+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+...+..+..+..+.
②
火曜日
Tuesday
of Disorder
“อื้มม”
คันโนะ ฟุมิ เปิดตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ
หลังเผลองีบหลับไประหว่างนั่งทำงานสี่ชั่วโมงเต็ม หญิงสาวผงกหัวหนักอึ้ง
อ้าปากหาวกว้าง ดวงตาเฉยชาจับจ้องข้อมูลที่ปรากฏผล
สลับกับข่าวรถบรรทุกกลิ้งกวาดถนนซึ่งเป็นข่าวถ่ายทอดสดไปทั่วทั้งประเทศ
ประตูอัตโนมัติเปิด พร้อมร่างของซาโกะ มาโคโตะ “ฟูมิ เธอเห็นแล้วใช่ไหม----”
“อืม”
ปลายนิ้วละเลงไปบนแป้นพิมพ์อย่างไม่ทุกร้อน แม้ไม่กี่วินาทีก่อนเธอจะเห็นภาพชัดๆ
ของ คุเสะ ฮิบิกิที่โดนคอนเทนเนอร์สีขาวทับไปต่อหน้าต่อตา “ก็ไม่เห็นมีปัญญาหาอะไร เด็กนั่นสวมเสื้อฮู้ดอยู่
แถมกล้องวงจรปิดที่อยู่บริเวณนั้นก็ถูกคลื่นสัญญาณพิเศษของทางเรารบกวนจนจับภาพไม่ชัด
ถึงจะมีภาพหลุดในทีวีบ้าง
แต่แค่ตัดแต่งภาพนิดหน่อยก็ไม่เห็นจะยุ่งยาก ซาก็อดจิไม่ต้องกังวลหรอก”
“เปล่า------- ฉันไม่ได้กังวลเรื่องนั้น”
ไม่ใช่เรื่องที่ข้อมูลของ
JP's อาจแพร่งพราย
สิ่งที่เธอห่วงคือ คุเสะ ฮิบิกิ' ต่างหาก
คันโนะ ฟุมิตวัดตาขึ้นมองคนข้างกาย ก่อนหันกลับมาสนใจรายละเอียดในคอมต่อ “ซาก็อดจิ
ไม่จำเป็นต้องห่วงเด็กคนนั้นหรอก” ด็อกเตอร์สาวคลี่ยิ้มเย็น
ดวงตาเฝ้ามองราวกับกำลังมองเรื่องสนุกบางอย่าง
“เพราะดูเหมือน คุเสะ ฮิบิกิ จะเริ่มใช้ ‘มัน’ ไปแล้วล่ะ”
.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
แสงสีขาวเจิดจ้าพร้อมเสียงกู่ร้องของพยัคฆ์คำรามดังสนั่นดับทุกสรรพเสียงในโลก
แสงสว่างทบทวี กลืนกินทุกทัศนียภาพอยู่หลายอึดใจ
ก่อนภาพที่เห็นต่อมาจะเป็นภาพของกลุ่มควันฟุ้งกระจาย
ละอองเถ้าลอยกรุ่นเป็นเศษละอองเล็กละอองน้อยกลางอากาศ
แสงอาทิตย์เยื้องจากเบื้องบนสาดลงมากระทบเม็ดฝุ่นแต่ละเม็ด ชวนให้หวนนึกถึงภาพวาดในความฝัน
ที่นี่------------ ที่ไหน?
‘นามิ เซริกะ’ กวาดตามองรอบกาย ด้วยความสับสน
รู้สึกมึนเบลอไปหมด หูก็ดับอื้อไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
ครั้นตั้งสติได้ เด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มปล่อยยาวสยายพยายามนั่งขดตัวให้เล็กที่สุด หันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวังแต่ทิวทัศน์ที่ถูกบดบังด้วยฝุ่นละอองเล็กๆ
เธอไม่สามารถมองไปไกลได้เกินระยะสามเมตร สัมผัสขรุขระสีดำใต้ฝ่ามือทำให้เธอมั่นใจว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนถนน
เมื่อกี้-------
ไม่ใช่ว่าเธอโดนรถบรรทุกกลิ้งมาทับหรอกหรือ?
หญิงสาวตัวสั่น พูดตะกุกตะกัก “ทะ ทำไมฉัน”
“ไม่บาดเจ็บใช่ไหมครับ”
เซริกะช้อนหน้าขึ้น มองเด็กผู้ชายสวมชุดคลุม ทับด้วยคลุมฮู้ดหูกระต่ายสีดำกำลังยื่นมือมา “เร็วเข้า อยู่ตรงนี้ไม่ปลอดภัย”
“ฉะ ฉะ ฉันอยู่ที่-----?” เซริกะส่งมือสั่นเทาของตนไปให้
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอถูกดึงให้ลุกขึ้นยืนตั้งแต่เมื่อไหร่
“เรายังอยู่บนทางม้าลาย”
เด็กผู้ชายตรงหน้าเธอตอบอย่างใจเย็น
น้ำเสียงของเขาช่วยให้เธอรู้สึกผ่อนคลายลงอย่างน่าอัศจรรย์ “เดินไหวไหม
ฉันว่าเราต้องรีบแล้ว”
“ระ- รีบ---?”
เซริกะมองรอบกายอีกครั้ง พลันดวงตาคู่โตเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้เห็น ม่านเถ้าและฝุ่นคลี่คลายลง
เผยเส้นทางบนท้องถนนที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน
ก็เห็นแต่รถราคันเล็กคันน้อยเคลื่อนพุ่งชนกัน ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวตลอดเส้นทาง สภาพการจราจรตกอยู่ในความโกลาหลที่ไม่แก้ไข
เสียงกรีดร้องของผู้คนมีอยู่ทุกหนแห่ง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!
“ระวัง!”
เด็กหนุ่มกระชากแขนเธอให้หลบมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งที่พุ่งเข้ามา และเลยไปชนกับกระบะเสียชีวิตทันที เธอชักหน้าซีด “รีบหนีเข้าไปในตึกก่อน อย่าออกมาโดยเด็ดขาด”
“ขะ เข้าใจแล้ว”
เซริกะพยักหน้าทั้งตัวสั่นเทาด้วยความกลัวตาย
เธอวิ่งเข้าไปหลบในตึกที่อยู่ใกล้ที่สุด
และเมื่อเธอหันกลับมาเด็กหนุ่มในเสื้อคลุมฮู้ดหูกระต่ายคนนั้นก็หายไปเสียแล้ว
.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
“แฮ่กๆ”
หลังช่วยเด็กผู้หญิงเอาไว้ได้
ฮิบิกิเดินหลบเข้ามาในตรอกร้างแห่งหนึ่ง ท้าวแขนลงกับกำแพง
ความเหนื่อยล้าที่พยายามซุกซ่อนมันไว้ในคราวแรกไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป
เด็กหนุ่มหอบหายใจถี่ อ่อนเรี่ยวแรงอย่างมากกับการสูญเสียพลังไปมหาศาลโดยรวดเดียว
ดวงตาสีฟ้าหรี่ลง มองมือตนเองอย่างครุ่นคิด
พลังเมื่อกี้--------? มันอะไรกัน------------------------?
