วหลับตา ถอนหายใจเฮือกหลังจากนึกลังเลอยู่ตั้งนาน และตัดสินใจ
ไม่มีทางเลือกแล้ว
คำเตือนจากหมอสาวที่บอกให้เขาพยายามเลี่ยงการใช้แอปอัญเชิญปีศาจเพื่อความปลอดภัยของร่างกายตนผุดขึ้นมาในหัว ฮิบิกิมุ่นคิ้ว ส่วนหนึ่งเพราะไม่ค่อยมั่นใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าตนเองลองฝืนอัญเชิญปีศาจออกมาโดยใช้แอปตัวใหม่ที่ส่งมาทางเมลของฝั่งศัตรู
ถ้าเกิดจู่ๆ เขาเผลอหมดสติไปเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วในระหว่างอัญเชิญปีศาจล่ะ–––––?
แม้ในใจจะนึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง แต่ฮิบิกิก็ได้เลือกแล้ว–––
เพราะไม่ว่าจะทางไหนก็เสี่ยงทั้งนั้น
และ––––––
ภาพของนาฬิกาที่เขาเห็นก่อนจะหมดสติไป กับคำพูดของซิสเตอร์คนนั้น
ในที่สุด–––– ก็หาตัวเจอแล้ว–––––––– นกกระดาษสาตัวที่หายไปเมื่อสิบสองปีก่อน
คำพูดนั้น–––––– มันต้องมีความหมาย–––––––––
และเขาต้องรู้ให้ได้
ท่าทางหนักใจอย่างไม่เคยเห็นก่อนของฮิบิกิทำให้ยามาโตะที่คอยจับตาดูอยู่ถามอย่างสงสัย
เป็นไรไป
ที่นี่มีห้องว่างกว้างๆ สักที่ไหม ฮิบิกิไม่ตอบ แต่ถามอีกหนึ่งคำถามที่ทำให้ยามาโตะชะงักไปชั่วขณะ ขอเอาเป็นห้องที่–––– ถ้าถล่มไปก็คงไม่มีใครด่า––– พูดด้วยน้ำเสียงปนหยอกล้อเล็กๆ แต่เมื่อมองเนื้อความและประกายตาทอแสงเอาเรื่องในดวงตาสีฟ้าคู่นั้น––– ยามาโตะก็รู้ทันทีเลยว่าฮิบิกิคิดจะทำอะไร
ใน เวลาแบบนี้เนี่ยนะ?” ยามาโตะถามย้ำเสียงเย็นอีกที มั่นใจเหรอว่าจะสำเร็จ
ในสถานการณ์แบบนี้ ยามาโตะไม่ต้องการให้คนข้างกายเสี่ยงได้รับบาดเจ็บไม่เข้าเรื่องเด็ดขาด ยิ่งอีกฝ่ายเป็นถึงกำลังสำคัญ
แล้วถ้าไม่ใช้ใน เวลาแบบนี้ แล้วจะในเวลาไหนล่ะ?” ฮิบิกิถามย้อน มะรืนก่อนนายได้อะไรมา
ฮาเดส–––
แต่กว่าจะได้มา–––– ก็ ดื้อ พอควร
คล้ายๆ กับเนบิรอสที่นายได้ใน วันนั้น รึเปล่า ที่ฮิบิกิหมายถึงคือในช่วงเจ็ดวันแห่งการล่มสลายของโลกเมื่อหนึ่งปีก่อน และในวันสุดท้ายที่ยามาโตะยอมใช้แอปอัญเชิญปีศาจผ่านแอปนิไกอา และก็ได้เนบิรอสกับเซากองล์เก็นมาครอง
ใกล้เคียง
ตัวไหนแข็งแกร่งกว่ากัน
น่าเศร้าที่ฉันต้องบอกว่าฮาเดสแข็งแกร่งกว่ามาก เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธว่ากำลังรบของศัตรูมีเหนือกว่า และพวกเขากำลังเสียเปรียบมากขนาดไหน
แต่ผลลัพธ์กลับเป็นตรงกันข้ามกับสิ่งที่ยามาโตะคิด เพราะคนฟังดันยิ้มปลอดโปร่ง
งั้นเหรอ
แสดงว่าถ้าเขาได้ปีศาจอัญเชิญตัวใหม่มา กำลังโจมตีของฝั่ง JP’s ก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วย
ยามาโตะทำหน้าบึ้ง เป็นเรื่องน่าดีใจตรงไหน
ปกติมันต้องไม่ใช่สีหน้าดีใจสิ ขนาดเขาที่เป็นคนอัญเชิญมาเอง––– ไม่สิ ถูกบังคับให้อัญเชิญยังอดหงุดหงิดไม่ได้
อืม––– ก็ถ้าได้ปีศาจอัญเชิญตัวใหม่และแข็งแกร่งมา มันก็ต้องดีใจสิ พอเห็นฮิบิกิพูดออกมาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา พร้อมดวงตาที่มองมาเหมือนจะถามว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาสุดๆ เลยไม่ใช่เหรอ? ก็ยิ่งทำให้ยามาโตะนึกหงุดหงิดกว่าเดิม แต่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากคำพูด แต่เป็นการเลือก–––––
เลือกที่จะปิดบังบางสิ่งจากเขา
ฮิบิกิกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่–––– และไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันก็สำคัญมากถึงขนาดบีบให้ฮิบิกิต้องยอมเสี่ยงอัญเชิญปีศาจออกมา––––––––
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ปมคิ้วขมวดชิดจนฮิบิกิอดไม่ได้ยื่นนิ้วมาดีดเปาะกลางหว่างคิ้วให้ปมคิ้วคลายออก ทำหน้าแบบนี้มากๆ เดี๋ยวก็ไม่มีคนคบหรอก และถ้าเป็นแบบนั้นจริง ในอนาคตมีหวังมาโคโตะคงเหนื่อยแย่
ยามาโตะปัดแขนฮิบิกิออก ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาสิว่า กำลังคิดอะไร’”
ไม่ ฮิบิกิส่ายหน้า ยามาโตะยิ่งทำหน้าบึ้ง เรื่องที่นายอยากรู้ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน––– ละมั้ง ฮิบิกิเติมคำต่อในใจ แล้ว–––– สรุปมีห้องว่างรึเปล่า
มี อยู่ชั้นใต้ดิน ยามาโตะกอดอก จะไปเลยรึ
ฮิบิกิพยักหน้า ยิ่งเร็วยิ่งดี
ผบ. สูงสุดเงียบไปสักพัก ก่อนเบือนหน้าไปทางอื่น ––––ตามใจ

