หน้าเว็บ

Wednesday, March 9, 2016

火曜日: Tuesday of Disorder ①


+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+..+...+..+..+..+.

火曜
Tuesday of Disorder


[Let’s survive]





อาคารรัฐสภา 06.39 AM
สวัสดีครับ คุณมาโคโตะ
อืม ซาโกะ มาโคโตะรับคำในลำคอ เห็นคุเสะ ฮิบิกิเดินเข้ามาด้วยสีหน้าสดชื่นแล้วอดทักถามไม่ได้ เมื่อคืนหลับสบายไหม แม้จะมีเวลานอนแค่ห้าถึงสี่ชั่วโมง แต่ในทุกๆ เช้า ฮิบิกิก็สามารถส่งยิ้มสดชื่นให้กับมาโคโตะได้อย่างไม่มีปัญหา
ครับ
ตั้งแต่เข้ามาทำงานใน JP’s ฮิบิกิมีห้องพักส่วนตัว เป็นห้องดี่ยว กว้างกว่าห้องที่เขาเคยพักอยู่กับไดจิในช่วงที่เกิดการต่อสู้กับโพลาลิส ทั้งโทนสีและบรรยากาศของห้องก็เป็นสีขาวปลอดโปร่ง ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ไม่หดหู่ เมื่อเทียบกับห้องเก่าที่มีสภาพและบรรยากาศชวนหม่นหมอง ไม่ต่างจากห้องขัง
มาโคโตะมองวงหน้าอ่อนเยาว์ของฮิบิกิ แล้วเผลอนึกถึงตนเองในช่วงม.ปลาย
มาโคโตะ เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ตอนนั้นเธอจดจ่ออยู่กับการเป็นนักกีฬาและการแข่งขันเพื่อเป็นตัวแทนระดับเขตเท่านั้น แต่หลังจากประสบอุบัติเหตุ ความฝันของเธอพังทลาย ท้ายที่สุด เธอเลือกที่จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยตามคำแนะนำของผู้เป็นญาติ กระทั่งถูกรัฐบาลเรียกตัวให้มาเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่พิเศษของ JP’s
ไม่ว่าจะเป็นใคร ต่างล้วนถูก JP’s เชิญตัวมาทั้งนั้น
แต่คุเสะ ฮิบิกิ--------- เด็กคนนี้กลับเลือกที่จะมาที่นี่ด้วยความตั้งใจ ไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียวที่จะตอบตกลง ทั้งยังเป็นคนทุ่มทั้งกำลังและเวลาให้กับ JP’s -------- สถานที่ที่มีแต่เรื่องอันตรายมากกว่าใครๆ------------------------------------
ซาโกะ มาโคโตะนึกย้อนไป
หนึ่งปีก่อน เป็นช่วงที่ทุกๆ ปี JP’s จะเริ่มทำการสำรวจประชากรเพื่อค้นหาผู้มีคุณสมบัติในการอัญเชิญปีศาจ และหนึ่งในกลุ่มคนธรรมดาที่จู่ๆ ก็โดดเด่นขึ้นใน คือ คุเสะ ฮิบิกิ
หากเทียบกับผลของปีก่อนหน้านั้น เด็กหนุ่มยังเป็นคนธรรมดาที่มีค่าตัวแปรสัมประสิทธิ์ในการอัญเชิญไม่สูงเท่าไหร่
ดังนั้น ทันทีที่คุเสะ ฮิบิกิเรียนจบ ทาง JP’s ก็ได้ทำการติดต่อส่วนตัวไปหา และเรียกมารายงานตัวเพื่อชี้แจ้งถึงรายละเอียดปลีกย่อยในส่วนต่างๆ ของ JP’s  
ขณะที่กำลังเล่าเรื่องถึงรายละเอียดต่างๆ ทั้งเรื่องขององค์กรลับที่ทางรัฐบาลจัดขึ้น ปีศาจอัญเชิญ การคงอยู่ของเขตแดนป้องกันพลังวิญญาณ รวมถึงเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่อาจทำให้ใครหลายๆ คนหัวเราะ สวนกลับมาว่า นี่คุณเล่าอะไรให้ผมฟัง
แต่ คุเสะ ฮิบิกิ ------------- เขาเป็นคนแรกและคนเดียวที่นั่งรับฟังทุกอย่างด้วยความสงบ แตกต่างจากคนคนอื่นๆ ที่พอเล่าไปเรื่อยๆ ก็มักชักสีหน้าตื่นตระหนก ระส่ำระส่ายเพราะความกังวล ดวงตาไม่ได้ทอดมองไปที่ไหนฉายความสงบนิ่งดุจผืนน้ำไร้ระรอก ที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกหวั่นเกรงไม่ได้ยามหวนนึกถึง
ผมจะทำงานที่นี่
มาโคโตะไม่รู้หรอกว่าอะไรทำให้เด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ในเรื่องการเรียน มีสิทธิ์สอบเข้ามหาวิทยาลัยโด่งดังหลายแห่งเลือกจะละทิ้งโลกอันแสนสงบสุข และเข้ามาทำงานที่ JP's แทน
จะให้กล่าวว่าเป็นเรื่องของความขัดสนก็เกรงว่าจะไม่ถูกต้อง เพราะในวันที่เซ็นสัญญาทำงานร่วมกับ JP’s เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะปรายตามองตัวเลขในกระดาษเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้น พอเห็นใครสักคนมีความมุ่งมั่นให้กับ JP’s มากมายขนาดนี้ มันเลยทำให้ทีแรก มาโคโตะอดระแวงในตัวของฮิบิกิไม่ได้ มาโคโตะเลยนำเรื่องนี้ไปแจ้งให้กับคนเป็นผบ. พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าบางที คุเสะ ฮิบิกิ อาจเป็นกบฏแฝงตัวเข้ามา
