.+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+...+..+..+..+.
②
月曜日
ประตูเลื่อนเปิดอัตโนมัติ
ดวงตาสีฟ้าจับจ้องไปยังเจ้าของร่างสูงสง่าที่ยืนอยู่บนแท่นบังคับบังชาการ ณ
จุดสูงสุดที่สามารถมองเห็นทุกการเคลื่อนไหวในห้องซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของ JP’s
ด้านล่างลงไปคือสมาชิก JP’s
หลายร้อยชีวิตที่กำลังเฝ้าดูค่าความเสถียรของเกราะป้องกันพลังวิญญาณ
อาณาเขตที่ถูกสร้างปกคลุมดินแดนญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณภายใต้การควบคุมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
จอมอนิเตอร์ฉายภาพทุกการเคลื่อนไหว
ประกอบกับรายละเอียดปลีกย่อยของหน่วยปฏิบัติการที่กำลังถูกส่งไปประจำการแต่ล่ะพื้นที่
ฮิบิกิก้าวไปหาร่างที่ยืนกอดอกอยู่ตรงจุดสูงสุด
จนกระทั่งฮิบิกิหยุดฝีเท้า
ร่างที่สูงตนมากกว่าห้าเซนก็เอ่ยตำนิเสียงเรียบโดยไม่แม้แต่จะมองหน้า
“นายมาช้า”
“นายบอกฉันกะทันหันเกินไป
ตอนนั้นฉันกำลังวุ่นอยู่” ดวงตาสีฟ้ากระจ่างแหงนมองคนข้างกาย
“ส่วนเรื่องการประชุม ฉันมาตรงเวลา”
ทำไมฮิบิกิจะไม่รู้ว่าคนอย่าง ‘โฮซึอิน ยามาโตะ’ เป็นพวกเคร่งครัดและยึดมั่นในกฎระเบียบแค่ไหน จะโกรธเขาที่ไม่ทำตามคำสั่งก็ไม่แปลก
ร่างโปร่งสูงสง่าของผู้บังคับบัญชา
JP’s เด็กหนุ่มผู้มีเส้นผมสีเงินยาวปล่อยละต้นคอและวงหน้าได้รูป
ผิวสีขาวซีดขับเน้นให้ดวงตาสีอเมทิสเย็นเยือกน่าหวั่นเกรงและทรงอำนาจคู่เด่นชัด รอยแผลบาดลึกบนวงหน้าซีกซ้ายเหลือเป็นรอยบางๆ
หากร่องรอยของการต่อสู้ในวันนั้นกลับยังคงเหลืออยู่ในความทรงจำ------------
โฮซึอิน
ยามาโตะเหยียดยิ้มเยาะๆ “หึ วุ่นอยู่กับนิตตะ อิโอะ และนิชิมะ ไดจิน่ะนะ”
ฮิบิกิมองยามาโตะอย่างไม่สบอารมณ์
“นั่นคือสิทธิ์ของฉันไม่ใช่หรือ”
สิทธิ์ที่เขาจะอยู่กับเพื่อนๆ ของเขา
“นายเลยคิดว่านายมีสิทธิ์ที่จะหมางเมินคำสั่งของฉัน”
ฮิบิกิพูดอย่างใจเย็น
“ถ้าคำสั่งนั้นของนายที่เรียกฉันกลับก่อนเวลาหมายถึงการเตรียมเอกสารสำหรับพรุ่งนี้
ฉันทำเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
หลังจากการฟื้นฟูร่าง กายที่เหนื่อยล้าจากงานปฏิบัติการ
ฮิบิกิช่วยมาโคโตะจัดแจงงานเอกสาร ก่อนมานั่งประจำการแทนเจ้าหน้าที่ JP’s คนหนึ่งที่ดูเหมือนจะล้มป่วยกะทันหัน และกว่าตัวแทนอีกคนจะมา ฮิบิกิก็ต้องนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานถึงห้าชั่วโมงจนแขนขาชาไปหมด
กว่าจะได้นอนก็ปาไปตอนตีสี่ ตื่นมาอีกทีก็แปดโมงเช้า
คราวนี้ฮิบิกิเร่งโหมงานยาวถึงสี่โมงเย็นเพื่อเตรียมพบกับไดจิและอิโอะ ซึ่งฮิบิกิก็ได้บอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะเลิกงานเร็วกว่าปกติ
และจะกลับมาให้ทันการประชุม
ดวงตาสีอเมทิสจ้องฮิบิกิอย่างนิ่งงันราวกับต้องการค้นหาคำตอบบางอย่าง
ชั่วขณะหนึ่ง ฮิบิกิรู้สึกเหมือนยามาโตะต้องพูดอะไรบางอย่างออกมาแน่ แต่ในความเป็นจริง
โฮซึอิน ยามาโตะ เพียงเบือนหน้ามองไปที่จอมอนิเตอร์อีกครั้ง พูดประโยคสั้นๆ ตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
ฮิบิกิมองคนข้างกาย ยามาโตะยังดูเหมือนเดิมทุกอย่าง
ไม่แสดงท่าทีอ่อนแอหรือบ่งบอกให้รับรู้ว่าตนเหนื่อยล้าจนน่าหงุดหงิดใจ
“ช่วงสองวันมานี้นายได้พักบ้างรึยัง”
“เรื่องพรรค์นั้นไม่จำเป็นสำหรับฉัน”
ฮิบิกิพรูลมหายใจยาว
กะแล้วเชียวว่าต้องได้คำตอบนี้ “คืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้าประจำการแทนนายให้
แต่นายต้องพักบ้างนะ”
เขาจำได้ดี...