.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
อืม... ถึงจะบอกไปว่ายิ่งเร็วยิ่งดี แต่เอาเข้าจริง เขาก็ชักประหม่าซะแล้วสิ
เป็นอะไร ดวงตาสีอเมทิสฉายประกายประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีตื่นๆ ของคนที่บอกว่าจะทำอะไรเอง–––
ฮิบิกิเกาแก้มนิดๆ อืม––– ตื่นเต้นนิดหน่อยละมั้ง แม้จะมีความรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกที่มากกว่ากลัวนั้นก็คือความตื่นเต้น
ก็–––– ทำงานกับ JP’s มาหนึ่งปี ใช้เบี๊ยกโกะ ซุซาคุ จนคล่อง ดังนั้นพอรู้ว่าอาจจะมีปีศาจตนใหม่ก็เลย––– ตื่นเต้น?  
หึ ได้ยินแบบนั้น ยามาโตะกระตุกยิ้ม อย่างนายไม่พลาดอยู่แล้ว
มั่นใจจังนะ ดวงตาสีฟ้ามองยามาโตะอย่างประหลาดใจ ขนาดตนยังไม่สามารถการันตีผลลัพธ์ได้เลย "ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะไม่พลาดล่ะ?"
เพราะนายคือ หมากที่ดีที่สุดของฉัน’” ดวงตาสีอเมทิสเฉยชาจ้องสีหน้าแฝงแววตะลึงนิดๆ ของฮิบิกิแล้วเอ่ยต่ออย่างหนักแน่นแฝงความเย่อหยิ่ง แต่กลับทำให้ฮิบิกิต้องรู้สึกตามอย่างที่ยามาโตะพูด แล้วนายยังจะกลัวอะไรอีก
เป็น หมากที่ดีที่สุด ภายใต้เงื้อมมือของ ผู้เล่นที่ดีที่สุด––––– แล้วยังจะมีอะไรต้องกลัวอีก?
คนฟังยืนอึ้งไปนานแล้วแค่นเสียงหัวเราะ ความตึงเครียดหายไปในพริบตา
นั่นสิ ในเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้ว แล้วจะยังต้องกลัวอะไรอีก ––––––––––––––––––––?
ส่วนเรื่องที่เขาตัดสินใจไป–––––– เขาก็––– คงต้องทำมันให้ดีที่สุด