แต่ยามาโตะกลับหัวเราะเยาะเบาๆ และพูดกับหญิงสาวว่า
ดื้อด้านซะขนาดนั้น เจ้าพวกฝั่งกบฏพวกนั้นไม่มีปัญญาคุมเขาอยู่หรอก
คำพูดนี้ พาให้มาโคโตะคลายความข้องใจในตัว คุเสะ ฮิบิกิ ไปได้หลายส่วน ขณะเดียวกันก็พาให้เธอรู้สึกสงสัยความสัมพันธ์ของผบ. และตัว คุเสะ ฮิบิกิ
เหมือนกับ--------------- เคยรู้จักกันมาก่อน------------------?
แต่มันจะเป็นไปได้ไง มาโคโตะทำงานร่วมกับยามาโตะมาสามปี เธอไม่เคยเห็นหัวหน้าหยุดงานเลยสักวัน ฮิบิกิเองก็เคยบอกกับเธอแล้วว่าตนเพิ่งพบกับยามาโตะครั้งแรกเมื่อหนึ่งปีก่อน--------------
แต่-------------- ทำไมบางครั้ง เธอเอง----- ก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าทั้งผบ. คุเสะ ฮิบิกิ แล้วก็ตัวเธอเคยพบกันมาก่อน-------------------------------------------------?
บางครั้งเธอจะกลับไปพักที่บ้านเธอบ้างก็ได้นะ
ครับ----?
เธอไม่คิดจะกลับบ้านหน่อยหรือ มาโคโตะถามอย่างเป็นห่วง
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นมือขวาให้กับ โฮซึอิน ยามาโตะ เลยทำให้ต้องแบกรับภาระยุ่งยากหลายๆ อย่างมากกว่าคนอื่น แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่มีเวลากลับไปผักผ่อน หรือกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านนานๆ ครั้ง
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา มาโคโตะเฝ้าจับตาดู คุเสะ ฮิบิกิ มาตลอด และมั่นใจว่าเด็กหนุ่มแทบจะไม่ได้กลับบ้านของตนเลยสักครั้ง แม้แต่ในงานเทศกาลหรือวันหยุด ฮิบิกิเลือกจะนอนค้างอยู่ที่ JP’s แทนที่จะกลับบ้าน ไม่ก็แบ่งเวลาว่างส่วนใหญ่ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ มากกว่าการอยู่กับครอบครัว
ดวงตาสีฟ้าหลุบลง -------ก็ใช่ว่าไม่เคยหรอกครับ   
ทุกวันนี้ ฮิบิกิเลือกที่จะอยู่ห้องพักที่ JP’s แทนที่จะกลับบ้าน-------------
บ้านที่เขาไม่อยากจะกลับไปสักเท่าไหร่------------------------------------
พ่อแม่เธอเขาจะไม่เป็นห่วงเอาหรือ ถามอย่างให้ย้ำคิด ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับมากลับทำให้หญิงสาวไปไม่เป็น
ไม่รู้สิครับ
คำตอบนั้น------- ไม่น่าจะใช่คำตอบที่หลุดออกจากปากของ คุเสะ ฮิบิกิ เลย
ครั้นมองที่ใบหน้าอ่อนเยาว์นั่นอีกครั้ง มาโคโตะรู้ได้เลยว่าตนก้าวพลาดเสียแล้ว
รอยยิ้มกระจ่างบนใบหน้า------- กับดวงตาที่เหมือนกับ ไม่อยากคาดหวัง---------- คือสิ่งที่เธอไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะได้เห็นมันจาก คุเสะ ฮิบิกิ
คนเราต่างประสบเรื่องราวในชีวิตแตกต่างกันออกไป บางคนเจอปัญหาเล็ก แต่ทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ บางคนเจอปัญหาใหญ่แต่สามารถจัดการรับมือกับมันได้ แต่เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตสังคม ในบางครั้งก็จำเป็นต้องได้รับแรงสนับสนุนจากคนรอบข้างโดยเฉพาะจากครอบครัว เหมือนกับในครั้งที่มาโคโตะประสบอุบัติเหตุ ร่างกายที่บาดเจ็บครั้งนั้นเปรียบเสมือนสิ่งที่คอยตอกย้ำว่าเธอได้สูญเสียความฝันของตนไปแล้ว และคนที่คอยประคองไม่ให้เธอทำตัวไร้จิตวิญญาณก็คือบรรดาญาติคนอื่นๆ ที่มักมาเยี่ยมเยียน เอ่ยปลอบโยนเธอด้วยความห่วงใย
แต่คำตอบที่เฉยชาของ คุเสะ ฮิบิกิ พาให้คนฟังอย่างมาโคโตะรู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่หญิงสาวก็ไม่สิทธิจะเอ่ยตักเตือนหรือเข้าไปก้าวก่าย เพราะนั่นจะหมายความว่าเธอกำลังล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของ คุเสะ ฮิบิกิ