ในวันตัดสินโพลาลิส ทั้งๆ มีความเป็นไปได้ที่ยามาโตะจะชนะสูงมาก
เพียงแต่อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการฝืนใช้พลังของยามาโตะเพื่อมาช่วยฮิบิกิที่โอซาก้า
ถือเป็นอีกสาเหตุหนึ่งว่าทำไมยามาโตะถึงไม่ชนะเขา ดังนั้นเมื่อทุกอย่างกลับสู่จุดเริ่มต้น
ฮิบิกิที่เข้า JP’s มาเลยพยายามบังคับยามาโตะไม่ฝืนร่างกายมากเกินไป ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ในเจ็ดวันที่เกิดขึ้นนั้นจะเปรียบเหมือนฝันหนึ่งตื่นซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบกับพวกเขาในตอนนี้
แต่ฮิบิกิจะไม่ยอมละเลยโดยเด็ดขาด
หากยามาโตะยังดันทุรัง ครั้งนี้ยามาโตะอาจได้ตายจริงๆ แน่
ดวงตาสีอเมทิสผละจากจอยักษ์ กดต่ำลงมาที่ฮิบิกิราวกับจะบอกว่าเขากำลังขวางทาง
“อย่ามาขัดขวางการทำงานของฉัน” คำตอบที่มีนัยยะปฏิเสธตัดรอนชัดเจนไม่ได้ทำให้ฮิบิกิรู้สึกเจ็บใจ
ตรงกันข้าม เด็กหนุ่มมองตรงไปที่จอมอนิเตอร์ สำรวจผลโดยรวมของสถานการณ์ทั้งหมด วิเคราะห์ค่าแต่ล่ะค่าออกมาอย่างใจเย็นโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ
“ช่วงนี้นายสังเกตเห็นอะไรไหม
ยามาโตะ” ฮิบิกิถามลองเชิง
ส่วนหนึ่งคือเขาต้องการรู้ว่ายามาโตะรู้มากขนาดไหนถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เกี่ยวกับอาชญากรรมที่มีการอัญเชิญปีศาจมาเป็นเครื่องมือ
ไม่มีทางที่คนอย่างโฮซึอิน
ยามาโตะจะไม่ค้นหาข้อมูลเรื่องนี้มาก่อนแล้ว เพียงแต่หมอนี่เลือกจะบอกเขาหรือไม่ นี่ล่ะปัญหา
“ช่วงนี้มีอาชญากรรมที่เกิดจากการอัญเชิญปีศาจมากขึ้นแถวบริเวณ
JP’s หลายๆ สาขา” ภาพมอนิเตอร์ด้านหน้าฉายภาพประเทศญี่ปุ่น
และหอคอยที่ใช้เป็นศูนย์กลางของม่านป้องกันพลังเวทแต่ละสาขาทั่วทั้งประเทศ
ต่อมา คลื่นวงกลมสีแดงหลายจุดชี้ชัดให้เห็นว่าการรุกรานแผ่ขยายกำลังทวีคูณความถี่และความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“โดยเฉพาะแถวเขตแดนป้องกันพลังวิญญาณที่มักจะโดนเล่นงานบ่อย
มั่นใจได้เลยว่าไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญ”
ยามาโตะไม่ได้เจาะจงเนื้อหาปลีกย่อยอื่นๆ
ทั้งเรื่องการโจมตีที่เล็งมาที่จุดบอดของม่านเขตแดน การปะทะอย่างลับๆ
กับเจ้าหน้าที่ JP’s ที่ยามาโตะส่งไปเป็นหน่วยลับเมื่อสองคืนก่อนกับกลุ่มคนปริศนา
ซึ่งนี่ก็ยืนยันได้ว่าดีมีคนต้องการจะทำลายเกราะพลังวิญญาณจริงๆ
และแน่นอน
ไม่ใช่มือสมัครเล่น หรือกลุ่มต่อต้าน JP’s กระจอกๆ อย่างคราวเกิดหายนะเจ็ดวัน-----------
“ยามาโตะ” มีสิ่งหนึ่งที่ฮิบิกิสงสัยมานาน
แต่เด็กหนุ่มเลือกจะไม่ถามเพียงเพราะเขายังอยากต้องการจะรวบรวมข้อมูลมากกว่านี้
แต่ความสงสัยที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ นี้ สุดท้ายฮิบิกิก็ถามมันออกไป
“นายว่ามีความเป็นไปได้ไหมว่าคนในจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” การตั้งข้อสงสัยของฮิบิกิไม่ได้มาจากเซนส์หรือลางสังหรณ์
แต่มาจากปัจจัยหลักสองข้อที่ฮิบิกิได้ค้นพบมันหลังเข้ามาทำงานใน JP’s
หนึ่ง
เพราะมีแต่คนในเท่านั้นที่ได้รับอนุมัติให้ใช้แอปอัญเชิญปีศาจ ดังนั้น
การจะหาข้อมูล ถ้าไม่ใช่คนใน ‘JP’s’
โดยตรงก็ถือเป็นเรื่องที่ยาก ทั้ง JP’s
ยังเป็นองค์กรเดียวในญี่ปุ่นที่ใช้เว็บอัญเชิญปีศาจอย่างเป็นทางการมีแต่เพียงการจะเข้าถึงได้ในเนื้อหาเชิงลึก
ก็มีแต่ต้องเป็นคนของ JP’s เท่านั้น
เพราะตอนนี้
ยังไม่มีแอปอัญเชิญไหน ที่สามารถอัญเชิญปีศาจ และสามารถใช้มันในการต่อสู้ นอกจาก JP’s แต่ก็เป็นเรื่องอย่างรู้กันใน ‘คนในด้านมืด’ ได้มีการคิดขึ้น ‘แอปอัญเชิญเถื่อน’
ซึ่งเป็นแอปที่มีคุณสมบัติในการอัญเชิญปีศาจออกมาแต่ผลร้ายแรงของมันคือปีศาจอัญเชิญจะตกอยู่ในสภาพคลุ้งคลั่ง