.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
"เข้าไปได้ครับ"
เจ้าหน้าที่ JP's เปิดประตูให้ฮิบิกิเดินเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมกว้างขนาด 30*50 ม. ห้องฝึกนี้สร้างด้วยวัสดุพิเศษมีความต้านทานสูง เลยกลายเป็นห้องที่มักถูกใช้เพื่อทดลองการอัญเชิญปีศาจครั้งแรก โดยจะมีห้องกระจกอยู่ด้านข้างให้เจ้าหน้าที่คอยจับตามองและประเมินสถานการณ์อยู่ห่างๆ
"ขอบคุณครับ" เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มบางเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนเดินไปหยุดอยู่กลางห้อง กวาดตามองสำรวจเล็กน้อยแล้วกระตุกคิ้วสูง
ไม่เห็นเหมือนห้องฝึกโตเกียวเลย หรือว่า JP's แต่ละสาขาจะมีห้องฝึกต่างกัน?
คนคิดสะระตะแบบไม่หวังคำตอบจึงไม่รู้ว่าห้องฝึกนี้มีความพิเศษแตกต่างจากห้องฝึกอื่นๆ อย่างไร
แท้จริงแล้ว ห้องฝึกนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเขตกักกันพลังวิญญาณจำลอง มีระบบต้านทานพลังดีที่สุดในแต่ละศูนย์บัญชาการ ทว่าในขณะเดียวกันก็นับเป็นสถานที่อันตรายสำหรับบุคคลที่มีระดับพลังต่ำกว่าเกณฑ์ระดับกลางเพราะอาจถูกพลังวิญญาณนั้นดูดกลืนจนทำให้ตกอยู่ในสภาพจิตหลอน และอย่างเลวร้ายที่สุดคือการตกอยู่ในสภาพบ้าคลั่งนานไปตั้งครึ่งปีทั้งๆ ที่ไม่ได้เดินเข้าไปในตัวห้องแต่แค่เดินผ่านเท่านั้น
จะดีเหรอครับ ให้คุณคุเสะเข้าไปแบบนั้น–––– เจ้าหน้าที่ที่ยืนประเมินสถานการณ์อยู่ในห้องกระจกถามอย่างหวาดๆ
ถ้าฉันไม่เป็นไร เจ้านั่นก็ต้องไม่เป็นเหมือนกัน คนเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานวัดชาวบ้านยืนกอดอกตอบ อย่าละสายตาจากหมอนั่นล่ะ
ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือทัน
รับทราบครับ เจ้าหน้าที่หลายคนที่ประจำการอยู่บริเวณนั้นเริ่มทำการล็อคประตู และเริ่มส่งสัญญาณให้ฮิบิกิเริ่มทำการอัญเชิญปีศาจออกมา
ตอนนั้นเองที่โทรศัพท์ในมือของยามาโตะดังขึ้น
ยามาโตะเลิกคิ้ว ไม่คิดว่าจะมีใครโทรเข้ามาในเวลาแบบนี้ แต่จะให้กดตัดสายไปก็ไม่ได้ในเมื่อคนที่ยิงสายเข้ามาในครั้งนี้ไม่ใช่มาโคโตะหรือสำนักงาน แต่เป็นสายส่วนตัวของ ฟูมิ คันโนะ ผู้เปรียบเสมือนมันสมองอีกคนของ JP’s
มีอะไร
/ก็ไม่––––– แค่ทางเรากำลังเสียเปรียบสุดๆ/ ด็อกเตอร์สาวพูดเสียงเอื่อยเฉื่อย /โอกาสชนะมีน้อยมาก/
เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้ว อยากจะพูดอะไรกันแน่
/โปรแกรมอัญเชิญที่ฉันทดลองกับฮิบิกิ––– ผบ.สนไหม?/
ประเด็นหลักของบทสนทนานี้ทำให้ยามาโตะนิ่งไปสักพัก เมื่อลองนึกถึงประสิทธิภาพของโปรแกรมอัญเชิญของฟูมิที่ฮิบิกิเคยใช้ผ่านร่างกายมนุษย์จริงๆ แล้วก็ยอมรับว่าสนใจ
แต่
มันยังไม่สมบูรณ์ไม่ใช่เหรอ?
/แปลกจัง ปกติผบ. ไม่ใช่คนสนอะไรแบบนี้นิ/ น้ำเสียงหวานแกมแขวะไม่ทำให้ยามาโตะหงุดหงิด เขาไม่มีเวลามาเสียเวลากับรายละเอียดยิบย่อยพรรคนั้น
เจ้านั่นเจอผลข้างเคียง เจ้านั่นที่ยามาโตะว่าหมายถึงฮิบิกิที่ฟูมิใช้เป็นหนูทดลอง และผลข้างเคียงของโปรแกรมของเธอทำให้เจ้านั่นใช้แอปอัญเชิญปีศาจไม่เต็มที่ เธอคิดว่ามันคุ้มไหมล่ะ?”
เขาขยับไม่ได้มากเพราะแผลยังไม่หาย ไหนฮิบิกิยังถูกจำกัดศักยภาพการอัญเชิญปีศาจและทางฝั่งมาโคโตะที่ต้องจัดการรับมือกับปัญหาหน้าด่าน สถานการณ์มืดแปดด้าน 
/จริงเหรอ/ น้ำเสียงประหลาดใจเล็กน้อยของฟูมิทำให้ยามาโตะรู้เลยว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น และก็ใช่ เขาคิดถูก /แต่ฉันกับคนอื่นๆ ไม่เป็นอะไรเลยนะ/
ยามาโตะกระตุกคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดนั้น อธิบายมาให้ละเอียดกว่านี้
/ก่อนที่ฉันจะเอาไปให้ฮิบิกิ ฉันได้ทำการทดลองกับตัวเองและเจ้าหน้าที่ในหน่วยบางคนแล้ว ไม่มีใครมีผลข้างเคียงเลยสักคน/
สำหรับพฤติกรรมการใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองก่อน และเมื่อได้ผลสำเร็จเมื่อไหร่จึงค่อยเอาไปลองกับคนอื่นเพื่อดูผลลัพธ์ในหลายๆ มุมมองของฟูมิ ยามาโตะไม่ได้มองเป็นเรื่องที่ผิด
แต่ว่า––– กับฮิบิกิ––––––– นับเป็นข้อยกเว้น
/หรือต่อให้มีจริง มันก็คงไม่ส่งผลกระทบอะไรมาก–––/
ทำไมไม่บอกฉัน
/อยากเซอร์ไพรส์/
อยากโดนไล่ออก?”
/ผบ. ไม่ทำแบบนั้นหรอก/ ฟูมิที่นั่งแก้ไขโปรแกรมโดยมีเจ้าหน้าที่อีกคนพันผ้าพันแผลที่ขมับ กระตุกยิ้ม /แล้ว––– ผลข้างเคียงที่ว่านั้นคือ?/
ปวดหัว หน้ามืด อ่อนเพลีย––––มีอาการเห็นภาพหลอน–––– อาการสุดท้ายนี้ยามาโตะรู้มาจากการเขียนบันทึกสุขภาพของโอโตเมะเอง จะยังเรียกว่าไม่ร้ายแรงได้อีกไหม? คนพูดส่งข้อมูลไปให้ฟูมิดู
ฟูมิเท้าคางมองผลแสกนคลื่นสมองของฮิบิกิที่พุ่งสูงกว่าปกติขึ้นมาหลายช่วงแล้วงึมงำในลำคอกับตนเองอยู่สักพัก จึงถึงค่อยพูดแบบสายตายังไม่ละไปจากหน้าจอ
/อืม–––– ฉันว่าไม่ใช่ผลจากฉันแล้วล่ะ/
สีหน้านิ่งเฉยเริ่มฉายแววเคร่งเครียดฉับพลัน เธอกำลังจะบอกว่าเป็นที่ตัวฮิบิกิเอง?”
/ก็เป็นไปได้/ 
เจ้านั่นไม่ได้ป่วยอะไร
/ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นอาการป่วย/ ฟูมิรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์ ขณะดึงไฟล์ข้อมูลออกมาจากโค้ดที่ตัววุ่นที่เธอเสียเวลาแกะรหัสอยู่นานสองนาน /อ่อ ฉันแกะข้อมูลในโค้ดลับได้แล้ว จะส่งข้อมูลไปให้เดี๋ยวนี้/
ข้อมูลเกี่ยวกับอะไร ยามาโตะท้าวโต๊ะ มองข้อมูลบนจอคอมที่กำลังแสดงผล––––
เป็นหัวข้อข่าว–––––?
พายุปริศนาถล่มสวนสนุกโยโกฮาม่า? และย่านการค้าเกือบห้าสิบสาขา!!!’
ข่าวด่วน พายุถล่มกลางลานสวนสนุกและย่านการค้า ไม่มีผู้รอดชีวิต!!’
พายุประหลาดที่ไม่มีใครทราบที่มา หรือว่านี่คือการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาว?!’
/ผบ. จำคดีเมื่อสิบสองปีที่แล้วได้ไหม/ 
ยามาโตะหรี่ตา คล้ายเห็นเงือนงำบางอย่างที่กำลังโยงใยเข้าหากัน "ปรากฎการณ์ผีเสื้อกระพือปีก**?"
/ถูกต้อง/
หากเป็นข่าวปกติไม่มีทางที่คนอย่างโฮซึอิน ยามาโตะจะเก็บมาสนใจ แต่ไม่ใช่กับข่าวนี้––– มันไม่ใช่การเกิดภัยธรรมชาติธรรมดาๆ อย่างที่รายงานข่าวทั่วไปรู้ แต่มันเกี่ยวกับความผิดพลาดในการอัญเชิญปีศาจครั้งแรกโดยปราศจากม่านคุมพลังของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีการพัฒนาระบบการอัญเชิญจนสามารถเรียกปีศาจได้จนทำให้เกิดเรื่องพรากชีวิตผู้คนไปมากมาย และคนกลุ่มนั้นก็จบชีวิตลงอย่างน่าอนาถในเหตุการณ์นั้นด้วย
สมัยก่อนการอัญเชิญปีศาจถือเป็นเรื่องอันตราย เพราะในอดีตมีทั้งเคสแบบผู้อัญเชิญถูกทำร้าย ไม่สามารถควบคุมปีศาจอัญเชิญได้หรือแม้แต่ถูกกินก็ยังมี และเปอร์เซ็นต์การอัญเชิญผิดพลาดก็มีสูงมากถึง 65% ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดข้อพิพาท และข้อห้ามต่างๆ เกี่ยวกับการอัญเชิญปีศาจ