ท่ามกลางสถานการณ์ที่คุกรุ่นด้วยความอึดอัด ฮิบิกิเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน
แล้วยามาโตะะครับ การเปลี่ยนเรื่องกะทันหันไม่ทำให้คนอย่าง ซาโกะ มาโคโตะ ตอบสนองอย่างเชื่องช้า
ผบ.เข้าห้องประชุมไปแล้ว
ตามกำหนดการ การประชุมเริ่มช่วงเก้าโมงเช้า แต่มารยาทการรับประทานอาหารร่วมกันก่อนของคนในรัฐสภาสูงคือสิ่งที่ โฮซึอิน ยามาโตะ หลีกเลี่ยงไม่ได้
มาโคโตะรู้ว่าผบ.ของเธอไม่ชอบหน้าพวกสมาชิกในรัฐสภาสักเท่าไหร่ แต่ถึงจะรู้ เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเฝ้ารอการกลับมาของเด็กหนุ่มอยู่ด้านนอกเงียบๆ
แล้วเธอล่ะ มาที่นี่ทำไม
ผมมาคุยกับยามาโตะน่ะครับ ฮิบิกิโคลงหัว ผมมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย
งั้นเหรอ------ ถ้างั้นคงต้องรอนานหน่อยนะ
ฮิบิกิคลี่ยิ้มบางให้กับหญิงสาว สบายมากครับ
เวลาหมุนผ่านไปเชื่องช้า จากสิบนาทีเป็นหนึ่งชั่วโมง หากคนสองคนก็ยังคงยืนอยู่หน้าประตูเพื่อเฝ้ารอใครอีกคนในห้องนั้น
ฮิบิกิที่กำลังยืนพิงกำแพงข้างประตูห้องประชุมกดโทรศัพท์ ไล่หาข้อมูลของคนในสภาระดับสูงทั้งสิบสองคนอย่างละเอียด โดยไม่ลืมที่จะอ่านข่าวสารทั่วไปที่มักมีคำกล่าวยกย่องสรรเสริญคุณงามความดีของคนในรัฐสภา สลับกับข่าววงใน----------- ที่มีแต่เรื่องไม่ค่อยน่าอภิรมย์สักเท่าไหร่-------------------------------
มือกำโทรศัพท์แน่น ขุ่นเคืองในตนเองที่ในตอนนี้ ตนไม่มีอำนาจพอจะยื่นมือเข้าไปช่วยเจ้าของดวงตาแสนเย็นชาคนนั้นได้
เพราะต้องเจอกับคนแบบนี้มาตลอด ยามาโตะเลยบอกว่าคนที่มีความสามารถเท่านั้นถึงจะเป็นผู้นำสินะ
ถูกหล่อหลอมให้กลายมาเป็นคนที่ต้องแบกรับทุกอย่างเพียงลำพัง ท่ามกลางผู้คนที่มีแต่ความเห็นแก่ตัว ถ้าเป็นเขา เขาคงคลั่งตายไปแล้ว 
นิ้วกดปุ่ม สายตาไล่เรียงไปตามแต่ล่ะตัวอักษร ก่อนสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างในข้อมูลของแต่ละคน
นี่มัน------------
ตาสีฟ้าทอแสงวาววับกับความผิดปกติ ฮิบิกิเพ่งสมาธิ จดจ่อกับข้อมูลเบื้องหน้า ด้วยสมาธิที่ถูกรวมไว้ในจุดจุดเดียว ทำให้ฮิบิกิลืมไปว่ามาโคโตะยังยืนอยู่ข้างๆ
มาโคโตะที่เห็นฮิบิกิทำหน้าจริงจังเรียกอย่างสงสัย คุเสะ ฮิ-----------------------------
ตี๊ด----------------------! ตี๊ด-------------! โทรศัพท์ในมือถือของมาโคโตะเปล่งเสียงร้องขึ้นมาก่อน หญิงสาวมองรายชื่อคนที่ติดต่อมาหาเธอ ก่อนเลิกคิ้ว ขยับออกห่างฮิบิกิเล็กน้อย และกดรับสาย
ค่ะ ดิฉัน ซาโกะ มาโคโตะ
คุยสายได้ราวสองนาทีเศษ มาโคโตะก็กดตัดสาย และหันมาบอกกับฮิบิกิ เธอไปทำงานก่อนก็ได้นะ กว่าหัวหน้าจะออกมาก็คงอีกราวๆ สองชั่วโมง ฉันต้องไปคุมห้องบัญชาการแทนท่านผบ.ก่อน ถ้ามีอะไรติดต่อหาฉันได้ตลอด
ฮิบิกิยิ้มขอบคุณ ครับ ทว่าก่อนที่มาโคโตะจะเดินออกไป ฮิบิกิรีบเอ่ยรั้งไว้
คุณมาโคโตะ
มีอะไรหรือ
จะเป็นอะไรไหมครับถ้าผมจะขอให้คุณมาโคโตะช่วยส่งหน่วยพิกัดที่ช่วงนี้มีการถูกรุกรานให้หน่อยได้ไหมครับ วันนี้ผมจะออกไปหาข้อมูลสักหน่อย
ได้ ฉันจะส่งผ่านทางข้อความไปให้ มาโคโตะเตือน เธอเองก็ระวังตัวด้วยนะ แม้จะเคยเห็นความสามารถของ คุเสะ ฮิบิกิ ประจักษ์ตามาแล้ว เธอก็ยังอดกังวลไม่ได้ เพราะนี่ถือเป็นภารกิจสืบข่าวครั้งแรกของฮิบิกิ แถมยังทำเพียงคนเดียวอีกต่างหาก
ครับ------------- และถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะขอประวัติของคนในสภาระดับสูงด้วยได้ไหมครับ
มาโคโตะมองฮิบิกิด้วยสายตาจ้องจับผิด เธอคิดจะทำอะไร
นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของคนพวกนั้นนะครับ ฮิบิกิบอกเสียงหนักแน่น ยื่นโทรศัพท์มือถือของตนที่โชว์ข้อมูลซึ่งฮิบิกิเอามาเรียบเรียงอย่างรายละเอียดไปทางมาโคโตะ
พราะดูเหมือนว่ายามาโตะจะเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ"