ควบคุมไม่อยู่ และสังหารผู้อัญเชิญมันออกมา ซึ่งจะไม่เกี่ยวกับสภาพจิตใจของผู้ใช้
ที่ถ้าหากผู้ใช้แกร่งเพียงพอจะสามารถบงการปีศาจอัญเชิญได้แบบ JP’s
แม้ ‘แอปนิไกอา’ จะเป็นแอปอัญเชิญปีศาจที่มีอำนาจเหนือขึ้นไปกว่า
JP’s แต่หลังจากสิ้นสุดวันตัดสินของโพลาลิส
โปรแกรมอัญเชิญปีศาจของนิไกอาก็เปลี่ยนเป็นเว็บแสดงภาพตอนตายตลกๆ ติดชาร์ตเป็นแอปยอดนิยมสำหรับการหยอกล้อ
ไม่มีใครสามารถจดจำช่วงเจ็ดทั้งช่วงเวลาเจ็ดวันนั้น
และแอปนิไกอา แม้แต่ไดจิ
อิโอะหรือมาโคโตะ และคนอื่นๆ ที่รวมฝ่าฟันอุปสรรคกันมา
มีเพียงแต่ฮิบิกิกับยามาโตะที่ได้ไปยืนอยู่บนกระดานสุดท้ายของโพลาลิสเท่านั้นที่สามารถจดจำทุกอย่าง
ส่วนอัลคอร์
ผู้สร้างแอปนิไกอาขึ้นมา ------- หลังจากที่ได้สละพลีชีพไป
ก็ไม่มีใครได้เห็นเขาอีก
และข้อสอง----- มันคือสิ่งที่มีแต่เพียงเขาเท่านั้นที่รู้
แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้
แต่----
ถ้าสิ่งที่เขาคิดเป็นจริงละก็----------------------------------------------
ยามาโตะชำเลืองตามองฮิบิกิ “ก็เป็นไปได้”
เสียงหนึ่งดังมาจากเบื้องหลัง
“และยัง------ มีความเป็นไปได้มากกว่าเก้าสิบสามจุดสองเปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นฝีมือคนใน” ด็อกเตอร์คันโนะ ฟุมิแขกไม่ได้รับเชิญเป็นผู้ตอบ “------และมากกว่าเจ็ดสิบสี่เปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นฝีมือของคนที่แทรกซึมเข้ามาใน JP’s
สาขาใหญ่ โตเกียว”
ไม่มีทางที่คนร้ายจะตั้งตัวรับมือกับ
JP’s ที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดีหากปราศจากข้อมูลหรือการเตรียมการใดๆ
และจากการประมวลผลการปะทะของกลุ่ม JP’s กับกลุ่มคนปริศนามาไม่ต่ำกว่าหกครั้ง
มีความเป็นได้ได้สูงมากกว่าครึ่งที่คนร้ายจะแฝงตัวอยู่ใน JP’s สาขาโตเกียว ที่เป็นสาขาใหญ่เปรียบเสมือนหัวใจหลักของ
JP’s ทั้งญี่ปุ่น
ได้ยินอย่างนั้น
ฮิบิกิรู้สึกเหมือนมีตะกอนบางอย่างกำลังตกตะกอนในใจอย่างเชื่องช้า มีอะไรบางอย่างที่เขามองข้ามไป
แต่พอจะนึกถึงมันเขากลับนึกไม่ออก
หรือบางที--------------
เขาอาจจะรู้แล้ว เพียงแต่กลัวการที่จะรับรู้ถึงมัน--------------------
“คนร้ายอาจอยู่ใกล้มากกว่าที่เราคิด”
เสียงของยามาโตะดึงฮิบิกิให้ออกมาจากห้วงความคิด
เด็กหนุ่มรีบคลายมือที่เผลอกำแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้จนชุ่มเหงื่อ
แต่ไม่ว่าจะพยายามซุกซ่อนให้แนบเนียนขนาดไหน ก็ไม่มีทางรอดพ้นสายตาของโฮซึอิน
ยามาโตะไปได้
"นายว่างั้นไหม ฮิบิกิ"
ดวงตาสีอเมทิสสงบนิ่งดุจผืนน้ำไร้ระลอก------------
มองมาทางเขาอย่างจงใจ---------------
ฮิบิกิครุ่นคิด
สมองประมวลผลตามความคิดและการกระทำของยามาโตะอย่างรวดเร็ว
"ยามาโตะ---- นี่หรือว่านาย----"
ยามาโตะมั่นใจว่างานนี้ต้องมีคนในเป็นหนอน
เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าคือใคร
และในเมื่อศัตรูอยู่ใกล้เรามากกว่าที่คิด
บางที แค่เราอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไร รอให้ศัตรูเข้ามาแล้วค่อยจับกุมก็ยังได้
แต่ในอีกนัยหนึ่ง หากประมาทเกินไปทางเราก็จะถูกมันตะครุบฝังเขี้ยวดับลมหายใจทันที
ยามาโตะรู้เรื่องนี้ดี
ในกรณีที่มีเป้าหมายแฝงตัวเข้ามา
การกำหนดมาตรการ และสร้างเงือนไขในการบีบวงข้อมูลให้แคบและค้นหาจากภายในจะเป็นหนทางเลือกที่ดีที่สุด
แม้จะเป็นวิธีที่ใช้เวลามาก
แต่ก็เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
ทว่าครั้งนี้
ในเมื่อฝั่งตรงข้ามมีกำลังขนาดสามารถเจาะมาตรการความปลอดภัยของสาขาใหญ่
JP’s และแทรกตัวเข้ามาโดยไม่ทันรู้ตัว
ทั้งยังมีกำลังรบขนาดต่อกรกับองค์กรลับอย่าง JP’s ได้เรื่องนี้ก็คงไม่ง่ายอย่างที่คิด
ถ้าจะจับปลาใหญ่
เราก็ต้องใช้เหยื่อล่อที่ใหญ่เช่นกัน--------------