แม้แต่ตระกูลโฮซึอินที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นแกนนำของผู้อัญเชิญปีศาจ ก็ยังถูกจำกัดความสามารถภายใต้คำว่า ความเสี่ยง เอาไว้นานเกือบร้อยปี JP's ในช่วงนั้นจึงไม่ได้มีบทบาทสำคัญ นอกจากการสร้างเขตแดนป้องกันพลังวิญญาณกับการเป็นสุนัขรับใช้เหล่ารัฐบาล
จนกระทั่งเหตุการณ์เมื่อสิบสองปีก่อนได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
มันเริ่มต้นขึ้นในตอนที่เสียงสัญญาณเตือนภัยร้องเตือนอย่างไม่รู้สาเหตุ JP's พยายามสืบหาความผิดปกติแต่ก็ไร้ความหมาย พวกเขาคิดว่ามันน่าจะเป็นผลมาจากความผิดพลาดของสัญญาณเตือนภัย แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ความผิดปกติก็ยิ่งเด่นชัด ค่าพลังงานและค่าคลื่นความถี่ที่พุ่งสูงเกินกว่าจะเพิกเฉยทำให้ JP’s ต้องรีบส่งคนไปดูลาดเลาที่สวนสนุกโยโกฮาม่า และนั่นคือที่ที่พวกเขาเจอมัน––––––––––––
รอยฉีกขาดของห้วงมิติที่เชื่อมโยงโลกปีศาจกับโลกมนุษย์ขนาดเล็กจิ๋วเท่าหนึ่งฝ่ามือ บิดไขว้กันจนเหมือนกับผีเสื้อสยายปีกและไม่มีวี่แววว่ารอยฉีกขาดจะขยายขนาดขึ้น––––––
โดยปกติ JP’s จะใช้อุปกรณ์ประดิษฐ์ที่จะค่อยๆ ปรับค่าสมดุลให้กับห้วงมิตินั้นๆ เพื่อปิดรอยแยกซึ่งอาจกลายเป็นช่องทางให้ปีศาจเล็ดลอดเข้ามา โดยเครื่องมือนี้จะส่งกระแสคลื่นที่มีความหนาแน่นและความถี่สูงมากดังนั้นหากใช้พลาดไปก็อาจเป็นการทำให้รอยแยกขยายใหญ่ขึ้น ผู้ใช้จึงต้องใช้ความระมัดระวังสูงมาก
ดังนั้นในทีแรกพวกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงแค่รอยแยกขนาดเล็ก ซึ่งไม่มีอำนาจมากพอจะเป็นช่องว่างให้ปีศาจจากต่างมิติเล็ดลอดเข้ามาได้ และไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ประดิษฐ์ สักพักรอยแยกนี้ก็จะหายไปเอง พวกเขาก็โล่งอก
ใช่ จนกระทั่ง–––– มันขยับ–––––––
วินาทีที่ส่วนบิดโค้งเหมือนปีกขยับ พลันอากาศที่หมุนเวียนไปทั่วบริเวณกลับกลายเป็นสงบนิ่งและเคว้งคว้างเหมือนช่วงลมสงบก่อนเกิดพายุ และในวินาทีต่อมาที่ช่วงมิติบิดโค้งขยับอีกครั้ง บังเกิดเป็นพายุไร้เสียงที่มีปีศาจจุอยู่ข้างในนับร้อยตัวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
แค่สิบวินาทีแรก ผู้คนเกือบหนึ่งในห้าของสวนสนุกตายหมด
หากไม่ตายด้วยการพายุไร้เสียง ก็ถูกปีศาจในพายุฆ่า  
เจ้าหน้าที่ JP’s ในตอนนั้นต้องกางม่านพลังวิญญาณเพื่อกักพายุไม่ให้ออกนอกอาณาเขตไว้ ซึ่งนั่นทำให้การเสียหายของพายุไม่ลุกลามออกไปด้านนอก แต่ก็ไม่สามารถกักกันปีศาจในพายุได้ ความเสียหายจากปีศาจได้ลุกลามและก่อให้เกิดโศกนาฏกรรม เวลานั้น JP’s สูญเสียบุคลากรไปเกือบครึ่งพันเพื่อจัดการปีศาจในพายุ
ส่วนห้วงมิติบิดเบี้ยวนั้น จากตามรายงานกล่าวไปว่าหลังจากการกระพือปีกครั้งที่สอง มันก็ได้แตกสลายเป็นสะเก็ดหินเล็กๆ
พวกเขาเรียกปรากฏการณ์นั้นว่า ปรากฏการณ์ผีเสื้อกระพือปีก (Butterfly Effect)
และปรากฏการณ์นี้เองที่กลายมาเป็นรากฐานของการศึกษาใหม่ๆ ของโลกปีศาจอย่างจริงจัง JP’s ที่เมื่อก่อนไม่ได้รับความสำคัญมากมายได้ถูกผลักดันให้พัฒนาตนเองเพื่อรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้ รัฐบาลทุ่มเงินและกำลังทรัพย์เพื่อให้ JP’s ก้าวไปด้านหน้า
แม้จะผ่านไปสิบสองปีแล้ว แต่ก็ยังมีการทำงานวิจัย ศึกษาเศษชิ้นส่วนของห้วงมิติที่แตกสลายเอามาศึกษาอยู่เรื่อยๆ
แต่
แล้วมันเกี่ยวอะไร นี่คือจุดที่ยามาโตะไม่เข้าใจ
/พวกนั้นมีความเกี่ยวข้องยังไงกับปรากฏการณ์ผีเสื้อกระพือปีก ฉันไม่รู้/ ด็อกเตอร์สาวจุดยิ้มเล็กๆ /แต่ถ้าถามว่า คุเสะ ฮิบิกิ เกี่ยวข้องยัง ก็ว่าไปอย่าง/
หมายความว่าไง
/คุเสะ ฮิบิกิ อยู่ที่นั่นเมื่อสิบสองปีก่อน/
กึก
คำตอบของด็อกเตอร์สาวทำให้ผู้บัญชาการสูงสุดของ JP’s ชะงัก ลมหายใจขาดห้วงไปครั้ง ก่อนเค้นถามเสียงเรียบ––––––– และเบาโหวง
เธอมั่นใจ?”
/97%/ ฟูมิดึงข้อมูลภาพข้อมูลขึ้นมา เป็นภาพของเด็กชายอายุเจ็บขวบ ผมดำฟู ดวงตาสีฟ้าใสน่าสะดุดตาที่ถูกนำมาเทียบลักษณะโครงหน้าซึ่งเหมือนกับเจ้าตัวในเวลาปัจจุบันถึง 97 % ตามการคำนวณซึ่งเป็นภาพฮิบิกิวัยเด็กกำลังเดินอยู่กับ––– ใครสักคน ที่ถูกแต่งภาพจนมีลักษณะเลือนราง
ดวงตาสีอเมทิสหรี่ลง ใคร
ดูจากรูปร่างคร่าวๆ คนที่ฮิบิกิอยู่ด้วยในเวลานั้นไม่น่าจะใช่พ่อแม่ของฮิบิกิ หรือเพื่อนสนิทอย่างไดจิ
/ไม่รู้/ ฟูมิพูดต่อ /แต่ดูจากเวลาตรวจตั๋วเข้าชม ฮิบิกิเข้าไปในสวนสนุกตั้งแต่เวลาเวลาเก้าโมงยี่สิบสองนาที––– ส่วนรอบขาออก ไม่มีข้อมูลระบุไว้/
ซึ่งนั่นตีความได้สองอย่างคือ ฮิบิกิได้แอบลอบออกจากส่วนสนุกก่อนเวลาเกิดเหตุ กับ ฮิบิกิไม่ได้ออกจากสวนสนุกและอยู่ในช่วงระหว่างที่เกิดปรากฎการณ์ แต่ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ทำให้ปมคิ้วของยามาโตะขมวดชิดกันขึ้นยิ่งขึ้น ดวงตาทอนิ่งสงบสบประกายไม่พอใจในหลายๆ แง่
มีแต่เรื่องน่าสงสัย และไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม
/ผบ.ฉันว่าตอนนี้เราควรจับตาดู คุเสะ ฮิบิกิ ไว้ก่อนจะดีกว่า/ ยามาโตะเลิกคิ้วไปกับคำถามของคันโนะ ฟูมิ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่เข้าใจกับคำถาม กับอีกส่วนหนึ่ง––––––– คือความไม่พอใจส่วนตัว
ไม่จำเป็น
/แม้ คุเสะ ฮิบิกิ จะเป็นคนทรยศน่ะเหรอ?/
ยามาโตะนิ่ง
เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
ตั้งแต่ฮิบิกิเข้า JP’s มา ฮิบิกิก็ถูกพวกมาโคโตะจับตาดูมาตลอด ยามาโตะรู้แต่ไม่คิดห้าม เพราะแม้ว่าเจ้าหน้าที่ JP’s ทุกคนจะผ่านการ กรองมาแล้ว แต่เพราะความสามารถที่โดดเด่นและสภาพจิตใจที่เข้มแข็งเกินระดับคนธรรมดา ไม่แปลกหรอกถ้าใครหลายๆ คนจะรู้สึกหวาดระแวงในตัวฮิบิกิ
ยิ่งในสถานการณ์ที่อะไรๆ ก็ชี้เป้าไปให้เห็นว่าฮิบิกิมีความเกี่ยวโยงกับเรื่องปรากฏการณ์เมื่อสิบสองปีก่อน และยังเป็นคนที่ทางฝ่ายนั้นกำลังตามตัวอยู่ ฐานะของฮิบิกิเป็นอะไรที่หล่อแหลมนัก
แต่
หมอนั่นเป็นไง ฉันรู้ดี ยามาโตะหันไปมองร่างโปร่งที่กำลังยืนหลับตา ทำสมาธินิ่งๆ ก่อนจะเริ่มทำการอัญเชิญปีศาจอีกอย่างเราไม่มีเวลามากมายขนาดนั้น
ฟูมิที่อยู่อีกฝากยักไหล่นิดๆ /เอางั้นก็ได้/ ดวงตาสีขี้เถ้าของหญิงสาวนิ่งไร้แววไหวสะท้าน
/แต่ไม่ว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่––– คุเสะ ฮิบิกิ เป็นบางสิ่งที่พวกนั้นต้องการไปซะแล้ว––––/
………………………….
………………..
/เริ่มอัญเชิญปีศาจได้ครับ/
ตึกตัก ตึกตัก
ตั้งสมาธิ อยู่กับลมหายใจ ทำใจให้สงบที่สุด
ฮิบิกิบอกกับตัวเองขณะลืมตาขึ้นหลังจากทำสมาธิ เพื่อรักษาสมดุลลมหายใจ เด็กหนุ่มเปิดโทรศัพท์ ยืนมองเมลที่ส่งมาจาก PLAYING GAME ประมาณห้าวินาที ก่อนจะกดตอบรับเพื่ออ่านข้อความซึ่งหากเป็นในเคสคนอื่นๆ จะเป็นการบังคับอัญเชิญปีศาจตนใหม่ แต่
วาบบบบ!
แสงสว่างจุดขึ้นกลางม่านตาพร้อมกับอาการปวดหัวที่พุ่งจี๊ดก่อนจะหายไป ยามลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทัศนียภาพที่ฮิบิกิมองเห็นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทุกอย่างถูกปกคลุมด้วยม่านละอองสีขาวและละอองไอน้ำ––––– ฮิบิกิจึงตระหนักได้ว่าเขากำลังยืนอยู่กลาง หมอก