.+..+..+..+..+..+..+..+..+.

เวลาสิบโมงครึ่ง การประชุมสิ้นสุดลง บุคคลในสภาระดับสูงทั้งสิบสองคนเดินออกจากห้องไปก่อนตบท้ายด้วย โฮซึอิน ยามาโตะ ผู้อาวุโสน้อยที่สุดเดินออกจากห้องประชุมเป็นคนสุดท้าย
วงหน้าหล่อเหลาปราศจากอารมณ์ กระแสอำนาจที่ข่มให้ใครทุกคนต้องหวาดกลัว แสงทอคมปราบในดวงตาบ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้เขามีเป้าหมายมั่นคงอยู่ในใจแล้ว
ใครก็ตามที่คิดจะขัดขวางแผนของเขา-------- ก็คือศัตรู-----------------------
เท้ายาวสาวออกจากประตูห้องประชุม ก่อนชะงักเมื่อหางตาสะดุดอยู่กับเสื้อคลุมฮู้ดหูกระต่ายสีดำแสนคุ้นตา และตอนนี้ ใครคนนั้นที่ว่าก็กำลังจดจ้องหน้าโทรศัพท์สีฟ้าสั่งทำพิเศษในเครือของ JP’s
ใครคนนั้นทักถาม นายดูอารมณ์ไม่ดีนะ ยามาโตะ
คิ้วซ้ายเลิกสูง นายบอกกับฉันเมื่อคืนว่าจะไปหาข้อมูลไม่ใช่หรือ ฮิบิกิ
----------เมื่อคืนฉันบอกแล้วว่า 'เจอกันตอนเช้า' ต่างหาก" แม้จะไม่แสดงออกมาโดยตรง แต่เมื่อสบลึกเข้าไปในดวงตาสีอเมทิส ฮิบิกิสามารถมองเห็นได้ถึงเค้าลางของพายุบางๆ -----------
"การประชุมเป็นไงบ้าง  
ยาโมโตะพูดอย่างเย็นชา "เข้าเรื่องได้แล้ว"
"จู่ๆ ช่วงนี้ ข่าวของพวกสมาชิกระดับสูงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฉ้อโกงบ้าง หนีภาษีบ้าง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยมีให้เห็นแท้ๆ ไม่มีทางที่นี่จะเป็นเรื่องบังเอิญ--- ต้องมีใครบางคนจงใจเอาความลับมาเปิดเผย ถึงจะไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นฝีมือใคร แต่----------------  ฉัน---- คิดว่าฉันรู้นะ----" ฮิบิกิยักไหล่ ท่าทางผ่อนคลายจนดูเหมือนไม่ใส่ใจ แค่ยกอ้างขึ้นมาเป็นประเด็นในการพูดเฉยๆ และนั่นทำให้คนฟังพาลอารมณ์ไม่ดีกับท่าทีที่ไม่อาจคาดเดาได้ของคนตรงหน้า
"นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่-------?"
ฮิบิกิโคลงศีรษะทีหนึ่ง "ฝีมือของนายสินะ---- ยามาโตะ-----------?" ตาช้อนขึ้นสบอย่างวาวโรจน์ คิดจะเก็บคนพวกนั้นให้หมดเลยหรือ?
ยามาโตะถามย้อน "ถ้าใช่แล้วจะทำไม
ยามาโตะไม่ต้องการให้ฮิบิกิยื่นมือเข้ามาเกี่ยว หรือถ้าฮิบิกิยังเลือกที่จะยื่นมือเข้ามา----- เขาก็จะไม่อ้อมมือให้อีกฝ่ายเด็ดขาด นายห้ามฉันไม่ได้หรอก"
ถ้าหากไม่ถอนรากถอนโคนต้นตอความชั่วร้ายทั้งหมด เรื่องเหล่านี้ก็จะดำเนินต่อไปไม่จบไม่สิ้น ยามาโตะมั่นใจว่าฮิบิกิรู้ ถ้างั้นทำไม-----------?
หากความสงสัยในใจก็ได้อันตรธานหายไป เมื่อได้ยินคำตอบต่อมาของฮิบิกิ 
"ฉันไม่คิดจะห้ามนายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว" ฮิบิกิพับโทรศัพท์เก็บเข้าเสื้อคลุม แผ่นหลังผละจากกำแพง เดินมาประจันหน้ายามาโตะอย่างไม่เกรงกลัว และเอ่ยข้อมูลที่ตนใช้เวลาเก็บเกี่ยวมากกว่าสองชั่วโมงออกมา
แต่ว่า----------- ฉันจำเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐสภาได้ครบทุกคนแล้ว ทั้งประวัติส่วนตัว ข้อมูลที่อยู่ รวมถึงคนรอบข้างของแต่ละคน ถ้าฉันรู้ว่ามีใครบางคนในกลุ่มของเจ้าหน้าที่ระดับสูง หรือคนบริสุทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับคนพวกนี้ประสบอุบัติเหตุ หรือเสียชีวิตไปกะทันหันล่ะก็-----------------------
ดวงตาใต้ฮู้ดสีดำเหมือนจะทอแสงเรืองรอง น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวเป็นเอกลักษณ์ส่อถึงเค้าจริงจัง
เราจะได้เห็นดีกันแน่------- โฮซึอิน ยามาโตะ-------------------------------------
นี่คือ----- คำประกาศเป็นศัตรู---
ฮิบิกิจำเรื่องที่โรนัลโด้บอกว่าตนโดนยามาโตะสั่งปิดปากหลังจากได้รับรู้ความลับของตระกูลโฮซึอิน แม้จะไม่รู้ว่าสิ่งที่โรนัลโด้พูดเป็นความจริงหรือเปล่า เพราะเขาไม่เคยถามกับเจ้าตัวโดยตรง หรือต่อให้ถาม คำตอบที่ได้รับกลับมานั้นก็อาจเป็นเรื่องจริงหรือไม่ฮิบิกิก็ยังไม่รู้
ดังนั้น-------- เขาจะค้นหา ความจริง จากยามาโตะที่ยืนอยู่ ตรงนี้
ยามาโตะปรายตามอง ฉันไม่คิดจะฆ่าคนพวกนั้นอยู่แล้ว---------------
ตลอดเวลาที่ผ่านมา โฮซึอิน ยามาโตะ ไม่เคยคิดจะฆ่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงอยู่แล้ว เด็กหนุ่มจำใจปิดตาข้างหนึ่ง แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นหรือรับฟังเสียงนกเสียงกา ปล่อยให้คน----- ขยะเหล่านั้นนั่งสะดวกสบายอยู่บนเก้าอี้หรูหรา อยู่กับคุณภาพชีวิตอันเฟื่องฟู เพราะยังไงซะ หมากที่ไม่คิดเรื่องอะไรอื่นนอกจากเรื่องของตัวเอง----- ย่อมเป็นหมากที่ใช้งานง่ายที่สุด-----------------