เป็นอะไรที่เสี่ยง----------
แต่ก็คุ้มที่จะลอง----------------------------
ฮิบิกินึกกังวล
------------------นายคงไม่ได้คิดจะใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อใช่ไหม
ยามาโตะ----------------------------
“ฉันทำของให้เสร็จแล้ว
ตามที่ตกลงกันไว้” คันโนะ ฟุมิส่งกล่องสีดำเมื่อม ภายในบรรจุโทรศัพท์ของ
JP’s ที่ใช้สำหรับการอัญเชิญปีศาจให้ฮิบิกิ “ฉันวานให้คนลองปรับแต่งตามแบบที่เธอต้องการแล้วนะ หวังว่าจะพอใจ”
“ขอบคุณครับ”
ฟุมิยิ้มเย็นชา
หากดวงตากลับส่องเรืองฉายความสนใจไม่ปิดเร้น “แล้วก็------
แนวคิดเรื่องการปรับเปลี่ยนระบบสำหรับแอปอัญเชิญปีศาจที่เธอเคยคุยกับฉันก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวเลยทีเดียว
ฉันลองติดต่อพวกหน่วยวิจัยให้แล้ว บางทีนี่อาจเป็นความก้าวหน้าใหม่ของ JP’s
เลยก็ได้”
ฮิบิกิรับโทรศัพท์ดัดแปลงมาด้วยรอยยิ้มบางๆ
“เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นความคิดของผมคนเดียวหรอกครับ
ผมแค่ลองออกข้อเสนอแนะเท่านั้น”
ในช่วงที่ฮิบิกิเริ่มเข้าทำงานใน JP’s ฮิบิกิก็ต้องเริ่มกลับไปนับหนึ่งใหม่กับแอปอัญเชิญปีศาจตามระบบของ องค์กร
เปรียบเทียบระหว่างแอปอัญเชิญของทาง JP’s
กับแอปอัญเชิญของนิไกอาแล้ว นิไกอาจะใช้งานได้ง่ายกว่า ทั้งยังตอบสนองกับอารมณ์ภายในของผู้ใช้คนนั้นๆ
ได้อย่างรุนแรง ต่างจากโปรแกรมของ JP’s ที่จะวัดพลังอำนาจจากผู้ใช้ในร่างกาย
ดังนั้นกว่าฮิบิกิจะสามารถใช้โปรแกรมอัญเชิญปีศาจของ JP’s
ได้คล่องก็เสียเวลาไปเกือบเดือน ไหนจะต้องได้รับการฝึกฝนร่างกายเพื่อเตรียมการออกปฏิบัติการแบบกลุ่มที่จำเป็นต้องทำงานอย่างเป็นระบบอีก
ทำให้ฮิบิกิต้องเสียเวลาไปอีกสามเดือนรวมเต็มๆ กว่าจะได้มายืนข้างๆ โฮซึอิน
ยามาโตะได้
แต่------------------------------------- ถึงแม้จะผ่านมานานแล้ว
ความรู้สึกคุ้นชินที่ติดอยู่ที่ปลายนิ้วยามใช้แอปอัญเชิญที่เหนือชั้นกว่าอย่างนิไกอาก็ยังไม่เลือนหายไป-----------------
ครั้งก่อน
ในตอนที่ฮิบิกิอยู่ที่โอซาก้ากับพวกโรนัลโด้ หัวหน้าฝั่งของฝ่ายกบฏ ฮิบิกิได้นั่งวิเคราะห์ข้อมูลเรื่องแอปอัญเชิญปีศาจนิไกอาที่ทางฝั่งนั้นพยายามศึกษา
ถึงจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ถือว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจที่จะนำไปต่อยอด ดังนั้นทันทีที่ฮิบิกิเข้าทำงานที่
JP’s เด็กหนุ่มได้ลองเล่าแผนการคร่าวๆ
เกี่ยวกับการพัฒนาแอปของทาง JP’s ให้กับฟุมิฟังเพื่อหลบเลี่ยงการถูกจับตามองจากทางเบื้องบน
และไม่เป็นที่น่าผิดหวัง มีการปรับรูปแบบของแอปอัญเชิญใน JP’s
ให้ใกล้เคียงกับนิไกอายิ่งขึ้น
ทำให้ผู้ใช้สูญเสียพลังเวทน้อยลงในการอัญเชิญ และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่---------------
ถึงแม้แอปจะมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับนิไกอามากขึ้นเรื่อยๆ
ฮิบิกิก็ต้องเลี่ยงการใช้ปีศาจอัญเชิญตัวอื่นๆ ที่ไม่ใช่ ‘เบี๊ยกโกะ’
สมาชิก
JP’s คนอื่นๆ อาจรู้ว่าเขามี ‘เบี๊ยกโกะ’ พยัคฆ์ขาว
เทพอสูรแห่งทิศตะวันตกของประเทศจีนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นปีศาจอัญเชิญตัวเดียว
แต่แท้จริงแล้ว
เขายังมี ‘สุซาคุ’ วิหคเพลิง
อีกหนึ่งในเทพอสูรแห่งทิศใต้ ตัวแทนแห่งเปลวเพลิงอยู่อีกหนึ่งตัว
และยังได้รับการคัดเลือกจากอำนาจแห่งชีพจรมังกร ‘ชัคโค’
คนที่รู้ถึงพลังนี้
นอกจากเขา ก็ยังมียามาโตะ
ครั้งหนึ่ง
ฮิบิกิจำได้ว่าตนถูกยามาโตะเรียกตัวไปคุยด้วยเรื่องนี้
‘นายใช้แค่เบี๊ยกโกะก็พอ’
หลีกเลี่ยงการใช้สุซาคุ
หรือชัคโคหากไม่ได้ตกอยู่ในกรณีจำเป็นจริงๆ เพราะในการทำงานกับ JP’s ศัตรูที่มองไม่เห็นสักวันอาจปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ และยิ่งรับรู้ความสามารถของเรามากเท่าไหร่