เด็กหนุ่มกะพริบตางุนงง
ไม่เห็นตรงตามที่ยามาโตะบอกแฮะ––– แต่––– ก็ประมาทไม่ได้
ฮิบิกิยืนนิ่งอยู่สักพัก เห็นกลุ่มไอน้ำหนึ่งลอยอ้อยอิ่งก็ใช้มือปัดออก ตอนนั้นเองที่สายตาฮิบิกิไปสะดุดอยู่กับเงาทะมึนห่างไปประมาณห้าเมตร มือยกโทรศัพท์ขึ้นเตรียมตัวไว้ เฝ้ารออย่างใจเย็น เพียงไม่กี่วินาทีหมอกหนาค่อยๆ จางลง เผยมุมภาพให้ชัดเจนจนเห็นตัวตนของเงาทะมึนนั้น คนมองใจจดใจจ่อก็ถึงกับงงไปหลายวิในสิ่งที่เห็น
หืม?
เก้าอี้–––?
สิ่งที่วางอยู่ตรงนั้นคือเก้าอี้ไม้ธรรมดาๆ คล้ายกับเก้าอี้ในสมัยตอนเด็กๆ
ฮิบิกิลูบคาง ขณะเดินเข้าไปใกล้ ยืนพิจารณาอีกประมาณครึ่งนาทีก็ลองจับเก้าอี้หมุนไปมา เดินวนประมาณสามรอบจนเริ่มมึนหัว ก็ยังไม่เห็นสิ่งผิดปกติอะไร พอลองนั่งดู–––– ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น 
––––มันยังไงกันแน่นะ
ฮิบิกิจับขอบเก้าอี้เตรียมลุกขึ้นหากไม่ใช่เพราะ น้ำหนัก ที่ทิ้งมาด้านหลัง เด็กหนุ่มแข็งค้าง หางตาเห็นปลายผมสีน้ำตาลไหม้เหมือนกับที่เคยเห็นในคลิป PLAYING GAME จากด้านหลัง เลยดูเหมือนพวกเขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สองตัวที่หันหลังชนกันอยู่
ก็ไม่ไง
โทนเสียงแบบนี้––– เขาจำเสียงนี้ได้ขึ้นใจ
“L เหรอ?!” ฮิบิกิหันควับ เตรียมจู่โจม แต่เมื่อหันกลับไป กลับเจอแต่ความว่างเปล่า
เปล่าประโยชน์น่า เสียงขี้เล่นดังขึ้นจากความว่างเปล่า ถึงนายจะได้ยินเสียงฉัน แต่ฉันกับนายก็อยู่กันคนละที่ เราไม่มีสิทธิ์ได้เจอหน้ากัน––– ในตอนนี้––––น้ำเสียงนุ่มๆ กล่าวอย่างสบายใจ เหมือนกำลังพูดว่าเช้านี้อากาศดีจัง นั่งอยู่เฉยๆ จะได้ไม่เปลืองแรงนา อ่อ แล้วก็หายห่วงได้ ที่นี่ไม่มีปีศาจออกมาจู่โจมนายหรอก
เพราะอะไร?
เพราะที่นี่คือ ความฝัน’” คำตอบที่ไม่ทำให้ฮิบิกิเข้าใจขึ้น มีแต่จะหวาดระแวง  
นายอยู่ที่ไหน
ไม่บอกหรอก
นายทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร
ไม่รู้สิคำตอบนั้นทำให้ฮิบิกิเบิกตากว้างฉันมีเป้าหมายของฉัน แต่ถ้าถามว่าทำไปเพื่ออะไร... ก็ไม่รู้เหมือนกัน
ไม่รู้งั้นเรอะ!” ความโกรธก็เปรียบไฟแผดเผา นี่เป็นครั้งแรกที่ฮิบิกิเข้าใจคำพูดนี้ มีคนบริสุทธิ์มากมายต้องตายเพราะนาย! มีคนมากมายต้องต่อสู้เพี่อชีวิตของพวกเขาและคนอื่น แล้วนายที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้กลับบอกว่าไม่รู้เรื่อง!”
ทุกๆ คน ทั้งไดจิ นิโอะ ยามาโตะและเขา ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ด้วยเหตุผลคือ ไม่รู้’ ?!!
ก็ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ นี่นา
เด็กหนุ่มผมน้ำตาลแดงไหม้ยิ้มบาง ฉันถูกเลี้ยงมาในฐานะเครื่องมือทางธุรกิจ ตอนเด็กๆ ฉันไม่เคยได้ออกไปไหน วันๆ ถ้าไม่นั่งเขียนโปรแกรมกระจอกๆ ที่เจ้าพวกนั้นมันปลาบปลื้ม เรียกฉันว่าอัจฉริยะๆ ก็อ่านหนังสือ... ลองคิดดูสิ ฉันอายุเจ็ดขวบก็อ่านหนังสือของพวกนักศึกษาระดับปริญญาเอกเข้าใจแล้ว เป็นไง สุดยอดใช่ไหมหละคนฟังนิ่งอึ้งไปแล้ว แต่คนพูดกลับเล่าเรื่องตนเองต่อ
ฉันไม่เคยไปโรงเรียน ไม่มีเพื่อน อืม... เหมือนกับเด็กตระกูลโฮซึอินของนายนั่นแหละพลันดวงตาสีน้ำตาลไหม้เปิดขึ้น แต่... ท้ายที่สุดแล้ว ฉันกับเขาก็ต่างกัน
ข้อแตกต่างเพียงข้อเดียว... แต่กลับทำให้พวกเขาต่างกันราวฟ้ากับเหว
เด็กหนุ่มแค่นยิ้มเฝื่อน และพึมพำเสียงเบา
บางทีนี่อาจจะเป็นการเล่นตลกก็ได้
“…หมายความว่าไงแม้จะไม่เข้าใจคำพูดนั้น แต่ฮิบิกิกลับรู้สึกเหมือนมันมีความหมายแฝงอยู่
ก็หมายความว่า... ห้าโมงเย็นของวันนี้ มาเจอกันที่สวนสนุกMหน่อยสิ แล้วนายจะรู้เรื่องทั้งหมดเองน้ำหนักด้านหลังหายไปแล้ว เช่นเดียวกับผมสีแดงไหม้ที่หางตาที่หายไป แต่ฮิบิกิก็ได้เสียงแว่วสุดท้ายก่อนที่โลกทั้งใบจะกลายเป็นสีขาว
อ่อ พาเด็กโฮซึอินมาด้วย ขอให้มากันแค่สองคนพอนะ ไม่งั้นจะไม่ให้ของสำคัญคืน
ดวงตาสีฟ้าใสทอประกายฉงน
ของสำคัญ...? หมายถึงอะไร
ท่ามกลางความสับสน ความไม่ใจ และตะกอนความสงสัยที่เพิ่มพูน ดวงตาสีฟ้าใสก็เปิดขึ้น สู่ โลกแห่งความเป็นจริง
………………………….
………………..
ตี๊ด––– ตี๊ด––––––––––––––––––––––––––
สัญญาณเชื่อมต่อเสถียร แต่–––––สีหน้าของเจ้าหน้าที่ JP’s หลายคนกลายเป็นความสับสน
แปลก ทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างการเชื่อมต่อเลยวงเวทย์อัญเชิญก็ปรากฏขึ้นมาสักพักใหญ่ แต่กลับไม่มีปีศาจอัญเชิญออกมาจากวงเวทย์อย่างที่มันควรจะเป็น
มีสัญญาณการอัญเชิญ แต่ไม่มีอะไรออกมา เป็นความผิดพลาดของระบบรึเปล่า
ไม่รู้สิ ลองติดต่อคุณฮิบิกิที
เราลองติดต่อเขาไปหลายรอบแล้ว แต่เขาไม่ตอบ
มันแปลกนะ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า
ตำแหน่งวงเวทย์มันผิดปกติ คำพูดของยามาโตะที่กอดอกดูสถานการณ์เงียบๆ มาตลอดทำให้เจ้าหน้าที่หลายคนฉุกคิด
คุณสมบัติของวงเวทย์อัญเชิญที่ใช้อัญเชิญปีศาจของแต่ละคนจะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป โดยทุกครั้งที่ทำการอัญเชิญ วงเวทย์อัญเชิญจะอยู่ห่างจากผู้อัญเชิญในระยะไม่เกิน 10 เมตรเท่านั้น
แต่ในกรณีของฮิบิกิแตกต่างออกไป นั่นไม่ใช่เพราะวงเวทย์อัญเชิญของฮิบิกิอยู่ห่างเกินระยะกำหนด แต่เพราะฮิบิกิกำลังยืนอยู่กลางวงเวทย์อัญเชิญราวกับปีศาจที่โดนอัญเชิญเสียเอง!
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนก ยามาโตะก็แย่งตัวควบคุมเสียงจากเจ้าหน้าที่มา ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเคร่งเครียดแตกต่างจากทุกครั้ง
คุเสะ ฮิบิกิ ได้ยินที่ฉันพูดไหม
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจากอีกฝ่าย
ไม่แม้แต่ลังเล โฮซึอิน ยามาโตะ เดินออกจากห้องควบคุมและตรงดิ่งไปยังห้องฝึกแบบไม่รอให้ใครมาห้าม
ผบ. ครับ เข้าไปแบบนั้นมันอันตรายนะครับ!”
ไม่ต้องสนฉัน เตรียมเปิดประตูได้
แต่–––
นี่เป็นคำสั่ง ยามาโตะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้า ดวงตาสีอเมทิสนิ่งงันและเย็นเยียบดุจห้วงน้ำแข็ง โทรศัพท์ในมือถูกคว้าออกมาเตรียมใช้ในการปะทะ เปิดประตูเดี๋ยวนี้
ประตูเลื่อนเปิดตามคำสั่ง ทว่าก่อนที่ยามาโตะจะก้าวเข้าไป วงเวทย์ที่อยู่ใต้เท้าของฮิบิกิกลับสลายเป็นไอน้ำกระจายออกไปทุกทิศ ร่างสูงยกมือขึ้นกันไอน้ำและเมื่อเปิดตา เขาก็เห็นร่างที่ยืนหลับตาสงบอยู่กลางห้องยืนนิ่ง
ยามาโตะไม่ได้เดินเข้าไป เขามองฮิบิกิอยู่นิ่งๆ ปราศจากคำพูด ก่อนปมคิ้วขมวดมุ่นจะคลายลงเมื่อเห็นคนตรงหน้าผ่อนลมหายใจผ่านริมฝีปาก
ฮิบิกิได้สติกลับมาแล้ว–––––––
ความคิดนี้ทำให้เขาโล่งใจ
ทว่าก่อนที่ยามาโตะจะได้เอ่ยอะไร “–––ยามาโตะศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมหยักศกหันมาทางเขา ด้วยดวงตาสีฟ้าใสที่เปิดขึ้นอย่างจริงจัง
เรามีเรื่องต้องคุยกัน