ชั่ววินาทีแห่งความเป็นและความตาย
ฮิบิกิรู้ว่าต่อให้เรียกเบี๊ยกโกะออกมาก็คงไม่ทันการ
ทว่าก่อนที่เขาจะใช้ชัคโค แอปอัญเชิญปีศาจของ JP’s ที่ถูกดัดแปลงใหม่ก็เริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ
ทันทีที่ล่วงรู้ได้ว่าแอปกำลังได้ถูกเปิดใช้งาน
เทพอสูรอัญเชิญที่ฮิบิกินึกถึงเป็นตนแรกคือ
เบี๊ยกโกะ
ทว่าสิ่งที่ออกมากลับไม่ใช่ตัวเบี๊ยกโกะ----------
แต่เป็น 'พลังของเบี๊ยกโกะ’------------------------ ที่วิ่งไหลผ่านจากปลายนิ้วสู่ร่างกาย
เหมือนตอนที่ใช้นิไกอา คลื่นพลังสีฟ้าส่องระเรืองเชื่อมโยงความรู้สึกนึกคิดระหว่างปีศาจกับผู้ใช้ราวกับโดนทับซ้อนให้เป็นหนึ่งเดียว
เวลาเพียงเสี้ยววินาที หากเป็นเหมือนชั่วนิรันดร์
อะไรบางอย่างที่ฮิบิกิไม่เข้าใจ บางทีมันอาจเป็นการตอบสนองของฮิบิกิ หรือบางทีมันอาจจะเป็นสัญชาตญาณของเบี๊ยกโกะที่สั่งให้เด็กหนุ่มวาดมือออกไปเบื้องหน้า ทันใดนั้น อำนาจที่ไม่ต่างจากกรงเล็บของพยัคฆ์ขาวก็พุ่งเข้าใส่คอนเทนเนอร์ ภาพของคอนเทนเนอร์หนักหลายตันแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
กระจายเป็นเถ้าผงกลางอากาศคือสิ่งที่ติดตาฮิบิกิ
ฮิบิกิผ่อนลมหายใจ
เขาเพิ่งช่วยชีวิตคนด้วยพลังที่เขาใช้จากแอปอัญเชิญแบบใหม่-----------
ที่---------- เหนือความคาดหมายของเขาไปไกลสุดกู่สุดๆ
ฮิบิกิตระหนักถึงคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
การที่ คันโนะ ฟุมิ ให้โทรศัพท์คืนมาโดยไม่มีคำพูดกล่าวทิ้งท้ายหรือคำเตือนใดๆ------- อาจเพื่อไม่ให้เขาตั้งรับรูปการใช้แบบใหม่ทันที
เพื่อจะได้ง่ายต่อการ 'บันทึกผล'-----------------------------------------------------
--------------หรือว่าเขาโดนใช้เป็นหนูทดลอง-----------------?
หากข้อสงสัยของฮิบิกิต้องถูกพับเก็บไพิปสูจน์ในคราวหน้า
เมื่อปากกระบอกปืนกดแนบหลังท้ายทอยซึ่งถูกคลุมไว้ด้วยฮู้ดหูกระต่าย
เสียงติดขี้เล่นดังมาจากเบื้องหลัง ชวนให้รู้สึกตึงเครียดมากกว่าจะสนุกสนาน
“หยุดอยู่นิ่งๆ และตามเรามาซะ คุเสะ ฮิบิกิ”
.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
ตี๊ด--------------! ซ่า------------------------------------------!
“ทะ ทางเราขาดการติดต่อกับ คุเสะ ฮิบิกิ ไปแล้วค่ะ!”
“กล้องวงจรปิดที่อยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมดใช้การไม่ได้ครับ!”
“ได้ส่งกำลังเสริมไปบริเวณนั้นแล้วครับ คาดว่าในอีกสองนาทีจะถึงที่หมาย”
“ให้ไว” ยามาโตะยืนกอดอก
ท่าทีเยือกเย็น ปราศจากความตื่นตระหนก จน ซาโกะ มาโคโตะ
ที่พยายามคุมสถานการณ์ชักนิ่งไม่อยู่เสียเอง
เจ้าหน้าที่ JP’s คนหนึ่งตะโกนบอก
“ตรวจพบร่องรอยคลื่น DATA
ของแอปอัญเชิญค่ะ!”
“ของฮิบิกิหรือ”
“ค่ะ-------- แต่เป็นรูปแบบพลังที่แตกต่างจากของเดิม-------------” เจ้าหน้าที่สาวกระสับกระส่าย
เธอชักไม่มั่นใจเสียแล้วว่าข้อมูลที่ตนได้มาคือสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่
โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ที่กำลังพลหลักอย่าง คุเสะ ฮิบิกิ กลับขาดการติดต่อไปแบบนี้ การรายงานข้อมูลผิดพลาด อาจทำให้สถานการณ์ตอนนี้แย่ลง “---นอกจากนี้
ยังมีรูปแบบของคลื่นแทรกแซง------”
“ฉันถามว่ารูปแบบพลังนั่นคือของ คุเสะ ฮิบิกิ รึเปล่า”
แรงกดดันของสถานการณ์ที่เพิ่มขึ้น ไหนจะสายตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง พาให้เจ้าหน้าที่สาวคิดอะไรไม่ออก ลนลานจนทำอะไรไม่ถูก
“เอ่อ คือว่า”
“อ่อ นั่นน่ะหรือ”
เสียงช่วยชีวิตดังมาจากทางด้านหลัง ร่างระหงของด็อกเตอร์สาวในชุดกี่เพ้าสีขาวเยื้องกายเข้ามาอย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆ "นั่นเป็นคลื่นของ คุเสะ ฮิบิกิ ฉันรับรองได้"
ฟูมิท้าวมือลงกับเสากั้นข้างๆ ยามาโตะ สายตากวาดมองตัวเลขสลับกับภาพบนจอ
ก่อนฉีกยิ้มสมใจ “ผลออกมาไม่เลว--------
น่าสนใจจริงๆ”
ยามาโตะหรี่ตา
มองรอยยิ้มแฝงเล่ห์นัยของคุโนะ ฟุมิ แล้วพอเดาเรื่องราวได้คร่าวๆ
"ฝีมือเธองั้นเหรอ"
คันโนะ
ฟูมิยักไหล่หน่อยๆ "แค่ทดลองอะไรเล่นนิดหน่อย"
"ทดลองอะไร"
ทว่าก่อนที่ยามาโตะจะได้คำตอบ เสียงเจ้าหน้าที่จากด้านล่างแทรกขึ้น
"ท่านผบ.