หนทางการต่อกรก็จะยิ่งยากเย็นมากขึ้นเท่านั้น
แต่เพราะต้องเคยเจอศึกของจริงจากการรุกรานของพวกเซปเทรนทริออนที่หนักหนาสาหัสกว่าการรับมือกับปีศาจอัญเชิญปกติทั้งในด้านพลัง
เวลาที่มีอยู่จำกัด สหายเคียงข้างและสภาพแรงกดดันของสถานการณ์ เลยออกงานภาคปฏิบัติของ JP’s
ดูไม่หนักหนาสาหัสอะไรมาก ผนวกกับการประสานงานกันอย่างลงตัวของสมาชิก
JP’s แต่ละคน
จึงทำให้เป็นการง่ายต่อฮิบิกิที่จะเก็บงำความสามารถที่แท้จริงเอาไว้
‘นั่นเป็นเพราะ--------
ทุกคนกำลังต่อสู้ไปด้วยกัน’
------รอยยิ้มบางบนวงหน้าขาวของฮิบิกิ
พาให้ใครอีกคนที่เฝ้ามองอยู่ตลอดขมวดคิ้วอย่างลืมตัว
ฟูมิที่สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างที่หางตามองผบ.ของตนเอง มุมปากเผยยิ้มเล็กๆ
คราวรู้ตัวว่าตนกำลังทำให้อีกคนไม่พอใจ
“ฉันไม่กวนแล้ว คุยกับผบ.ต่อตามสบายนะ”
หญิงสาวในชุดกี่เผ้าสีขาวหมุนตัว
เดินไปได้แค่สามก้าวเท้าก็พูดขึ้นลอยๆ “คืนนี้ฉันจะขอตรวจเช็คระบบทั้งหมดของ JP’s ดังนั้นคืนนี้ผบ.กับฮิบิกิจะกลับไปพักเลยก็ได้นะ”
พูดจบ ฟูมิก็เดินจากไป
เมื่ออยู่กันสองคนตามลำพังอีกครั้ง
บทสนทนาถูกสานต่อไม่ติดขัด
“นายมีแผนจะทำอะไรต่อ
ยามาโตะ” ถ้ายามาโตะคิดจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อล่ะก็
ฮิบิกิสาบานว่าตนจะเป็นคนคัดค้านมันแรก
“ฉันต่างหากที่ต้องถามนาย” ดวงตาสีอเมทิสแสนเย็นชาปราดมองมาประสานสบแน่นกับดวงตาสีฟ้ากระจ่างที่ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะมองมาเขาอย่างหวาดกลัว
ยำเกรงหรือเคารพ นอกเสียจากความนิ่งสงบเหมือนผืนน้ำสงบ หากภายใต้คลื่นน้ำสงบนั้น
คลื่นใต้น้ำกลับโหมกระหน่ำรุนแรง
คุเสะ
ฮิบิกิ----------------- มนุษย์ผู้เจิดจรัส-----------------------------------------
มนุษย์ที่มีพลังทัดเทียมกับเขา
หากเป็นผู้ที่มีความคิด และความเห็นแตกต่างกัน
แต่------
ก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยสักครั้ง-------------------------------------------
‘ฉันให้สัญญา------------------------
ยามาโตะ------------------------------------’
คนที่ครั้งหนึ่งเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่เขาไม่เคยแม้แต่ปรายตามอง
กลับพลิกผันมาเป็นตัวหมากแสนเลอค่าบนหมากกระดานของการต่อสู้
ทว่าเพียงเพราะแนวคิดที่ต่างกันเกินไป ท้ายที่สุด ก็ต้องกลายมาเป็นผู้ยืนหยัดอยู่กันคนล่ะด้านของหมากกระดานใช้ตัดสินชะตากรรมของโลกทั้งใบ
และที่น่าเหลือเชื่อที่สุด
คือ การที่คนที่แตกต่างกันแทบจะทุกอย่างแบบนี้เลือกที่จะมายืนอยู่ข้างๆ เขา------------------ในตอนนี้-----------------------------
และ-------
กลายมาเป็นคน--------- ที่เขาละสายตาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ-------------------
“พรุ่งนี้ฉันกะจะลองหาข้อมูลข่าวจากด้านนอกดู
ดูจากสภาพการณ์แล้ว ที่ต่อไปที่น่าจะโดนรุกรานอาจจะเป็นแถวชินจูกุ
แต่ฉันคงทำอะไรไม่ได้มากนอกจากหาข้อมูลจากด้านนอก ฉันจะทำคนเดียว มันน่าจะสะดวกต่อการเคลื่อนไหวมากกว่าการทำงานเป็นทีม
หรือต่อให้มีการปะทะกันจริง ฉันก็จะ----------------- หือ นายฟังฉันอยู่หรือเปล่า
ยามาโตะ”
ฮิบิกิกะพริบตาปริบ
เอียงคอฉงนกับสายตาที่จ้องเขม็งมาที่เขา
“เป็นอะไรไป”
ยามาโตะรู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรที่ขัดกับอุดมการณ์ของตน
เขาควรจะเพ่งสมาธิไปที่หน้าที่ในเวลาทำงาน แต่จะโทษเขาเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้
ต้องโทษดวงตาสีฟ้าใสที่สะกดสายตาเขาไว้ต่างหาก และนั่นทำให้ผู้บัญชาการของ JP’s
อดใจเอ่ยขอไม่ได้
“ฮิบิกิ
คืนนี้นายว่างเล่นหมากรุกกับฉันไหม”
.+..+..+..+..+..+..+..+..+.