.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
03.19 AM
แสงจันทร์เย็นเยือกสาดมาจากด้านนอก กลิ่นสารเคมีลอยคลุ้งในห้องปฐมพยาบาล ความเงียบปกคลุมหลังจากที่เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดในห้องฝึกหลุดจากปากฮิบิกิ พวกเขาสองคนไม่มีใครพูดอะไรเลย จนกระทั่งคนรับบทปฐมพยาบาลทำงานเสร็จ ดวงตาสีฟ้าใสเงยขึ้นสบกับคนที่มองตนอยู่ก่อนแล้ว
นายจะไปมั้ย
ไม่เห็นต้องถาม ยามาโตะคว้าเสื้อคลุมมาใส่ และลุกขึ้น
ฉันไม่อยากให้นายไปคำพูดของฮิบิกิที่นั่งเก็บอุปกรณ์ทำแผลอยู่ทำให้คนที่กำลังเดินออกจากห้องหยุดฝีเท้า
ใบหน้าคมคายผินมามองคนด้านหลัง ฉันจะไปกับนายได้ยินคำขาดของยามาโตะ ฮิบิกิก็พยักหน้ารับนิดๆ แม้จะรู้สึกกังวลกับบาดแผลของยามาโตะ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขามีทางเลือกไม่มากนัก
จะว่าไปแล้ว...
นี่ ยามาโตะ
ว่า
พวกนั้นเอาอะไรไปจากนายรึเปล่า
พาเด็กโฮซึอินมาด้วย ขอให้มากันแค่สองคนพอนะ ไม่งั้นจะไม่ให้ของสำคัญคืน
คำพูดนั้นหมายความว่าไงกัน
ดวงตาสีอเมทิสทอดนิ่ง ไม่มี
แน่ใจ?
...แน่ยามาโตะตอบ แต่ในหัวกลับไพล่คิดถึงบทสนทนาก่อนจะวางสายของตนกับด็อกเตอร์สาว
/อิโอะ นิตตะโดนจับตัวไป/ ข้อมูลที่เพิ่งรู้ทำให้ดวงตาสีอเมทิสขยายขึ้นเล็กน้อยเพียงชั่ววินาที
เมื่อไหร่
/ก่อนการโจมตีฐานบัญชาการหลัก/ ฟูมิวิเคราะห์ /อาจถูกจับไว้เป็นตัวประกันต่อรองก็ได้/
รู้แล้ว
/แล้วจะบอกเรื่องนี้กับ เขา รึเปล่า/
ในตอนนั้นยามาโตะไม่ได้ตอบฟูมิไป แต่ใครจะไปรู้ว่าไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงต่อมา ตนจะต้องมาตอบคำถามแบบเดียวกันกับฮิบิกิ ยามสบลึกเข้าไปในดวงตาที่มองมาที่ตนอย่างคาดหมายในบางสิ่ง ยามาโตะก็เบือนหน้าไปอีกทาง
หยุดถามเรื่องไร้สาระ––– นายไปพักซะ
แล้วนายล่ะ
ฉันพักมาพอแล้ว
นายเป็นอะไรไป ยามาโตะ ดวงตาสีฟ้าใสมองมาอย่างนึกห่วงเมื่อเห็นร่างสูงที่มักชอบต่อปากต่อคำกับเขาดูเคร่งเครียดแปลกๆ
เปล่า––”
ฮิบิกิมีความเกี่ยวพันธ์กับเหตุการณ์เมื่อสิบสองปีที่แล้วรึเปล่า––– เขาไม่รู้–––––
แต่ดวงตาสีฟ้าใสที่มองมาที่เขาอย่างเป็นกังวล ความห่วงใยที่สัมผัสได้ครั้งนี้กลับทำให้หัวใจยามาโตะบีบรัดอย่างน่าอึดอัด จนเผลอขมวดคิ้ว
ยามาโตะไม่ชอบความรู้สึกนี้ มันเหมือนกับเป็นความรู้สึกของคนที่ถูกไล่ต้อนจนจนมุม แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเขาพาตนเองเข้ามาอยู่ในสถานการณ์นี้เอง
ดวงตาสีอเมทิสมองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าใสอย่างครุ่นคิด
ถ้านายรู้ว่าคนสำคัญของนายโดนจับตัวไป นายจะยังเป็นนายที่ยืนอยู่ตรงนี้ได้ไหม
สำหรับคำถามนี้ ยามาโตะมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว เพราะงั้นเขาจะยังบอกเรื่องนี้กับฮิบิกิไม่ได้เด็ดขาด
เพราะเธอคนนั้นคือ นิตตะ อิโอะ คนที่ทำให้ฮิบิกิต้องกระชากคอเสื้อเขา บอกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวและแววตาที่ส่องวาวอย่างท้าทาย
ฉันจะปกป้องเธอ นั่นคือคำสัญญาที่ฉันให้กับเธอ
...ฉันไม่เป็นไร
เขาจะจัดการเรื่องนี้เอง