เจ้าขยะที่ได้คิดผยองว่าตนเหนือกว่าใครๆ สุดท้ายก็เป็นแค่หมากที่ใช้แล้วทิ้งอยู่บนอุ้งมือของเขา------
แต่ในตอนนี้ โฮซึอิน ยามาโตะไม่มีความคิดแบบนั้นอีกแล้ว
ในเมื่อ------------------------ คนตรงหน้าเองไม่ใช่หรือ ที่บอกกับเขาเองว่าทุกคนต้องเปลี่ยนไปด้วยกัน
ค่อยๆ เปลี่ยนโลกด้วยก้าวเล็กๆ----------- ค้นหาคนที่ไม่ใช่ขยะขึ้นเป็นตัวแทนให้กับประชาชนที่ดี สร้างหนทางใหม่ ผลักดันไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง-------------------------
ฮิบิกิพยักหน้า ยิ้มบางๆ ดวงตาใสฉายความสุขกับคำตอบของยามาโตะ ฉันดีใจที่นายไม่คิดจะฆ่าพวกเขา
ยามาโตะกอดอก พินิจอีกฝ่ายอย่างรอบคอบ นายมารอฉันที่นี่หลายชั่วโมงเพื่อคุยเรื่องพรรค์นี้
ใช่
หึ ไร้สาระ ยามาโตะแค่นเสียงหัวเราะเยาะ อารมณ์ไม่ดีจากก่อนหน้านี้เบาบางลงจนแทบไม่หลงเหลือเมื่อเห็นยิ้มยินดีเล็กๆ ของคนตรงหน้า ชีวิตของเจ้าพวกนั้นมีค่าให้นายต้องปกป้องด้วยงั้นเหรอ ก่อนรอยยิ้มดูถูกจะถูกลบเลือน เมื่อได้ยินประโยคต่อมา
สิ่งที่ฉันกำลังปกป้องอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่คนพวกนั้น-------------------
ฮิบิกิยัดมือเข้าไปซุกในเสื้อกระเป๋า ดวงตาไม่สะท้อนอะไรนอกจาก โฮซึอิน ยามาโตะ
แต่เป็น นาย--------ยามาโตะ--------------------
จะไม่ปล่อยให้นายต้องเดินไปเพียงลำพังเด็ดขาด ยามาโตะ-----------
นี่--- เป็นปณิธานที่เขามีให้กับตนเอง ---- ปณิธานที่ผลักดันให้เขามายืนอยู่ตรงนี้---------------
ก็เพื่อ-------- เคียงข้าง หมอนี่-----------------
เคียงข้าง โฮซึอิน ยามาโตะ-------------------
ความเงียบร่วงโรยดุจการร่วงหล่นของละอองหิมะ สรรพสิ่งดูเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ หากแท้จริงแล้วเวลาก็ยังเคลื่อนไปด้านหน้า
การเคลื่อนไหวแรกมาจากร่างสูงในชุดผู้บังคับบัญชา
โฮซึอิน ยามาโตะ ขยับประชิดกายของคนอีกคน ก้มหน้ามองใบหน้าที่อยู่ต่ำกว่าเกณฑ์สายตา
ตาสบตา ไม่มีใครหลบ หรือเบี่ยงออก
ยามาโตะเพ่งมองดวงตาสีฟ้าใสที่เงยขึ้นสบอีกครั้ง
ท่าทางปราศจากร่องรอยความขวยเขิน มีแต่ความซื่อตรง แน่วแน่ไม่ไหวหวั่นทั้งในน้ำเสียงและแววตา ปัจจัยเหล่านี้พาให้ยามาโตะที่พยายามเก็บกักความรู้สึกที่ไม่เคยอธิบายมันได้สักครั้งแทบคุมตนเองไม่อยู่ ท้ายที่สุด เด็กหนุ่มก็ไม่อาจหักห้ามใจที่จะไม่แตะต้องคนตรงหน้าได้
ปลายนิ้วใต้ถุงมือดึงฮู้ดหูกระต่ายสีดำลง และเลื่อนไปเกี่ยวรั้งเส้นผมบางส่วนที่เกลี่ยระผิวแก้ม เผยดวงตาสีฟ้ากระจ่างข้างซ้ายที่มองสบนิ่ง
เกมส์จ้องตาดำเนินต่อสักพัก ก่อนร่างสูงกว่าจะค่อยๆ โน้มวงหน้าเย็นชาเข้าใกล้ จงใจให้ริมฝีปากเย็นเฉียบแตะแผ่วๆ ที่ริมหูนิ่ม
เสียงทุ้มพร่ากระซิบ
นายเป็น ของฉัน คุเสะ ฮิบิกิ
ถ้อยคำที่ไม่ได้ถูกชักพามาด้วยอารมณ์หวานลึกซึ้งหรือความหมายซับซ้อนให้ครุ่นคิด ไม่ได้ต้องการสื่อถึงความหมายใด เพียงแค่อยากเอ่ยออกมาตามที่ใจคิด แม้มันอาจเป็นถ้อยคำที่ชวนให้รู้สึกเหมือนคู่รัก แต่ยามาโตะก็คิดอะไรไม่ออก เพราะหากต้องให้สรรหาถ้อยคำที่เหมาะกว่านี้ เห็นที ในโลกนี้คงไม่มีอีกแล้ว
เช่นเดียวกับฮิบิกิ เขารู้ว่ายามาโตะไม่ได้คิดอะไร เหมือนกับที่เขาเองก็ไม่ได้คิดอะไรเช่นกัน
เพราะต่างฝ่ายต่างรับรู้ว่าแต่ละคนคือ คน ที่ต้องจับประคับประคอง ช่วยพยุงสิ่งที่อีกฝ่ายแบกรับและก้าวเดินไปเรื่อยๆ
ในตอนนี้ มันเลยกลายเป็นสิ่งที่สามารถยืนยันสถานะของพวกเขาสองคนได้ดีที่สุด----------------------------
ในฐานะ คนที่เดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน-----------
ผ่านไปหลายนาที ฮิบิกิค่อยๆ เอนหัวออกเมื่อลมหายใจอุ่นของยามาโตะยังคงพ่นรดลงต้นคอ ชวนให้รู้สึกจักจี้ ตาสีฟ้าใสมองยามาโตะเหมือนสื่อแววตำหนิว่านายควรยื่นหัวนายกลับไปได้แล้ว ถ้าหมายถึงเป็นให้นายใช้หมากล่ะก็ฉันไม่ยอมแน่ รู้ทั้งรู้ว่ายามาโตะไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ก็ไม่อาจห้ามใจที่จะพูดกระทบกระทั้งถึงเรื่องคราวก่อน
หึ ยามาโตะผละถอย ระบายยิ้มบางดูมีพิรุธชอบกล ก็แล้วแต่นายจะคิด
ปราศจากคำพูดอื่นใด วินาทีถัดมา ยามาโตะเบี่ยงตัวหลบ ก้าวสวนผ่านฮิบิกิ และตรงไปยังห้องบัญชาการโดยไม่แม้แต่จะหันมองคนด้านหลัง
เสียงฝีเท้าของร่างสูงที่เบาลงไปเรื่อยๆ ฮิบิกิยืนนิ่ง ปลายนิ้วยื่นแตะติ่งหูที่เหมือนจะเหลือไออุ่นของริมฝีปากบางเฉียบของใครอีกคน ครั้นความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในอกซ้ายเบาบางลงจนแทบไม่รู้สึกอะไรอีก ฮิบิกิก็ดึงฮู้ดหูกระต่ายสีดำกลับมาคลุมศีรษะอีกครั้ง และออกแรงก้าวเดินไปตามทางที่ตนนึกไว้ดังใจ