เข็มนาฬิกาเรือนเก่าขยับกังวานในความเงียบงัน
สู่ห้องพักส่วนตัวที่มีความกว้างไม่ต่างจากห้องนั่งเล่น เฟอร์นิเจอร์โบราณวางอยู่ด้านข้าง
กลิ่นอายภายในอบอวนความประหลาดอันลึกลับ ชวนให้นึกถึงวันวานเก่าๆ
ที่นี่
คือห้องที่อยู่ส่วนลึกที่สุดในพื้นพิเศษ หรือก็คือห้องส่วนตัวของผู้บังคับบัญชาการแห่ง
JP’s โฮซึอิน ยามาโตะ
เป็นห้องที่ผู้เป็นเจ้าของไม่เคยให้ใครเข้ามาโดยพลการ กระทั่งเรื่องทำความสะอาดก็ยังเป็นคนจัดการเอง
ทว่าในค่ำคืนนี้
ดูเหมือนเจ้าของห้องจะไม่ได้อยู่เพียงลำพังอย่างที่ใครหลายๆ คนคาดคิด
ความเงียบถูกทำลายลงครั้งแล้วครั้งเล่า
เสียงของตัวหมากสีขาว และหมากสีดำที่ขยับเคลื่อนไปมาอย่างไม่ติดขัดบนกระดานหมากซึ่งดูแคบลงไปถนัดตาสำหรับคนสองคนที่นั่งกันอยู่คนละฝั่งบนโต๊ะซึ่งตั้งติดอยู่กับหน้าต่าง
แสงจันทร์เจิดจ้าสาดส่องลงมาจนไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ
ยิ่งเวลาผ่านไปนานมากเพียงใด
เงาของตัวหมากยิ่งทอดยาวขึ้นเรื่อยๆ จวบจนความเงียบถูกทำลายลงด้วยเสียงราบเรียบของ
โฮซึอิน ยามาโตะและหมากในมือที่วางกระทบลงบนกระดานเป็นครั้งสุดท้าย
“เช็คเมท”
ฮิบิกิจ้องกระดานเขม็งชะงักไปชั่วครู่
ควานสายตาหาทางรอดพ้นก็จนปัญญา ท้ายที่สุด เด็กหนุ่มเพียงแค่นยิ้มแห้งออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“แพ้ซะแล้ว” บรรยากาศตึงเครียดเลือนหายไปในพริบตาราวกับถูกเนรมิต
ความกะทันหันที่ไม่ทันตั้งตัวนี้พาลให้ยามาโตะมุ่นคิ้ว
“ยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ไม่สมกับที่เป็นนายเลยนะ”
“แพ้ก็คือแพ้” ฮิบิกิเอนตัวลงชนกับพนักพิงด้านหลัง ผ่อนลมหายใจยาว แม้จะผ่านมาแล้ว แต่ความเครียดในการจับหมากรุกครั้งแรกในชีวิตก็ยังไม่หายไป
แถมคนแรกที่ฮิบิกิเล่นหมากรุกด้วยดันเป็นยามาโตะซะนี่... ไม่ปราณีกันเลยสักนิด “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันนั่งเล่นอะไรแบบนี้”
อย่างน้อยฮิบิกิก็มั่นใจว่าเขาทำเต็มที่เท่าที่จะทำได้
“นายเพิ่งเคยเล่น?” ยามาโตะเลิกคิ้ว นึกถึงรูปแบบการเดินหมากของฮิบิกิแล้วต้องแปลกใจ
ตั้งแต่ยังเด็ก
ยามาโตะถูกสอนให้เล่นหมากรุกเป็น เรียนรู้กลยุทธ์ของอีกฝ่ายและนำมาพลิกแผลงอย่างรอบคอบ
และเพียงอายุแค่เจ็ดขวบ ยามาโตะก็สามารถเอาชนะปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเดินหมากรุกได้อย่างราบรื่น
ตลอดชีวิต
มีเพียงคนคนเดียว------- ไม่สิ
สิ่งเดียวที่ยามาโตะเคยแพ้ในหมากกระดานนี้ให้คืออัลคอร์
เซปเทรนทิออนที่หายสาบสูญไป โดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
นั่น----------
คือครั้งแรกที่เขาแพ้-----
ดังนั้นหากไม่นับอัลคอร์
คงต้องบอกได้ว่านี่คือครั้งแรกที่ยามาโตะโดนใครสักคนไล่ต้อนในการเล่นหมากรุกได้ขนาดนี้
และยิ่งไม่น่าเชื่อเมื่อคนที่เพิ่งไล่ต้อนเขาจนเกือบจนมุมเมื่อตะกี้คือคนที่กำลังบอกว่าตนเป็นพวก
‘มือใหม่หัดเล่น’
“ใช่” ฮิบิกินำหมากรุกกลับมาเรียงตำแหน่งบนกระดาน “ที่ฉันพอรู้วิธีเล่นก็เป็นเพราะสมัยประถมเพื่อนๆ
ของฉันชอบเอามาเล่นฆ่าเวลาในห้องกัน ก็เลยจำวิธีการเล่นได้”
ฮิบิกิจำได้ว่าช่วงนั้นทางโรงเรียนต้องส่งตัวแทนสามคนไปแข่งหมากรุก
วุ่นวายให้อาจารย์ต้องจัดการแข่งขันขึ้นกันในห้องเพื่อค้นหาว่าใครเหมาะสมที่สุด
และจำได้ว่าตนในตอนนั้นไม่ได้สมัครเป็นตัวแทน
อาจเป็นเพราะช่วงนั้นฮิบิกิจดจ่ออยู่กับการเล่นเปียโนมากกว่า ถึงอย่างนั้น
ในเวลาว่างๆ ที่ว่างจากการเล่นดนตรีหรือฟังเพลง เด็กหนุ่มก็จะนั่งอยู่เฉยๆ ในห้อง
มองการเล่นหมากรุกของเพื่อนร่วมห้อง พร้อมจดจำวิธีการใช้ของหมากแต่ละตัว
วิเคราะห์กลยุทธ์ของสองฝั่งอย่างใจเย็น คิดหาวิธีการเล่นในแบบฉบับของตนเองอย่างไม่รู้ตัว
โฮซึอิน
ยามาโตะกระตุกยิ้มที่มุมปาก “ก็สมกับที่เป็นนายดี”
“ฉันไม่ถือว่านั่นเป็นคำชมหรอกนะ” ฮิบิกิไหวไหล่