TBC.
* ซากิ: (sagi): นกกระสา
** ปรากฏการณ์ผีเสื้อกระพือปีก (Butterfly Effect)
อ้างถึงทฤษฎีโกลาหล (Chaos Theory) กล่าวถึง ตัวแปรเล็กน้อยที่เป็นเงื่อนไขแรกของระบบที่เชื่อมโยงกันเป็นทอดๆ ส่งผลต่อตัวแปรขนาดใหญ่ในพฤติกรรมระยะยาวของระบบได้

‘s Talk
สวัสดีฮะ ร่มหายไปนานมากๆๆๆ ตอนนี้สอบเสร็จแล้วนะฮะ (ไชโย)
ในที่สุดก็ได้กลับมาหาท่านมังกรกับท่านกระต่ายซะที (น้ำตาจะไหล)
แต่ครอสเรียน summer ก็เริ่มแล้วเหมือนกัน T^T (น้ำตาไหลจริง)
แต่ไม่เป็นไรฮะ เพราะร่มจะมาอัพให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้
(เรียนไม่ค่อยหนัก แค่การบ้านยุ่งเฉยๆ (ฮ่าๆ))
ตอนต่อไปนี้จะพยายามปั่นให้ทันเดือนหน้านะฮะ  
เนื้อเรื่องตอนนี้กำลังเข้มข้นมาก (แต่งยากมาก)
โดยเฉพาะตอนหน้าที่เนื้อเรื่องจะเริ่มการขมวดปม แต่ก็ต้องเจอปัญหาที่ใหญ่ขึ้น
(เอิ่ม นี่เขาเรียกว่าขมวดปมจริงๆ เหรอ?)