.+..+..+..+..+..+..+..+..+.

เวลาบ่ายโมง ที่เขตชินจูกุ บนท้องถนนที่ถูกโอบล้อมด้วยตึกระฟ้า แสงสีมากมายของหลอดไฟประดับประดาตามทางเดิน แม้จะเป็นเวลากลางวันก็ยังมีการเปิดไฟยิบยับให้เห็นเป็นโลกหลากสีโทน
ฮิบิกิในชุดเสื้อคลุมฮู้ดสีดำของทาง JP’s แต่เสื้อในเป็นลายแถบสีขาวฟ้า ทำให้ดูเหมือนการแต่งตัวเข้าเมืองมากกว่าออกไปทำภารกิจเดินไหลไปตามกระแสคลื่นของผู้คนอย่างกลมกลืน ทั้งเขายังเอาแต่ก้มหน้าก้มตามองโทรศัพท์ตลอด เห็นแล้วใครๆ ก็คงคิดว่าฮิบิกิกำลังเล่มเกมหรือคุยไลน์กับเพื่อน ไม่ใช่กำลังเพ่งมองกำลังฉายภาพพิกัดตำแหน่งสถานที่ที่เคยเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนปริศนา เช่นเดียวกับหูฟังที่ใครหลายๆ คนอาจคิดว่าฮิบิกิกำลังใช้ฟังเพลงแก้เบื่อก็กำลังถูกใช้ในการฟังเจ้าเสียงหน้าที่สาวที่ยามาโตะบอกมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวชั่วคราว
- เดินตรงไปอีกสิบเมตรจะเป็นทางม้าลายค่ะ คุณคุเสะจะให้ฉันปรับเวลาการจราจรให้เร็วขึ้นเพื่อสะดวกต่อการเดินทางหรือไม่ -
"ไม่ต้องหรอกครับ"
- ถ้าอย่างนั่น รออีกประมาณสองนาทีกับอีกสิบเอ็ดวินาทีนะค่ะ -
"ครับ"
- ถ้าพบอะไรผิดปกติ รีบแจ้งดิฉันด้วยนะค่ะ -
"ขอบคุณมากครับ"
ฮิบิกิยิ้มชืด สัญญาณของเจ้าหน้าที่สาวขาดหายไปแล้ว และเสียงหูฟังของเขาก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเสียงเพลงคลอเบาๆ แบบที่เขาชอบ-------------
JP's รู้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน ครอบครัวหรือแม้แต่งานอดิเรกเล็กๆ น้อยๆ-------
ช่วงหนึ่งปีตอนมาทำงานกับ JP’s ฮิบิกิรู้ว่ามาโคโตะนึกสงสัยเขาและนั่นทำให้ข้อมูลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือแม้แต่ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างก็ยังถูกสืบค้นจนได้ แม้จะเคยรู้สึกลำบากใจกับการถูกล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว แต่นั่นมันก็แค่เมื่อก่อน---- แต่------------- อา ไม่รู้สิ มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ ทั้งๆ ที่ควรจะกลัวกลับการถูกล่วงรู้ทุกเรื่องราวของตนเอง แต่ในตอนนี้---------- ฮิบิกิกลับคิดว่ามันช่างสะดวกสบายเหลือเกิน
แม้จะเป็นความสะดวกสบายที่ต้องแลกมากับการละทิ้งโลกอันแสนธรรมดา ปราศจากเรื่องการไล่ล่า และการต่อสู้----- 
ฮิบิกิคิดถึงเรื่องราวต่อจากนี้
ถ้าวันใดวันหนึ่งตนเองไม่ได้ทำงานที่ JP's และต้องกลับไปใช้ชีวิตปกติแสนจะธรรมดาอีกครั้ง ถึงตอนนั้นการมองโลกของเขาจะเป็นเช่นไรต่อไปนะ-------
เขา----------- คิดไม่ออกเลยจริงๆ
คิดถึงอนาคตที่แสนห่างไกล ก่อนรอยยิ้มขื่นจะหุบลงเมื่อย้อนนึกถึงเหตุผลอันแท้จริงที่ทำให้เขามายืนอยู่ที่ชินจูกุ
เขามาตามหาโรนัลโด้
นับตั้งแต่กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ฮิบิกิได้ลองใช้เส้นสายของ JP’s สืบประวัติของทุกคนที่เขารู้จัก ทั้งเคตะ, ฮินาโกะ, ยุซุรุ, จุงโกะ, เอริ และโอโทเมะ พวกเขาทุกคนกลับมามีชีวิตโดยปราศจากความทรงจำในช่วงเจ็ดวัน รวมถึงโรนัลโด้ ที่ตอนนี้ได้ทำงานเป็นหน่วยข่าวกรองลับให้กับตำรวจ และยังเป็นคนกุมความลับของนักการเมืองหลายคน ซึ่งรวมถึงรัฐสภาระดับสูงบางคนอีกด้วย
ช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อน มีข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ เป็นรายงานข่าวเกี่ยวกับหนึ่งในผู้นำระดับสูงได้ถูกกลุ่มโจรปีนขึ้นบ้าน ช่วงชิงทรัพย์สินมีค่าไปส่วนหนึ่ง แต่โชคดี ที่ข้อมูลลับของรัฐสภาที่เก็บอยู่ในที่เดียวกับที่เก็บทรัพย์สินไม่ได้ถูกทำให้บุบสลายหรือสูญหายไป ข่าวนั้น ทำให้ทางตำรวจออกตรวจสอบพื้นกันมากขึ้น กระทั่งสามารถจับกุมคนร้ายที่เป็นตัวการหลักได้ แต่น่าเสียดาย ผู้ร่วมขบวนการอีกห้าคนยังคงลอยนวล
ดูผิวเผิน อาจดูเหมือนแค่ขโมยขึ้นบ้านธรรมดา ทว่าในช่วงเวลาใกล้เคียงกับวันเกิดเหตุ ในบริเวณใกล้ๆ กันนั้นได้มีเหตุทำร้ายร่างกายกันระหว่างกลุ่มคนชุดดำและกลุ่มคนธรรมดากลุ่มหนึ่งซึ่งได้อ้างว่าตนเพิ่งกลับจากร้านเหล้า หลังฉลองทำงานสามปีจนได้ขึ้นเงินเดือน ก่อนมาเจอกลุ่มคนท่าทางลับๆ ล่อๆ ในชุดดำ และโดนทำร้าย
แม้จะเป็นข้อสงสัยว่ากลุ่มคนสวมชุดดำที่มีราวๆ กันสี่ห้าคนนี้อาจเป็นกลุ่มเดียวกับโจรที่บุกปล้นบ้านของผู้นำรัฐสภาและยังลอยนวลอยู่ แต่สุดท้าย ทั้งสองคดีนี้ก็ได้ถูกจับแยกออกจากกัน ด้วยสาเหตุเพราะมีความเป็นไปได้น้อยมากหากกลุ่มคนร้ายจากสองคดีจะเป็นคนเดียวกัน เนื่องจากระยะห่างของที่เกิดเหตุที่อยู่ห่างกันมากเกินไปในช่วงระยะเวลาที่กะชันชิดเพียงไม่กี่นาที และจากที่ฟังคำให้การของกลุ่มพนักงานเงินเดือนที่ถูกทำร้าย พวกเขายังบอกอีกว่าคนร้ายทั้งห้ามาตัวเปล่า ไม่ได้ถือกระเป๋าที่หอบของมีค่าอะไรเลย
นั่นคือสิ่งที่ผู้ประกาศข่าวได้ให้ข้อมูลแก่ประชาชน
แต่ในเบื้องหลังแล้ว กลุ่มพนักงานธรรมดาที่ไปถูกทำรายร่างกายที่ว่านั่น แท้จริงแล้วก็คือกลุ่มตำรวจหน่วยข่าวกรองที่กำลังสืบหาข่าวในบริเวณใกล้เคียงนั้น และหนึ่งในนั้น มี โรนัลโด้ประจำการอยู่ด้วย-------------------------------------
ฮิบิกิจะไม่คิดเอาเรื่องนี้มาเก็บครุ่นคิดหลายคืนเลย หากไม่ใช่เพราะในคืนวันที่โรนัลโด้ถูกทำร้าย------  Box ลับของโรนัลโด้ได้อัพเดทข้อมูลใหม่