“หึ นั่นเป็นเพราะนายมีความสามารถ-------------” ยามาโตะขยับหมากสีขาวที่ถูกกินกลับเข้าอีกฝั่ง “ว่าแต่----
นายจะไม่บอกฉันหน่อยหรือว่านายมี ‘แผน’
จะทำอะไร”
ช่วงนี้ฮิบิกิมีอาการเหม่อลอยกว่าปกติ
หากเป็นคนอื่น ยามาโตะคงไม่เก็บมาคิดให้รกหัว แต่เพราะเป็นฮิบิกิ
เด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นถึงผู้บัญชาการของ JP’s
เลยมั่นใจได้ว่าไม่ว่าเรื่องอะไรที่ฮิบิกิไป ‘รู้มา’ มันต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่ๆ
“ฉันยังบอกไม่ได้” ฮิบิกิหลุบตา------------- ราวกับยังไม่แน่ใจ “จนกว่าฉันจะแน่ใจว่าสิ่งที่ฉันคิดมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ-------------------”
“เลยบอกว่าจะไปหาข้อมูลพรุ่งนี้สินะ”
“ใช่” ฮิบิกิพยักหน้า
“หวังว่าจะไม่ตายไปก่อนล่ะ” เรื่องอะไรก็ตามที่มันทำให้ฮิบิกิต้องเก็บมาคิดไม่ตก
มันต้องไม่ใช่เรื่องภารกิจเล็กๆ แน่ๆ
ฮิบิกิถอนหายใจ
“ยามาโตะช่วยพูดอะไรน่าฟังๆ หน่อยสิ”
“ฉันจะพูดแบบไหนมันก็เรื่องของฉัน” ยามาโตะจัดวางหมากสีขาวฝั่งฮิบิกิจนครบกระดานแล้ว
ขณะที่ฮิบิกิดูเหมือนจะยังดูสับสนอยู่เล็กน้อยกับตำแหน่งประจำของหมากแต่ล่ะตัว “เอาเป็นว่า------ ระหว่างทำการค้นหาข้อมูล
ฉันจะสั่งให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจับตาดูการเคลื่อนไหวรอบตัวนาย ถ้านายต้องการติดต่อมาหาทางเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
“นายไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้---------”
“แล้วนายไม่คิดจะรีบกลับมาล้างมือที่แพ้ฉันไปหน่อยหรือ” ยามาโตะเลิกคิ้ว “ไม่เจ็บใจบ้างรึไง---?”
มือสวมถุงมือแย้งหมากสีดำในมือฮิบิกิที่กำลังสับสนว่าจะวางหมากในมือลงตรงไหนเข้าประจำตำแหน่ง
“อีกอย่าง-------- เล่นหมากรุกกับนาย---- ก็ถือเป็นการฆ่าเวลาที่ไม่เลว-----------------” พูดจบ ยามาโตะก็ชักสีหน้าแปลกๆ
เหมือนกับไม่รู้ว่าตนพูดอะไรออกมา
ฮิบิกิพูดไม่ออกไปสักพัก
ครั้นเห็นสีหน้าเหมือนตนเองก็ตกใจว่าพูดอะไรออกมา ฮิบิกิขยับยิ้มกว้าง
“อืม เอางั้นก็ได้”
ถ้าเป็นยามาโตะสมัยก่อน
ฮิบิกิคงไม่มีทางเชื่อว่าจะมีคำพูดอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องของ JP’s หลุดออกจากปากของยามาโตะ
แม้จะทีละเล็กทีละน้อย-------------
แต่เขารู้สึกเหมือนกลับว่ายามาโตะกำลังค่อยๆ เปลี่ยนไป--------------------
ทันใดนั้น
เสียงขยับกึกของเข็มนาฬิกาโบราณก็ดังขึ้น
“เวลาผ่านมาขนาดนี้แล้วหรือเนี่ย” ฮิบิกิแหงนมอง เข็มหน้าปัดโบราณบอกเวลาว่าตอนนี้อยู่ในช่วงตีสามพอดี “ดูเหมือนจะเล่นเพลินไปหน่อย-------- นายไปพักได้แล้ว” เผลอคิดว่าคืนนี้น่าจะมีเวลาเพียงพอที่จะให้ยามาโตะพักผ่อนก็เลยตอบตกลงไป
แต่ดันเล่นหมากรุกเพลินจนลืมเวลาไปเสียนี่ แผนการที่จะให้ยามาโตะมีเวลาพักขึ้นดูเหมือนจะคว้าน้ำเหลวเหมือนเคย
คิ้วซ้ายโค้งขยับขึ้นสูง
“นั่นมันน่าจะเป็นคำพูดของฉันนะ”
“ตอนนี้ฉันเริ่มชินที่จะไม่ได้นอนสักวันสองวันแล้วล่ะ” ฮิบิกิใช้มือเสยเส้นผมยุ่ง “ต้องทำงานอยู่ที่ JP’s
แท้ๆ เวลาชีวิตฉันเลยรวนไปหมดเลย”
ถึงแม้ภารกิจส่วนใหญ่ของ
JP’s จะเป็นช่วงเวลากลางคืน
แต่ก็ใช่ว่าไม่มีช่วงกลางวัน
ยิ่งช่วงนี้เริ่มมีเหตุให้ต้องออกภาคพื้นสนามเยอะกว่าปกติ
ทั้งยังมีแนวโน้มสูงว่าจะถี่ขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่ช้า ฮิบิกิอาจต้องอดนอนทั้งวันทั้งคืนไปสามสี่วันแทนที่จะเป็นหนึ่งถึงสองวันเลยก็เป็นได้--------------------------------
“ถ้าไม่ชอบก็ลาออกซะสิ” ยามาโตะเสนอทางเลือกที่ดูยังไงก็เป็นการขับไล่มากกว่า
“ไม่มีทาง” ฮิบิกิลุกขึ้น หยิบ ‘คิง’
หมากสีดำตัวสุดท้ายกระแทกลงที่ตำแหน่งประจำฝั่งของยามาโมโตะ
เรียกให้ดวงตาสีอเมทิสมองอย่างเย็นชาที่อาจทำให้ใครหลายๆ คนหวั่นเกรง แต่กับฮิบิกิ