ครับ!"
"มีอะไร"
"สามนาทีก่อนหน้านั้น
มีร่องรอยของการใช้แอป DATA
ที่มีรูปแบบแตกต่างจากทางเราครับ-------- เป็น DATA ที่มีลักษณะแบบเดียวกับกลุ่มคนที่เราทำการปะทะถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์"
“แสดงว่าเจ้าพวกนั้นรู้ว่าฮิบิกิจะไปที่นั่นตั้งแต่แรกสินะ” ยามาโมโตะวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็น
ข้อมูลที่ฮิบิกิรู้มา----
น่าจะเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับทางนั้น ไม่งั้นคงไม่โดนเล่นงาน กลางวันแสกๆ แบบนี้แน่------
เอาตัวเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยากจนได้
“ตรวจพบอะไรอีกบ้าง”
“มีร่องรอยการเคลื่อนที่ไปทิศตะวันตกค่ะ”
"มีความเป็นไปได้สูงที่ศัตรูจะเล่นงานเขตแดนป้องกันของชินจูกุอย่างที่เราคาดเดาไว้"
ลูกศรในจอภาพแสดงถึงช่วงบริเวณที่น่าจะเกิดการโจมตี
ยามาโตะสั่งการ “ส่งเจ้าหน้าที่ของสาขาชินจูกุไปสกัดทางพวกมันก่อน จับกลับมาให้ได้ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหน”
“รับทราบ”
สิ้นคำสั่งของยามาโตะ
มาโคโตะเร่งออกคำสั่งเพิ่มเติม ป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด “ส่งทางเราไปที่หอคอยสาขาชินจูกุ
เพิ่มกำลังป้องกันของหอคอยในเขตชินจูกุเป็นสองเท่-----”
หากคำสั่งของหญิงสาวกลับถูกเสียงด้านบนขัดขึ้นมา
“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น”
“ทำไมละคะ” มาโคโตะถามยามาโตะอย่างไม่เข้าใจ “อย่างนี้
อาจเข้าตามแผนการของศัตรูนะคะ”
การส่งกำลังเสริมที่อยู่ในละแวกนั้นออกไป ถือเป็นตัวเลือกที่สะดวกต่อการเคลื่อนไหว
แต่ในทางกลับกัน กำลังป้องกันในหอคอยก็จะลดลง เปิดจังหวะให้ศัตรูลอบเข้ามาทำลายระบบภายในได้ง่ายๆ
“เราต้องรอให้มันเข้าใกล้กว่านี้--------”
เสียงราบเรียบหากทรงอำนาจดังกังวานในห้องกว้าง
คำพูดที่เอ่ยออกมาทำให้ใครหลายๆ
คนระงับอาการสั่นแทบไม่ไหวเพราะความหวาดกลัวต่อตัวตนที่ยืนอยู่จุดสูงสุด
“แล้วค่อยดับลมหายใจของมัน”
.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
แม้จะเป็นเวลากลางวันที่มีเมฆปกคลุมบางส่วน
แดดในฤดูร้อนของวันนี้ก็ไม่ร้อนจัดมากจนแสบร้อน
บ้านหลายหลังตามชานเมืองเริ่มคลี่ม่านรับแสงแดด
แต่ในห้องปรับอากาศในอาคารสูงที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางความศิวิไลกลับยังคงถูกความมืดโอบกอดไว้อย่างเยือกเย็น ความเงียบชวนน่าอึดอัดถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะแฝงเจตนาร้าย
“เจ้าพวก
JP’s หน้าโง่” เสียงหนึ่งดังในความมืด
รอยยิ้มแสยะกว้างกระหยิ่มใจกับแผนการต่อไป “คงกำลังคิดล่ะสิว่าตนเป็นเพียงองค์กรเดียวในโลกที่สามารถใช้แอปอัญเชิญปีศาจได้-----
หึๆ พวกแกคิดผิดแล้ว” เสียงหัวเราะที่หากเป็นคนอื่นๆ
คงรู้สึกขยะแขยงผู้ชายคนนี้สุดใจ แต่สำหรับเขา--------
เฮ้อ
เอียนเสียงหัวเราะทุเรศๆ ของพวกตัวร้ายจะแย่อยู่แล้ว
คิดในใจด้วยอารมณ์หน่ายสุดขีด ปลายนิ้วพร่างพรมไปบนคีย์บอร์ดรวดเร็ว
แม้ตาใต้กรอบแว่นจะใกล้ปรือปิดเต็มที -------
-------ก็ไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้วนี่เน่อะ
------------ ไม่สิ อันที่จริง
การนอนมากหรือการน้อยน้อยมันใช่ปัญหาสำหรับเขาที่ไหนกัน----?
‘การไม่มีแรงจูงใจเพียงพอ[1] [2] '
ต่างหากที่ทำให้เขาไม่อยากตื่นมาเจอโลกซ้ำๆ ซากๆ พรรค์นี้อีก----------------------------------------
วิ๊ง------------!