Box ลับที่ว่านี้คือกล่องเก็บข้อมูลส่วนตัวที่บันทึกเกี่ยวกับข้อมูลการทำงานทั้งหมด
ในช่วงเวลาเจ็ดวันของการตัดสินของโพลาลิส นอกจากแฟลชไดซ์ที่บรรจุข้อมูลของตระกูลโฮซึอิน และข้อมูลของปีศาจแต่ล่ะตัวที่โรนัลโด้เอามาให้กับฮิบิกิ ยังมีแผนการเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ที่ถูกเก็บอยู่ใน Box ลับที่โรนัลโด้เป็นคนให้รหัสลับกับเขาเอง----------
ไม่มีใครรู้เรื่องที่ฮิบิกิมีรหัสของ Box ลับ ------------ ไม่แม้แต่ยามาโตะ------------
และในช่องข่าวสาวของ Box ลับที่อัพในคืนเกิดเหตุ โรนัลโด้ได้บอกเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ ว่าตนได้ [ข้อมูลบางอย่าง] มาระหว่างการปะทะกับกลุ่มคนปริศนาซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่ทำร้ายตนเมื่อคืนวันเกิดเหตุ  
และ [ข้อมูลบางอย่าง] ที่ว่านี้--- คือ สิ่งที่ทำให้ฮิบิกิตัดสินใจออกโรงสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
เพราะมัน------ คือข้อมูลที่อธิบายเกี่ยวกับการพื้นงานทุกส่วนของภาครัฐ------ ระบบการเงิน---------- ความมั่นคงระดับประเทศ----------- ทุกๆ อย่าง แม้กระทั่งการคงอยู่ขององค์กรลับอย่าง JP’s ------------------- ซึ่งได้ถูกบันทึกแบบคร่าวๆ ใน Box ของโรนัลโด้ทั้งหมดแล้ว
[ความลับ] ที่โรนัลโด้ได้มา-------- เก็บข้อมูลทั้งหมดของประเทศไว้----------------------------------------
ฮิบิกิเรียบเรียงความคิดทั้งหมดเข้าด้วยกัน
มีความเป็นไปได้สูงที่ [ความลับ] ที่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ขโมยมาจากบ้านของผู้นำรัฐสภาระดับสูง เท่านี้ก็จะสอดคล้องกับคำให้การของพวกโรนัลโด้ที่กล่าวว่าคนร้ายพวกนั้นไม่ได้มีขนข้าวของมีค่าอะไรไปเลย นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกนั้นแสร้งจัดเหตุการณ์ให้ดูเหมือนมีโจรขโมยขึ้นบ้าน ทั้งๆ ที่จริงแล้วสิ่งที่พวกมันต้องการคือ [ความลับ] นี้----- และการที่ผู้นำรัฐสภาคนนั้นยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร ก็มีความเป็นไปได้อีกว่าสิ่งที่เก็บ [ความลับ] นี้อาจโดนสับเปลี่ยนให้เป็นของปลอม เพื่อหลอกให้คิดว่าตนขโมยแต่ของมีค่า ไม่ใช่ข้อมูล
----------แม้จะขัดกับหลักเรื่องระยะห่างของสถานที่เกิดเหตุกับช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันเกินไป ทว่าหากตัดความเป็นไปได้ของศักยภาพทางร่างกายออก------- เพราะการใช้แอปอัญเชิญล่ะ----? ถ้ากลุ่มคนที่ก่อสองคดีนี้คือกลุ่มเดียวกับกลุ่มคนปริศนาใช้เว็บอัญเชิญผิดกฎหมายและสร้างความก่อกวนที่ทาง JP’s กำลังตามล่าตัวอยู่ เปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ที่สองคดีนี้จะเชื่อมโยงกันก็จะไม่ใช่แค่ห้าหรือสิบเปอร์เซ็นต์อีกต่อไป  
แต่ในระหว่างการหนี พวกเขาก็ได้พบกับตำรวจนอกเครื่องแบบซึ่งกำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณนั้น มีการปะทะกัน และก่อนที่จะหายตัวไป โรนัลโด้ก็ได้แอบฉกเอา [ความลับ] มาจากคนพวกนั้น-------------------------------------------------
และยังมี <โค้ดลับ> ใน [ความลับ] ซึ่งใน Box ลับของโรนัลโด้ไม่ได้ลงข้อมูลอะไรเอาไว้นอกจากชื่อของมัน กับรายละเอียดที่กล่าวว่า มันน่าจะเป็นข้อมูลสำคัญ-------------
ฮิบิกิครุ่นคิด
บางที-------------- <โค้ดลับ> ที่โรนัลโด้มีอยู่ อาจเป็นกุญแจสำคัญที่อาจใช้เปิดเผยตัวตนของกลุ่มคนที่ JP’s กำลังต่อกรก็ได้
แต่อย่างที่พูด------------ ทุกอย่างที่เขาคิดเป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานโดยคาดการณ์จากหลักเหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้ ยังไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันความถูกต้องอะไรใดๆ ทั้งนั้น
ดังนั้น ฮิบิกิจึงยังไม่บอกยามาโตะ-------------------------- ตราบใดที่เขายังไม่มั่นใจ
ฮิบิกิยืนหยุดอยู่ตรงทางม้าลาย ผู้คนมากมายอยู่ฝากเดียวกับเขา และอีกมากหยุดอยู่ที่อีกฝั่งที่ต้องเดินสวนกัน รถราพุ่งผ่านไปเสมือนสายน้ำ วูบหนึ่ง ฮิบิกิรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่บนเส้นทางที่ไม่มีใครเลือกนอกจากตนเอง เชื่อใจใครไม่ได้ ไว้ใจใครไม่ได้ และเมื่อหน้าสัญญาณไฟสำหรับให้คนเดินเปลี่ยนเป็นสีเขียว คนจากฝั่งตรงข้ามเริ่มก้าวข้ามฟาก เช่นเดียวกับฮิบิกิที่ก้าวข้ามไปบ้าง
ตี๊ด------------------------------------------------------------! 
เสียงปรับสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ JP’s ที่ฮิบิกิวานช่วยติดตามดูการเคลื่อนไหวรอบตัวเขาแทรกเข้ามา เจ้าหน้าที่สาวบอกกับเขาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
- รีบถอยออกมาเดี๋ยวนี้ค่ะ!! คุณฮิบิกิ!!! -
แสงสว่างส่องวาบจากด้านข้าง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของผู้คน ภาพต่อมาของฮิบิกิคือคอนเทนเนอร์สีขาวของคันรถบรรทุกขนาดยี่สิบเมตรที่กำลังหมุนอยู่กลางอากาศและกลิ้งลงมาบนเส้นทางที่เด็กหนุ่มกำลังข้ามไป และด้วยระยะแบบนี้----- หลบไม่ทันแล้ว!!
?!!!”
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!
โครม!!