ทิ้งท้าย:
เหลืออีก 4 ตอนก็จบแล้วนะฮะทุกท่าน
[แต่เนื่องจากแต่งเฉพาะตอนจบเสร็จ(ไว้นาน)แล้ว
นั่นหมายความว่าร่มเหลือแค่ปั่นอีก 3 ตอน
ก็ถึงคราวอวสานเรื่องนี้แล้วฮะ
ฮือออ ใจหายจังฮะ แต่งเองก็ไม่อยากให้จบเอง]

ไว้เจอกันตอนหน้า #Friday of Playing 2 
An Umbrella


6 comments:

  1. ทิ้งช่วงนานจนชักลืมเนื้อเรื่อง 555
    ยามาโตะนี่แอบห่วงฮิบิกินะเนี่ย~

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณที่อัพนะค้าาาา>< รอนานมากจริงๆ555 เเต่ก้คุ้มค่ากับที่รอค่ะ
    ยามาโตะห่วงฮิบิกิมากอ่าาาา~~อยากอ่านตอนต่อไปมากเลยค่ะ สู้ๆนะคะ

    ReplyDelete
  3. รอฉันรอเธออยู่~

    ReplyDelete
  4. อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ้าาาาาาาาาา

    ReplyDelete
  5. รออยู่นะคะ💖

    ReplyDelete
  6. จะรอนะคะ เรื่องสนุกมากๆเลย นานแค่ไหนก็จะรอค่ะ

    ReplyDelete