-ฉุกเฉินๆ จ้า-
เซเลอร์มูนขนาดจิบิ
โปรแกรมเตือนภัยขั้นสุดยอดที่เด็กหนุ่มเป็นคนคิดค้นกำลังหมุนกายติ้วๆ แปลงร่างชูสองนิ้วที่แถบด้านล่างของจอคอมพิวเตอร์
-----------เป็นอะไรที่โมเอะสุดๆ ไปเลย
"มีอะไรเหรอ เซเลอร์จัง ฮ้าวววว"
-เซเลอร์คนอื่นๆ
โดนจับกันหมดแล้วหงะ-
"งั้นเหรอ"
เด็กหนุ่มเอนตัวลง "ฝั่งเราคงจะโดนเล่นไม่ใช่น้อยสินะ"
-ถูกต้องแล้วจ่ะ
ตัวร้ายครั้งนี้แข็งแกร่งมากเลย-
เด็กหนุ่มจิ๊ปาก "แย่จัง------ บ่ายนี้ฉันมีนัดเดทกับนิจจังซะด้วย
คงต้องเร่งหน่อยแล้ว-------------"
-แต่ตอนนี้
ฝ่ายตรงข้ามลดแนวป้องกันลงแล้วน้าาา- เซเลอร์มูนตัวจิ๋วถามเสียงใส
ภาพในจอคอมหลายสิบจอฉายภาพตัวแปร
และภาพแปลนจำลองของหอคอยสูงตระหง่านซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจของฝั่งศัตรู
กลุ่มคนในชุดสีเหลืองที่ทยอยออกมาเพื่อจับกุมเหล่า ‘เซเลอร์’ ทุกคน
“หือ------จริงๆ ด้วย
กำลังป้องกันลดลง----- หันไปทุ่มกับการจับเซเลอร์มากกว่าเหรอเนี่ย------?” เด็กหนุ่มโน้มตัวมองพลกำลังของฝั่งตรงข้าม
เห็นได้ชัดว่าฝั่งนั้นเองก็ทุ่มสุดตัวเพื่อจับกุมพวกตนในครั้งนี้อย่างจริงจัง
ทว่า------
นั่นก็เท่ากับว่ากำลังการป้องกันของอีกฝ่ายในหอคอยก็ต้องลดน้อยลง--------------
คาแร็กเตอร์เซเลอร์มูนไซส์จิบิถามเสียงหวาน
-บุกเลยไหมเอ่ย-
"ถ้าเป็นเคสก่อนๆ
ฉันคงสั่งให้สาวๆ ลุยเข้าไปแล้ว”
มือพรมไปตามคีย์บอร์ดรวดเร็วจนสายตาแทบจับไม่ทัน ไม่กี่อึดใจ
เด็กหนุ่มก็สามารถแฮ็กเข้าไปในโทรศัพท์มือถือของพลเรือนสี่ห้าคนที่อยู่บริเวณนั้น
มุมปากขยับเป็นจันทร์เสี้ยว “แต่ดูเหมือนฝั่งนั้นเขามีแผนอยากขย้ำเราเต็มทีเลยนา
แบบนี้ก็เสี่ยงใช่ย่อยแฮะ" มือดันแว่นไร้กรอบสีดำขึ้นดั้งจมูก
ตาสีน้ำตาลส่องวาบ
""แต่----- ในเมื่อฝั่งนั้นเขาอ่อยเรามาแรงซะขนาดนี้
ถ้าไม่สนองกลับเสียหน่อยก็คงเสียมารยาทแย่---“
และทันทีที่นิ้วของเขากดย้ำ
‘Enter’ ลงไปอีกครั้ง
เซเลอร์มูนในจอทำท่าแปลงร่าง
และจบด้วยการหันข้างกลับมา และชูสองนิ้ว
[บังคับให้เพลย์เยอร์ทั้งห้า
ดาวน์โหลด ‘เพลย์อิ้งเกมส์’
จากระยะไกลแล้วจ้า ♥]
[บังคับให้
‘เพลย์อิ้งเกมส์’ ทำงาน
----------อัตราการเชื่อมต่อกับเพลย์เยอร์ เพิ่มขึ้นเป็น 10%---
43%------------------------------- 89%-----------------------------------99%
-------------100% (Completed)]
[เพลย์เยอร์-------
อัญเชิญปีศาจออกมาแล้วจ้า! ☻]
.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
"เริ่มทำการส่งกำลังคนล้อมเอาไว้แล้วครับ------------------"
"ทางเราจับคนกลุ่มนั้นได้ครบทุกคนแล้วครับ----------"
“ทำการยึดโทรศัพท์ทั้งหมดแล้วครับ
กำลังพาตัวกลับมา---”
"ทำได้ดีมาก" มาโคโตะยื่นมือออกไปข้างหน้า “แต่อย่าเพิ่งประมาทเด็ดขาด
ส่งคนกระจายกำลังคนออกไปบริเวณรอบข้างด้วย” เมื่อรู้ว่ายามาโตะมีแผนจะล่ออีกฝ่ายเข้าไปในหอคอยชินจูกุอยู่แล้ว
มาโคโตะเลยจัดการทุ่มกำลังจับกุมศัตรูด้วยกำลังทั้งหมดทีเดียว
เธอไม่อาจประมาทคนปริศนากลุ่มนี้ได้เลย
ถึงตอนนี้จะจับกุมตัวสำเร็จแลัว ใครเล่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะหยิบยกลูกไม้ไหนมาเล่นอีก
หลายครั้งมาโคโตเหมือนตนได้ขยับเข้าใกล้ความจริง
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันก็แค่มนต์ลวงตาที่หลอกล่อให้เธอหลงระเริง ทั้งๆ
ที่ยังมีระยะทางยังอีกยาวไกล
เหมือนการยื่นมือคว้ากลุ่มเมฆ
มองเห็นได้ แต่จับต้องไม่ได้
ช่างเป็นอะไรศัตรูที่น่าหงุดหงิดเกินทน
แล้ว------------------
ไหนจะเรื่องของคุเสะ ฮิบิกิอีก
“ผบ. ค่ะ
แล้วคุเสะ ฮิบิกิ-----------------------------”
ยังไม่ทันที่มาโคโตะ ยามาโตะก็พูดแทรกแบบไม่หันมองเธอเลยสักนิดขึ้นว่า
“สิ่งที่เธอควรสนใจมากที่สุดคือเรื่องการจับกุมคนพวกนั้น
เรื่องหมอนั่นเอาไว้ทีหลัง”
“แต่ว่า----”
“ถ้าตายง่ายขนาดนั้น
คงไม่อยู่รอดจนถึงทุกวันนี้หรอก”
หญิงสาวปิดตา
พรูลมหายใจยาว กลั้นใจคิดตามคำพูดของยามาโตะ
“ค่ะ”
นั่นสินะ--------
เด็กที่มีแววตาเข้มแข็งแบบนั้น------------------ ยังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย
ไม่มีทางมาจบชีวิตลงง่ายๆ อย่างนี้แน่
มาโคโตะกลับมาตั้งสมาธิที่งานอีกครั้ง
ลางสังหรณ์ของหญิงสาวบอกให้เธอละสายตาออกจากหน้าจอประมวลผลไม่ได้โดยเด็ดขาด
ผ่านไปนาทีกว่าๆ
เจ้าหน้าที่ JP’s ค่อยๆ
ทยอยพากลุ่มคนที่จับได้ขึ้นรถทีละคน
ทุกอย่างดูราบรื่น ไร้ข้อติดขัด
และง่ายดายเกินไปจนคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับความวุ่นวายจนกลายเป็นกิจวัตรรู้สึกทะแม่งๆ---------------------
เหมือนมีบางอย่างลับลมคมในซุกซ่อนอยู่ และก็ไม่มีสิทธิ์จะล่วงรู้
จนกว่าฝ่ายนั้นจะเปิดไพ่ออกมาเอง
ไม่แน่
นี่อาจเป็นแผนหลอกให้ตายใจเหมือนอย่างครั้งที่แล้วที่ลูกน้องของเธอถูกเล่นงาน
แต่ไม่ว่าพวกมันจะมาหมายไหน
ครั้งนี้เธอจะเอาคืนให้สาสม
และในตอนที่ความระแวงพูดสู่จุดสูงสุด
สิ่งที่เธอคิดก็เกิดขึ้นจริง
ปี๊บๆๆ-----------------------------!