.+..+..+..+..+..+..+..+..+.

เฮ้อ ถ้ามีงานทำเหมือนอย่างฮิบิกิแล้วก็ดีน่ะสิ จะได้ไม่ต้องมาเรียนแล้วก็สอบอะไรแบบนี้
เสียงบ่นเซ็งๆ จากไดจิเรียกเพื่อนหนุ่มที่นั่งข้างๆ ถามอย่างสนอกสนใจใจ อ้าว แล้วเพื่อนนายทำงานอะไรล่ะ? ส่งของเหรอ?
เดี๋ยวนี้แค่การเรียนระดับมัธยมปลายมันไม่เพียงพออีกแล้ว ถ้าอยากจบมาได้อาชีพดีๆ ก็ต้องสู้กัดฟันไปให้ไหวจนกว่าจะเรียนจบมหาวิทยาลัยเท่านั้นล่ะ แต่ถ้าไม่ ก็คงได้งานเล็กๆ น้อยๆ อย่างส่งของเดลิเวอร์รี่อะไรเทือกนั้น
อืมมม ไม่รู้สิ ไดจิแนบหน้าลงกับโต๊ะ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าหมอนั่นทำอะไรเหมือนกัน----- แต่เป็นงานที่มีเวลาเลิกไม่สม่ำเสมอ บางครั้งก็โดนโทรตามบ้างล่ะ โดนเรียกจุกจิกจู้จี้------ และก็เป็นงานที่ได้เงินเดือนเยอะด้วย ไดจิถอนหายใจ อย่างเมื่อครั้งที่แล้ว อุตสาห์นัดกันมาเที่ยวแท้ๆ ท้ายที่สุดก็ต้องกลับบ้านก่อนเพราะต้องไปทำงานอีกจนได้
ใช่ว่าไดจิไม่รู้ หลายครั้งที่ฮิบิกิขอกลับบ้านก่อน เขาก็รู้ว่าเป็นเพราะมี คน โทรตาม---- และแน่ๆ ไม่มีทางใช่คนที่บ้านแน่นอน ในเมื่อบ้านของฮิบิกินั้น-----------------------------------------------
เฮ้อ------------- ไม่อยากนึกถึงเลยจริงๆ----------------------------------
นายมั่นใจรึเปล่าว่าหมอนั่นไม่ได้มีแฟน ไม่แน่ หมอนั่นอาจแวะไปหาแฟนก็ได้----------------------------------?
ไม่มีทางซะหรอก!” ไดจิยืนยันเสียงดัง คนอย่างฮิบิกิน่ะ ไม่มีทางมีแฟนก่อนฉันแน่ๆ คนมีสกิลเรื่องความสัมพันธ์ต่ำระดับเด็กประถมยังอายอย่างฮิบิกิ ถ้ามีหญิงก่อนเขาได้ เขาจะไม่ขอใช้ชื่อ นิจิมะ ไดจิ อีก!
พูดเหมือนกับว่านายมีคนที่ชอบแล้วงั้นแหละ
ไดจิหน้าแดงแจ๋ ถูแก้มแรงๆ ปะ เปล่าซะหน่อย
เพื่อนในเซ็คเรียนยิ้มล้อๆ นั่นแน่ะ มีสเปคในดวงใจแล้วอะดิ สวยปะ
ก็--------- ไดจินั่งเกาหัว แก้มแดงระเรือด้วยความขัดเขิน สวยมากๆ เลยล่ะ แถมยังใจดี อ่อนโยน นางฟ้าชัดๆ
 หืมมม รสนิยมไม่เลวนี่ เพื่อนชายในเซ็คเรียนเดียวกันพูดเปรยๆ ขึ้นมา แต่ฉันว่าไม่แน่นะ บางทีเพื่อนของนายที่ชื่อฮิบิกิอะไรนั่นอาจทำงานอย่างว่าก็ได้ ในเมื่อหมอนั่นไม่ได้เรียนต่อมหาลัย และยังต้องทำงานที่ต้องถูกเรียกตัวบ่อยๆ ตามสายเรียกโทรศัพท์อย่างที่นายว่า เพื่อนนายอาจเกาะผู้หญิงกิ------ โว๊ะ! ทำบ้าอะฟะ!!”
ไดจิแยกเขี้ยว มือยังคงถือขวดน้ำเปล่ากลวงๆ ส่วนน้ำน่ะหรือ เทสาดใส่คนข้างกายไปแล้ว
ฮิบิกิไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด! หมอนั่นน่ะ ทั้งฉลาด ทั้งเก่ง ดูดีกว่านายเป็นสิบเท่า ต่อให้หมอนั่นไม่เรียน ฮิบิกิก็สามารถไปตามทางของตนเองได้!”
ใครหลายๆ คนอาจคิดว่าไดจิเป็นคนขี้ขลาด ใช่ เขายอมรับ เขาอาจเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เพื่อนของเขาต้องโดนว่าเด็ดขาด! ฮิบิกิเป็นคนดี ตอนเด็กๆ หมอนั่นยังต้องให้เขาช่วยป้องกันใครจะมารังแกเลย! และเมื่อไหร่ที่ไดจิไม่เข้าใจบนเรียนหรืออะไรๆ ฮิบิกิก็จะมาสอนเขา ฮิบิกิไม่เคยทิ้งเขาไป เวลานัดเจอกัน ถึงไดจิจะชอบมาสาย ฮิบิกิก็จะยิ้มรับ แล้วบอกว่าไม่เป็นไรเสมอ
คนแบบนั้นไม่มีทางทำอาชีพอะไรแบบนั้นหรอก!
ถ้าไม่รู้จักหมอนั่นดีพอ ก็อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ!!”
เฮ้ย นี่ฉันแค่พูดเล่นๆ เอง เก็บมาคิดจริงจังไปไ---
ฉันไม่อยากนั่งกินข้าวกับนายแล้ว!” ไม่แม้แต่จะฟังคำแก้ตัวของเพื่อนร่วมเซ็คที่เพิ่งสำนึกว่าตนได้ไปเหยียบกับระเบิดลูกใหญ่เข้า ไดจิสาวยาวๆ เดินไปที่โรงอาหารด้วยอารมณ์เดือดดาลจัด
คุณน้า ผมขอแกงกะหรี่ชุดใหญ่ครับ!”
ไดจิรับแกงกะหรี่สั่งพิเศษมาแล้วจ้วงกินด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดๆ อา ตอนนี้ทำอะไรเขาก็รู้สึกหงุดหงิดไปหมด! แม้แต่เจ้าหน้าที่นำเที่ยวในชุดวาบหวิวสุดเซ็กซี่บนจอทีวีไดจิยังรู้สึกรำคาญเลย!
ไม่ไหวแล้ว------------! เด็กหนุ่มทนไม่ไหว ลุกขึ้นเตรียมเดินไปปิดทีวี
ตอนนั้นเอง--------
ต่อไปนี้ เราจะทำการถ่ายทอดสด และพาพวกท่านไปชื่นชมความงามของชินจูกุกันนะค่ะ ที่นี่มี---- กรี๊ดดดดดดดด
เจ้าหน้าที่นำเที่ยวส่งเสียงกรี๊ดลั่น เรียกสายตาทุกคู่ในโรงอาหารให้จดจ่ออยู่กับรถบรรทุกขนาดยาวยี่สิบเมตรกำลังกลิ้งหมุนลุ่นๆ ด้วยความเร็วสูง กวาดทุกอย่างทั้งรถทั้งคนที่กำลังเดินข้ามถนน โดนมันทับตายเป็นศพแบนเละๆ ที่พาลให้คนในโรงอาหารแทบอาเจียนของที่ตนเพิ่งรับประทานไปหมาดๆ
แต่สิ่งที่ตรึงสายตาไดจิที่สุด--------------- ในชั่ววินาทีหนึ่งที่ภาพในเลนซ์กล้องของช่องถ่ายทอดสดได้ปรับซูม จนสามารถจับภาพวงหน้าอันคุ้นเคยของเพื่อนสมัยเด็กใต้ฮู้ดกระต่ายสีดำที่กำลังเบิกตามองอย่างตื่นตระหนก ส่วนของคอนเทนเนอร์รถบรรทุกกลิ้งพลิกลงมาทับร่างโปร่งที่ดูเล็กถนัดตาเมื่ออยู่ต่อหน้าคอนเทนเนอร์ที่บรรจุของหนักหลายตัน
ไดจิแทบจะหยุดหายใจ
ฮิบิกิ!!!!!!”
....................................................................
........................................
...................
...
.
TBC



[火曜日: Tuesday of Disorder ]
[月曜日: Monday of Peculiarity ②]

No comments:

Post a Comment