เด็กหนุ่มท้าวแขนลงกับโต๊ะ ขยับกายเข้าไปใกล้ฝั่งตรงข้าม
“ฉันเลือกที่จะมาที่นี่ของฉันเอง” สายตาแน่วแน่ และซื่อตรง
ปราศจากความเสแสร้งจ้องมองไปที่ผู้นั่งฝั่งตรงข้าม “และไม่เคยเสียใจที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้”
ยืนอยู่----------
ตรงหน้านายที่ยังมีลมหายใจ----------------------------------
ต่อหน้าตัวตนของนายที่จดจำ
ได้ก้าวผ่านช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง
เมื่อหนึ่งปีก่อน
ในตอนที่ฮิบิกิได้รับความทรงจำกลับคืนมา สิ่งแรกที่เขานึกถึงไม่ใช่ทั้งการประสบความสำเร็จที่จะสร้างหนทางให้กับโลก
หรืออนาคตต่อจากนี้
แต่เป็น
‘ตัวตน’ ของ โฮซึอิน ยามาโตะ
ที่ยืนอยู่ตรงนี้------------
ที่มีชีวิตอยู่ตรงนี้--------------------------------------
‘เราจะต้องได้พบกันอีกครั้ง’ คำพูดที่ฮิบิกิพูดไว้เป็นครั้งสุดท้ายกับยามาโตะที่สิ้นใจลงในอ้อมแขน
เพราะอย่างนั้น---------
ในวินาทีที่ฮิบิกิได้รับความทรงจำทั้งหมดคืนมา
เขาเลยวิ่งออกจากสถานีรถไฟไปเพื่อพิสูจน์ว่ายังคงมีตัวตนของ โฮซึอิน ยามาโตะ
อยู่หรือไม่
โฮซึอิน
ยามาโตะ----------- หนึ่งชีวิตที่เลือกที่จะแบกรับโชคชะตาทั้งหมด
ต้องเข้มแข็งขนาดไหนกันถึงเลือกหนทางที่เดียวดายและแสนอ้างว้างแบบนี้ได้----------------------?
ต้องเสียสละเพื่อทุกคนมากแค่ไหนกันถึงได้ยอมแม้แต่จะละทิ้งทุกสรรพสิ่งเพื่อสร้างโลกใบใหม่ที่ตนคิดว่าจะเป็นโลกที่ดีกว่าเดิม----------------------?
แล้วทำไม----
เขาจะต้องปล่อยให้คนที่คิดถึงแก่โลกมากมายขนาดนี้ต้องหายไปล่ะ----------------------?
ดังนั้น--------------
พอฮิบิกิเห็นยามาโตะบนรถของ JP’s ที่กำลังเคลื่อนออกไปข้างนอกเมื่อหนึ่งปีก่อน
ความรู้สึกยินดีแล่นปรี่ล้นในอก ดีใจนักที่ โฮซึอิน ยามาโตะ ไม่ได้หายไปไหน
แม้จะทำใจส่วนหนึ่งไว้แล้วว่ายามาโตะคงจำตนเองไม่ได้เหมือนกับพวกไดจิกับอิโอะ ทว่ารอยยิ้มที่ได้รับกลับมา
ราวกับจะบอกว่า ‘ในที่สุดเราก็ได้พบกัน’
และยังบาดแผลบนใบหน้าที่เกิดบนศึกครั้งสุดท้าย-------------------------------
เพียงภาพที่ได้เห็น
ฮิบิกิก็เผลอร้องไห้ออกมา-----------------------------------
และเผลอคิดไปว่า
บางที นั่นอาจเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุดในชีวิต
ยามาโตะมองฮิบิกิอย่างช่างใจชั่วครู่แล้วปิดตาลง
คลี่รอยยิ้มบางสื่อความนัยถึงความพึงพอใจในบางอย่างที่ฮิบิกิไม่อาจตีความหมาย
“หน้านายเหมือนคนใกล้หลับเต็มทีแล้ว
ไปพักได้แล้ว” แต่คำพูดที่พูดออกมานี่----- ประโยคไล่ดีๆ
นี่เอง-------------
ฮิบิกิถามไม่เลิก
“แล้วนายล่ะ----?”
ขณะที่กำลังเตรียมง้างปากว่าจะไม่ไปจนกว่ายามาโตะจะพัก
ยามาโตะที่ดูเหมือนจะอ่านเกมส์ทันก็พูดดักขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้านายไปเมื่อไหร่
ฉันก็ได้พักเร็วขึ้นเมื่อนั้น---------------”
“งั้นฉันไม่กวนแล้ว” ฮิบิกิดันเก้าอี้ออก เด็กหนุ่มก้าวออกจากห้องไปอย่างไร้เสียง
ทว่าก่อนจะปิดประตูในเสี้ยววินาทีสุดท้าย คุเสะ ฮิบิกิชะโงกหัวยุ่งๆ กลับเข้ามา
ดวงตาสีฟ้าใสต้องแสงจันทร์บางส่วนทำให้นัยน์ตาสีฟ้าดูใสวาวดุจลูกแก้ว
“เจอกันพรุ่งนี้เช้า
ราตรีสวัสดิ์ ยามาโตะ”
ระหว่างที่กำลังบานประตูปิดลง
ฮิบิกิได้ยินเสียงคนข้างในพูดออกมา
“แล้วเจอกัน ฮิบิกิ”
....................................................................
........................................
...................
...
.
TBC
[火曜日: Tuesday of Disorder ①]
[月曜日: Monday of Peculiarity ①]
มันช่างหวานเหลือเกิน
ReplyDeleteSitus Judi Slot Online Terlengkap | Dari Agen Casino
ReplyDeleteSitus judi online terlengkap seperti judi slot choegocasino online terpercaya, 제왕카지노 judi bola, slot88 인카지노 & pragmatic play terbaik di Indonesia.