“นะ
นี่มันอะไรกัน?!” เจ้าหน้าที่หลายคนเริ่มแตกตื่น
“รายงานสถานการณ์มาเดี๋ยวนี้!”
เจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ในห้องนี้แต่ละคนล้วนเป็นบุคคลระดับหัวกะทิในด้านการค้นหาข้อมูลต่างๆ
แต่พวกเขาก็ไม่เคยลงสนามรบของจริง
ทำให้หลายต่อหลายครั้งไม่สามารถระงับอาการตื่นตระหนกเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินได้
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามายืดยาดแล้ว
ต้องรีบพาคนร้ายกลับมาให้เร็วที่สุด!
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ
แต่ในบริเวณรอบๆ นั้น จู่ๆ ก็มีคลื่น DATA
ที่ไม่ได้มีการบันทึกไว้หลายตำแหน่งพร้อมกัน”
เจ้าหน้าที่หนุ่มสวนเสียงเครียด “แล้วก็ไม่ใช่รูปแบบ DATA แบบเดียวกับกลุ่มคนปริศนาด้วย-----------“
“ของศัตรูกลุ่มอื่นรึเปล่า” คำพูดของยามาโตะ ทำให้มาโคโตะแทบหยุดหายใจ
JP’s มีกลุ่มที่ตั้งตัวเป็นศัตรูอยู่มาก
แต่เพราะช่วงนี้ต้องต่อกรกับกลุ่มคนปริศนาบ่อย
เลยทำให้ลืมระวังเรื่องการรับมือกับศัตรูด้านนอกกลุ่มอื่นๆ ยามาโตะที่เป็นผบ.ที่มีหน้าที่สั่งการก็ถูกเรียกตัวเข้าประชุมถี่ขึ้นกว่าแต่ก่อน
ทำให้ภาระที่เคยเป็นของยามาโตะส่วนหนึ่งถูกโอนไปให้มาโคโตะ-------------
ดังนั้นเมื่อตระหนักขึ้นได้ หญิงสาวจึงรู้สึกเจ็บแค้นยิ่งนัก
“บ้าเอ๊ย!” มาโคโตะที่นึกว่าตนพลาดท่าเข้าให้แล้วทุบมือลงกับโต๊ะอย่างแรง
“ไม่น่าใช่” ฟูมิ คันโนะเดินลงมาด้านล่างตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
สาวเจ้าออกแรงผลักเจ้าหน้าที่หนุ่มออกจากที่นั่งประจำการ และนั่งค้นหาข้อมูลแทนอย่างไม่แยแสสายตาตื่นๆ
ของเจ้าหน้าที่อีกสองสามคน
เพียงไม่กี่นาทีต่อมา
"ถึงแม้ตัว
DATA ของแอปที่ใช้อัญเชิญจะต่างกัน---- แต่รูปแบบหรือโครงสร้างหลักๆ ของ DATA ยังเหมือนกันอยู่----"
ฟูมิวิเคราะห์ "ฉันว่า----- ฝั่งนั้นน่าจะพัฒนารูปแบบแอปของตัวเองซะมากกว่า"
"เป็นไปได้หรือ------” มาโคโตะพูดอย่างทึ่งๆ
ในเรื่องของการพัฒนาแอปอัญเชิญ
แม้แต่ JP’s เองก็ยังไม่กล้าทดลองสุ่มเสี่ยง ทำให้การต่อยอดเป็นไปได้ช้า
------------ แต่การที่อีกฝ่ายสามารถปรับรูปแบบ DATA
ของตัวเอง และนำมาใช้ได้แบบนี้-----
แสดงว่าต้องมีบุคลากรชั้นยอดอยู่ในกลุ่มคนปริศนานั้นด้วยแน่
“ไม่รู้สิ”
ฟูมิพูดเสียงเรียบ “แต่ฉันคิดว่าน่าจะใช่-------------
อา ทีนี้------- ลองมาดูกันเลยดีกว่า”
นิ้วบางกดปุ่ม ‘Enter’
ก่อนรูปจากกล้องวงจรปิดที่ไม่สามารถใช้การได้ในบริเวณใกล้เคียงนั้นจะจับภาพคนห้าคนที่กำลังอัญเชิญปีศาจออกมา
กล่องวงจรปิดซูมจับใบหน้าของคนทั้งห้าไว้ ก่อนบันทึกประวัติส่วนตัวของแต่ละคนจะถูกรื้อนำมาแปะแนบกับใบหน้าข้างๆ
“นี่มัน--------------------------------”
“ทุกคนเป็นบุคคลธรรมดา”
ฟูมิขยายภาพของแต่ล่ะคนที่ล้วนต่างมีใบหน้าตื่นตระหนกราวกับไม่คาดคิดว่าตนจะต้องเจออะไรแบบนี้
พร้อมกันนั้นก็ใช้โปรแกรมตรวจความเท็จเทียบกับปฏิกิริยาแต่ละคนบนจอ
หญิงสาวร้องหืมยาว “ม่านตาขยายมากกว่าเดิม ระดับออกซิเจนเพิ่มสูงขึ้น
หัวใจเต้นเร็วขึ้น---------------------- ดูจากการตอบสนองของร่างกายของแต่ละคนแล้ว
พวกเขาเป็นแค่กลุ่มคนธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเขาอัญเชิญปีศาจออกมากันได้ยังไง?!”
“น่าจะเกิดจากการที่โทรศัพท์ถูกแฮ็กแล้วบังคับให้อัพโหลดแอปเข้าไปมากกว่า--------
ละมั้ง” ด็อกเตอร์สาวพูดเสียงเนือยๆ ดวงตาเฉื่อยชา “สรุปตอนนี้ จะให้ฉัน ‘สืบหาที่มาได้ของแอป’ หรือว่า------จะ ‘กำจัดพวกมัน’ ก่อนดี” ฟูมิมองไปบนภาพจอมอนิเตอร์
สัตว์ปีศาจอัญเชิญธรรมดาทั้งสามตนกำลังบ้าคลั่ง
เพราะผู้อัญเชิญไม่มีอำนาจพอจะควบคุมมัน
มาโคโตะเม้มปาก “ทำไมปีศาจระดับกลางถึงมีพลังขนาดนั้น-------------”
หรือว่านี่-----------
จะเป็นผลของการพัฒนาแอปรูปแบบใหม่
แม้จะเป็นปีศาจที่อยู่ในระดับกลาง
แต่ค่า DATA ในการทำลายสิ่งรอบกายกลับสูงกว่าปีศาจระดับเดียวกันหลายเท่า
เจ้าหน้าที่ JP’s คงรู้สึกตึงมือใช่ย่อย
ผนวกกับอาการเหนื่อยล้าที่สะสมจากการต่อสู้กับกลุ่มคนปริศนาแล้ว บอกตรงๆ
ว่าเสียเปรียบสุดๆ
-----------
เลวร้ายขั้นวิกฤต ต่อให้เอาพาวเวอร์ไปก็อาจจะไม่ไหว
ต้องเป็นฝีมือของระดับทัดเทียมกับอาเธียน่า
หรือสูงกว่านั้นอย่างเบี๊ยกโกะของฮิบิกิ--------------------------------
จอภาพจับไปที่เจ้าหน้าที่ JP’s ที่กำลังต่อสู้กันอยู่
....................................................................
........................................
...................
...
.
‘อั๊ก!’ เจ้าหน้า JP’s
โดนกระบอกของมิโนทอร์ฟาดจนกระเด็นไปชนกับกำแพงข้างๆ
ชายคนนั้นสำลักเลือดออกมาคำโต
ก่อนสายตาอันพร่าเลือนจะจับภาพของเงากระบองหินที่ยกขึ้น เตรียมฟาดลงมาเต็มกำลัง
ท่ามกลางวินาทีแห่งความเป็นและความตาย
เสียงไม่ต่างจากพระผู้ช่วยให้รอดดังโพล่งขึ้น
‘ไปเลย
เบอร์เซิร์ก! ขยี้พวกมันซะ!!’
คำสั่งพร้อมเสียงร้องขานของเบอร์เซิร์ก ปีศาจที่มีอำนาจสูงกว่าปีศาจตัวอื่นๆ
เมื่อเทียบกับระดับกลางด้วยกันเอง ทุกสายตาจับจ้องไปยังบุคคลธรรมดาอีกคนที่กำลังใช้แอปอัญเชิญปีศาจต่อสู้
ต่างจากผู้ใช้ธรรมดาอีกสามคนที่วิ่งหนีหางจุกตูดไปนานแล้ว
สมิงผู้ควงดาบยักษ์ตอบรับคำสั่งของผู้เป็นนายด้วยการร้องคำราม
พุ่งกระโจนฟาดฟันกับปีศาจระดับกลางอีกสองตัว
..
“เด็กนั่นเป็นใครกัน” มาโคโตะจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มในหน้าจอ
สามารถใช้แอปของศัตรู
และยังควบคุมปีศาจได้ตั้งแต่ครั้งแรก-------- ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
..
‘วาคูอิ
เคย์ตะ’ เด็กหนุ่มท่าทางห่ามๆ นั่งยองๆ ตรงหน้าพนักงาน JP’s
ที่บาดเจ็บด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
ก่อนเอื้อมมือไปหิ้วปีกซ้ายของคนบาดเจ็บ ประคองพาไปที่ห่างไกลจากเขตอันตราย ‘เฮ้!
นายรู้ใช่ไหมว่าไอ้ตัวพวกนั้นมันอะไรกันแน่-----------‘
แต่แล้วคำพูดนั้นกลับขาดห้วง
คราวสายตาสังเกตเห็นเงาสีดำมหึมาพาดทับกลืนกินร่างทั้งสองจากด้านหลัง
มันคือร่างของเสือป่า
ปีศาจอัญเชิญอีกตัว
และจะให้เรียกเบอร์เซิร์กเกอร์กลับมาป้องกันตัวเอาตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วด้วย
!!!
‘ลิลิธ!’
ภูติแห่งรัตติกาลสะบัดคลื่นโซนิคสีมรกตจู่โจมก่อนที่เสือป่าจะง้างกรงเล็บตะปบใส่เคย์ตะ
ร่างยักษ์ใหญ่ของสัตว์สี่ขาหมดสติเริ่มโงนเงา เอนตัวลงตรงหน้า
เคย์ตะร้องเห้ยเสียงลั่น รีบถีบเจ้าหน้าที่ JP’s ไปอีกทาง ส่วนตัวเองก็กระโดดหลบจากรัศมีการโดนปีศาจที่หนักมากกว่าตนเองหลายร้อยกิโลทับตายได้หวุดหวิด
‘นี่เธอ! คิดจะฆ่าฉันรึไงห่ะ! ฮินาโกะ!’ เคย์โตะยืนขึ้น
ร้องโวยวายหญิงสาวนักระบำผู้โด่งดังยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว
‘เจ้าเด็กบ้า! ถ้าฉันไม่เอะใจว่าเกิดอะไรขึ้นแถวนี้รึเปล่า เธออาจจะตายไปแล้วก็ได้นะ’ ‘คุโจว ฮินาโกะ’ หญิงสาวในชุดเผยเนื้อหนัง
อวดสรีระอันเย้ายวนเถียงกลับ
‘ฉันจะตายก็เพราะโดนมันทับน่ะสิ!’
..
“ท่าทางคงไม่เป็นไรแล้วล่ะ” เมื่อทางเลือกที่ด็อกเตอร์สาวเสนอตอนแรกเหลืออยู่เพียงข้อเดียว
ฟูมิแหงนหน้าขึ้นมองเก้าสิบองศา ถามยามาโตะที่ยืนอยู่บนแท่นเหนือหัว “งั้นฉันทำตามชอบเลยนะ”
“ไม่มีปัญหา”
ฟูมิหรี่เอียงคอ
หรี่ตาลงเล็กๆ “อืมมม
แต่ก็มีความเสี่ยงที่เราจะโดนเล่นงานกลับอยู่เหมือนกัน”
แน่ล่ะ
อีกฝ่ายมีความสามารถขนาดแฮ็กเข้าไปในโทรศัพท์มือถือชาวบ้าน และยังบังคับให้โหลดแอปอัญเชิญปีศาจได้
การที่เธอจะจัดการฝั่งตรงข้ามให้สิ้นซากโดยหลีกเลี่ยงความเสียหายก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ยามาโตะเลิกคิ้ว “อามาเดลยังพัฒนาไม่เสร็จอีกงั้นหรือ”
อามาเดล หรือไวรัสที่
คันโนะ ฟูมิ เป็นคนคิดค้นขึ้นมาเมื่อหนึ่งปีก่อน ซึ่งต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีในการรักษาความเสถียรของไวรัสให้ง่ายต่อการควบคุม
เป็นอีกหนึ่งแฟ้มลับสุดยอดที่มีแค่ยามาโตะ ฟูมิ มาโคโตะ และฮิบิกิเท่านั้นที่รู้
“อา----
โทษที” หญิงสาวคลี่ยิ้มเย็นๆ สายตาวาววับประหลาด
ไม่รู้เลยว่าพูดจริงหรือพูดเล่น “ลืมไปเสียสนิทเลย”
“ช่วยจริงจังหน่อยได้ไหม
ฟูมิ” เห็นเพื่อนสาวของตนยังคงมีท่าทางไม่ทุกข์ร้อน
มาโคโตะก็นึกเครียดแทน----
“ก็ได้” ตอบรับเสียงเบาไม่ต่างจากเดิม หากในวินาทีต่อมา
บรรยากาศไม่จริงจังเมื่อครู่ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ “แต่----- ถึงอามาเดลจะสามารถใช้ทำลายฐานข้อมูลอื่นได้
มันก็ยังมีข้อจำกัดคือขนาดที่ใหญ่เกินไป-----------
ถ้าจะแปลงข้อมูลให้วิ่งผ่านไปโทรศัพท์ คงจะไม่ไหว-----”
ไม่มีทางที่มือถือธรรมดาจะโดนอัดข้อมูลมหาศาลของอามาเดลแล้วไม่ระเบิด
“มือถือของ
JP’s ได้ไหม”
ในเมื่อโทรศัพท์ธรรมดาใช้ไม่ได้ แล้วโทรศัพท์ของ JP’s ที่ถูกสร้างให้รองรับระบบอัญเชิญล่ะ
“น่าจะได้-------ล่ะมั้ง”
คำพูดไม่รับรองผลลัพธ์อะไรทั้งนั้นหลุดออกมาจากปากของฟูมิที่กำลังนั่งนิ่ง “แต่--------- นั่นคือกรณีที่เรามีแอปอัญเชิญรูปแบบเดียวกันกับอีกฝ่าย
เราถึงจะใช้อามาเดลแทรกแซงระบบได้------------ น่าเสียดายที่เราไม่มี” ฟูมิหมุนเก้าอี้มองหน้ามาโคโตะที และยามาโตะที
“แต่ในเมื่อฝั่งนั้นเล่นโจมตีเราผ่านโทรศัพท์
วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะรับมือกับอีกฝ่าย คือเราต้องเล่นกลับด้วยวิธีที่สวนทางกัน”
นี่มันเกินความเข้าใจของคนธรรมดาอย่างมาโคโตะไปหลายขุม
“หมายความว่าไง”
ฟูมิกอดอก “จริงอยู่ที่ฉันไม่ได้ออกแบกให้อามาเดลใช้การในโทรศัพท์ได้
แต่---- ถ้าเราจะ [ย่อย] ข้อมูลของอามาเดลให้เหลือเทียบเท่ากับ
‘คลื่นสัญญาณโทรศัพท์’
และแทรกแซงเข้าไปเพื่อทำลายฐานข้อมูลทั้งหมดของฝั่งนั้นก็ไม่มีปัญหา---------------
แค่ต้องใช้พลังงานมากหน่อย” หญิงสาวกลอกตา
“มากขนาดไหน” คำถามนี้ ยามาโตะเป็นคนถาม
“JP’s
สาขาโตเกียวอาจใช้การไม่ได้ไปทั้งคืน อา
อาจรวมถึงระบบการติดต่อสื่อสารทั้งหมดในเขตชินจูกุด้วย”
กล่าวง่ายๆ คือ ฟูมิมีแผนจะเล่นงานอีกฝ่ายกลับ
โดยใช้เครือข่ายการติดต่อสื่อสารของชินจูกุเป็นเสมือนตัวกลางในการโจมตี
เพราะตั้งแต่แรก
อีกฝ่ายแฮ็กเข้าโทรศัพท์โดยใช้คลื่นสัญญาณของชินจูกุ
ฟูมิเลยเลือกใช้วิธีเดียวกันโดยแทรกไวรัสที่ถูกแปลงรูปแล้วเข้าไปแทน เพียงแต่----
วิธีนี้อาจทำให้ระบบการติดต่อสื่อสารทั้งหมดของชินจูกุเป็นอัมพาต
เพราะหญิงสาวไม่สามารถคาดเดาขอบเขตการทำลายของอามาเดลได้เลย
และอย่างเลวร้ายสุด----
นอกจากมันจะส่งผลกับศัตรูแล้ว มันอาจส่งผลกับพวกเดียวกันเองอีกด้วย-------------------------------------
คำตอบที่ทำให้คนฟังอย่างมาโคโตะนิ่งอึ้ง-----
ขืนให้ JP’s สาขาโตเกียวที่เปรียบเสมือนกับหัวใจของ JP’s
ทั้งหมดไม่สามารถทำงานได้สักคืนล่ะก็-------
เธอไม่อยากนึกถึงผลที่ตามมาเลย ไหนจะผลกระทบต่อหอคอยในเขตชินจูกุอีก-----
บางทีผลการกระทำครั้งนี้อาจทำให้หลายๆ ระบบทั้งเศรษฐกิจ
การเมืองของเขตชินจูกุรวนไปทั้งหมดเลยก็ได้
“แต่ไม่ต้องห่วง------
การใช้อามาเดลจะไม่ส่งผลกระทบต่อเขตแดนป้องกันของที่นี่ และชินจูกุ” คำพูดของฟูมิไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดูดีขึ้นเลยสักนิด “ส่วนเรื่องการติดต่อสื่อสารในเขตชินจูกุ---------------
ถ้าเป็นอย่างที่ฉันว่าจริง
นั่นหมายความว่าฝั่งศัตรูเองก็จะสูญเสียระบบการติดต่อสื่อสารในชินจูกุไปเช่นกัน--------------”
มาโคโตะเม้มปาก
ข้อจำกัดถูกหยิบยื่นมาให้เลือก
หญิงสาวยืนช่างใจ
มันน่าลองที่จะลองเดินพัน
แต่ถ้าหาก JP’s สาขาใหญ่หรือชินจูกุถูกโจมตีขึ้นมาล่ะก็----------------------
“คิดเรื่องการใช้พลังงานสำรองหรือยัง?” ยามาโตะถามเสียงเรียบ
“ต่อให้ใช้พลังงานสำรองแทน
ก็ไม่เพียงพอที่จะติดต่อกับ JP’s สาขาอื่นๆ อยู่ดี-----” ฟูมิเป็นคนตอบ “สุดท้าย ไม่ว่าจะยังไง JP’s ก็จะถูกบีบให้ใช้งานไปไม่ได้สักระยะ--------------”
“ตัดไฟทั้งเมืองซะ”
“คะ??!!” มาโคโตะถึงกับช็อคไปเพราะคำพูดของยามาโตะ
“เราจะปล่อยให้
JP’s สาขาโตเกียวล้มไปไม่ได้----- ดังนั้น แค่ใช้พลังงานทั้งหมดในโตเกียวแทนก็ไม่เห็นจะเป็นไร----
คิดว่าพอรึเปล่า” ยามาโตะถามฟูมิซ้ำอีกครั้ง
วิธีนี้จะทำให้ JP’s สาขาโตเกียวยังคงสามารถประสานงานกับ JP’s สาขาอื่นๆ ได้เหมือนเดิม อาจจะยกเว้น JP’s ในเขตชินจูกุที่เดียว
และยังไม่ต้องเป็นห่วงอีกว่าศัตรูจะฉวยโอกาสทำลาย JP’s ของโตเกียวซึ่งเปรียบเสมือนแกนกลางหลักของ
JP’s ทั้งหมด แม้ว่า---------------
มันจะทำให้พลังงานทั้งหมดในเมืองโตเกียวใช้งานไม่ได้ไปสักวันสองวันก็ตาม
เจ้าพวกคนในสภาคงได้วิ่งแจ้นแน่
ฟูมิคิด เผยยิ้มบางๆ
อย่างสมใจน้อยๆ
“น่าจะได้อยู่”
“งั้นก็ไม่มีปัญหา” ยามาโตะกล่าว พร้อมหมุนตัวกลับหลัง “สิ่งที่พวกเธอต้องทำเป็นสิ่งแรกคือการบีบวงล้อมให้แคบที่สุด
ทางเราอุตสาห์คนจับตัวฝั่งนั้นมาได้แล้ว เราจะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
ตลอดมา
อีกฝ่ายเล่นระวังตัวแจซะขนาดนี้ ถ้าไม่อาจดับไฟตั้งแต่ต้นลมได้อย่างที่ต้องการ
ก็จำเป็นต้องหักแขนหักขาเอาไว้ให้รู้ซึ้งว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร!
“งั้นฉันทำตามใจชอบเลยนะ” ด็อกเตอร์สาวยิ้มกว้าง และในเมื่อไม่ได้ยินคำคัดค้าน ก็ขอรวบยอดมันเป็นการตอบตกลงไปละกัน
นิ้วบางกดเติมเต็มรหัสผ่านของอามาเดล
และเพียงแค่กด ‘Enter’
วินาทีนั้น พลังงานทั้งหมดในเมืองไหลเข้ามาใต้อาคารรัฐสภา
เสมือนท้องฟ้าคำราม
สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของห้อง กระแสไฟแล่นเปรี๊ยะๆ แตะขั้วอากาศ
เช่นเดียวกับไฟในห้องเริ่มกะพริบถี่ปริบๆ อยู่หลายนาที ก่อนบังเกิดแสงสว่างจ้ากลืนกินทุกทิวทัศน์
ทุกคนต้องยกแสงขึ้นกำบัง จากนั้นไฟทั้งหมดใน JP’s, สำนักงานรัฐสภา
รวมไปถึงเมืองโตเกียวทั้งหมดจะตกวูบ
วี๊---------------------------------------------------
ยินเสียงลมหายใจของตนเองชัดเจน
ความมืดที่มาพร้อมความเงียบสงัดโรยตัวอยู่เพียงชั่วอึดใจ ก่อนพลังงานใน JP’s จะกลับมาใช้งานได้สมบูรณ์แบบอีกครั้ง
เสียงร้องของสัญญาณเตือนภัยระดับสีส้มที่หมุนวนไปมา
ชี้ชัดให้ทุกคนรับทราบว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน B
เสียงโหวกเหวกดังเซ็งแซ่
ความตื่นตระหนกแพร่ขยายไปอย่างรวดเร็วบังคับให้มาโคโตะต้องรีบตะโกนถามเสียงกร้าว
ไม่เช่นนั้นอาจมีคนทนไม่ไหวเสียก่อน
“มีความผิดปกติอะไรรึเปล่า!!”
เจ้าหน้าที่ทุกคนตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว
“ไม่มีครับ--------------------”
“ทุกอย่างอยู่ในระดับปกติ”
“เขตแดนป้องกันก็ใช้การได้ค่ะ------
ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ------------”
“ยังคงสามารถติดต่อกับ
JP’s ทุกสาขา ยกเว้นสาขาชินจูกุครับ”
“เยี่ยม”
มาโคโตะปาดเหงื่อไหลกาฬบนใบหน้า “อย่างนี่----
น่าจะพอไหว” ตราบใดที่ JP’s สาขาโตเกียวยังใช้งานได้อยู่--------
ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
“โล่งใจไปได้แปบเดียวเท่านั้นแหละ” ฟูมิพูดตัดรอนความหวัง มาโคโตะพยักหน้ารับนิดๆ
“ถูกของเธอ”
คำพูดของฟูมิย้ำเตือนมาโคโตะ
ว่าเธอจะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด
มาโคโตะก้มมองฟูมิ “เธอคิดว่าฝ่ายศัตรูจะได้รับรับความเสียหายมากไหม”
ฟูมิโคลงหัวเบาๆ “โดนอามาเดลสวนกลับไป---------- ก็------- ไม่แน่ใจแฮะ
แต่น่าจะกำลังสนุกสนานอยู่-----------------------------”
โดนเล่นจนกระอักเลือดเสียมากกว่า
มาโคโตะแก้คำในใจ
เธอพยักหน้ารับ ความตึงเครียดเลือนหายไปจากดวงตาหลายส่วน “ยังไงก็ขอบใจเธอมากนะ ฟูมิ”
“ก็มันหน้าที่ฉัน” ฟูมิลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทว่าก่อนที่เธอจะเดินหายไปจากห้องบัญชาการ
มาโคโตะเอ่ยดักขึ้น
“แล้วท่านผบ.ล่ะ” หลังจากสั่งอนุมัติให้ฟูมิเริ่มใช้อามาเดล ก็เดินหายลับไปไหนก็ไม่รู้
“อา----------
ไม่รู้สิ” ฟูมิหยุดฝีเท้า หันกลับมามองเธอ
ด้วยรอยยิ้มบางอย่างที่ทำให้คิ้วขวาของมาโคโตะกระตุกถี่
“แต่--------------
ดูจะมีใครบางคนแอบใช้ระบบเคลื่อนย้ายไปที่ชินจูกุเพียงลำพัง
ระหว่างที่ฉันกำลังแปลงคลื่นสัญญาณซะแล้วล่ะ J”
....................................................................
........................................
...................
...
.
TBC
.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
คำผิดค่ะ
ReplyDeleteค่ะ(เสียงต่ำ) ใช้ตอบรับประโยคคำสั่ง ,ลงท้ายประโยคบอกเล่า
เช่น ยินดีด้วยค่ะ! รับทราบค่ะ
คะ(เสียงสูง) ใช้ลงท้ายประโยคคำถาม
เช่น อะไรนะคะ?
น่า ใช้ผสมกับคำกริยา
เช่น น่ารัก น่าถีบ น่ากอด
หน้า ใช้กับอาการที่แสดง
เช่น หน้าแดง หน้าซีด
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ(เฮ~) ฮิบิกิคุงไม่โผล่มาเลยยามาโตะนี่รีบไปหาเชียว คิๆ
ยามาโตะนี่ไปอย่างไวเลยนะ 555
ReplyDelete